ครึ่งชั่วโมงต่อมา
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะเข้านอนเสร็จ สุดท้ายฉันก็นอนไม่หลับจริง ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแปลกที่แปลกทางหรือเพราะภายในห้องมันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายบางอย่างของเจ้าของห้องกันแน่ ฉันนั่งมองรอบห้องอยู่บนเตียงนอนขนาดหกฟุต
ภายในห้องตกแต่งอย่างเรียบง่ายสมกับบุคลิกของพันไมล์ เขาเป็นผู้ชายง่าย ๆ ไม่เรื่องมาก เมื่อก่อนเขาเคยเป็นแบบนั้นนะ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะยังคงเหมือนเดิมหรือเปล่า
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่อง เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น เป็นข้อความของพันเก้าที่ส่งมาหา ยัยนั่นมักจะถามไถ่ฉันเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ฉันยิ้มหลังอ่านข้อความเพื่อนรักจบ ก่อนรอยยิ้มจะค่อยจางหายไปเมื่อไม่พบข้อความหรือสายเรียกเข้าจากจินหลงเลย
เขาไม่ได้ติดต่อฉันมาเลยสินะ…
ฉันควรจะชิน ควรจะเฉยชาได้แล้ว ที่ผ่านมาเวลาที่เราทะเลาะกัน หรือยามที่เขากลายเป็นใครอีกคน เขาจะหายไปแบบนี้เสมอ และเขาจะกลับมาเมื่อเขากลายเป็นคนเดิม
หากทว่า… การกลับมาครั้งนี้ของเขา คงไม่เจอฉันที่นั่นอีกแล้ว ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าจินหลงจะทำยังไงต่อไป เขาอาจจะตามหาฉัน พยายามติดต่อฉันทุกวิถีทาง
และเมื่อถึงเวลานั้น… ฉันจะคุยเรื่องนี้กับเขาอีกครั้ง และหวังอย่างยิ่งว่าเขาจะเข้าใจ
ฉันวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะลุกขึ้นเดินออกมานอกระเบียง บรรยากาศฮ่องกงยามราตรียังคงสวยงามไม่เคยเปลี่ยน แม้จะอยู่เพียงแค่ชั้นแปดแต่ก็สามารถมองเห็นบ้านเรือนและแสงไฟสวยงามเหล่านั้นได้
“นอนไม่หลับเหรอ” เสียงทักจากระเบียงข้างกันทำฉันสะดุ้งตกใจจนเกือบจะร้องออกมาแล้วเชียว หันมองกจึงพบว่าพันไมล์กำลังยืนอยู่ตรงนั้น ในมือเขาคีบบุหรี่อยู่ ดวงตามังกรจ้องตรงมาที่ฉัน
“โธ่เฮีย… ฉันตกใจหมดเลย” ว่าแล้วก็ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่
“ตกใจทำไม กลัวผีด้วยเหรอเรา”
“ไม่ตลกเลยนะ ที่นี่ไม่ใช่บ้านฉันนี่ จะไม่ให้กลัวได้ยังไงกันล่ะ” ฉันขึงตาใส่เขานิด ๆ พลางกอดตัวเองแก้หนาว พันไมล์แสยะยิ้มแล้วอัดบุหรี่เข้าปอดแรง ๆ ก่อนจะขยี้มันลงกับถ้วยทรายบนโต๊ะ
“ไม่ยักรู้ว่าเธอขวัญอ่อน”
“แน่ล่ะ เฮียไม่ได้รู้จักฉันดีขนาดนั้นสักหน่อย” ฉันพูดไปเรื่อย แต่ไม่รู้ทำไมฟังแล้วคล้ายประชดประชันแปลก ๆ บ้าชะมัดเลย นี่ฉันไม่ได้กำลังประชดเขาใช่ไหม เพราะไม่อยากอยู่ตรงนี้ต่อฉันเลยเตรียมจะหมุนกลับเข้าห้อง แต่กลับต้องชะงักเพราะคำพูดประโยคต่อมาของเขา
“งั้นไอ้เวรนั่นคงรู้จักเธอดีกว่าเฮียงั้นสิ”
เขาหมายถึงใคร… จินหลงเหรอ
“เฮียต้องการจะพูดอะไรกันแน่ ฉันไม่เข้าใจ”
“งั้นถามใหม่”
ร่างสูงเดินเข้ามาหาฉันจนสุดเขตระเบียงของเขา แม้ระยะห่างระหว่างระเบียงจะอยู่ไกลกันพอสมควร แต่ก็ทำให้ฉันสามารถมองเห็นสีหน้าและแววตาของพันไมล์ได้อย่างชัดเจน
“เธอรู้จักมันดีแค่ไหนไกอา?”
“…” ฉันนิ่งไปกับคำถามใหม่ของเขา สองตาสบนิ่งกับสายตาจริงจัง ฉันไม่เข้าใจว่าพันไมล์ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ ทำไมเขาถึงถามฉันแบบนี้ ทำไมจู่ ๆ ถึงสนใจขึ้นมา ทั้งที่ตลอดห้าปีมานี้เขาไม่เคยสนใจ
“เธอคิดว่าตัวเองรู้จักผู้ชายอย่างไอ้จินหลงดีแค่ไหน?” ฉันเม้มปากแน่นตอนพันไมล์เอ่ยชื่อของจินหลง ไม่รู้ว่าเขาฟังชื่อมาจากพันเก้าหรือเพราะเขารู้จักจินหลงกันแน่ “รู้ไหมว่ามันทำงานอะไร? แล้วมันสันดานยังไง เธอรู้หรือเปล่า?”
“แน่นอนว่าฉันรู้” ฉันจ้องตาตอบเขาด้วยความสัตย์จริง ฉันรู้ดีเรื่องงานที่จินหลงทำ และรู้ถึงเหตุผลที่เขาต้องทนทำมันด้วย
“เธอรู้?” พันไมล์ชะงักไป เขาจ้องฉันนิ่ง
“ใช่ ฉันรู้” ฉันเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยพลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะพูดต่อ “เพราะฉะนั้นอย่ามายุ่งเรื่องของฉันอีก ฉันไม่ได้โง่นะเฮีย ไม่จำเป็นต้องมาคิดแทนฉัน”
“งั้นเหรอ เธอรู้แต่เธอก็ยังคบกับมันต่องั้นเหรอ” คราวนี้ฉันเป็นฝ่ายจ้องพันไมล์กลับ สีหน้าเขาเรียบนิ่งจนเดาอารมณ์ไม่ถูก “ไม่หรอกไกอา เธอไม่ได้รู้ทั้งหมดหรอก”
“…”
“เพราะถ้าเธอรู้ถึงความชั่วช้าของไอ้เวรนั่น เธอคงไม่โง่คบกับมันแบบนี้หรอก”
อีกแล้วนะ… วันนี้พันไมล์ด่าฉันว่าโง่สองรอบแล้วนะ เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน มีสิทธิ์อะไรมาด่าฉันแบบนี้
และไม่รู้ว่าเพราะความรู้สึกอะไรหรืออารมณ์ไหนถึงทำให้ฉันกล้าสบตากับเขาตรง ๆ พร้อมกับพ่นคำพูดบางอย่างออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เรื่องเดียวในชีวิตที่ฉันโง่… ก็คือการได้รู้จักเฮียนั่นแหละ เฮียไมล์”