[ร่องรอย]
.
.
.
{จินหลง}
แปะ
หยดน้ำตาเม็ดเล็ก ๆ หยดลงบนหน้าจอโทรศัพท์ มันเลอะบริเวณใบหน้าหญิงสาวคนนั้นพอดิบพอดี ฉันสะอื้นเบา ๆ พลางปาดน้ำตาข้างแก้มลวก ๆ ก่อนตัดสินใจกดรับสายที่โทรเข้ามากว่าร้อยสายแล้วของวัน ความใจแข็งของฉันมันพังทลายลงอีกแล้ว เพียงแค่เห็นภาพของเราสองคน ความเข้มแข็งของฉันมันก็มลายหายไปจนหมด
สุดท้าย… ฉันก็ใจอ่อนจนได้สินะ
[…] ฉันรับสายโดยไม่พูดอะไร ปลายสายก็เช่นกัน เขามักเป็นแบบนี้เสมอ เวลาที่เรามีปัญหากัน เขาจะใช้ความเงียบใส่ฉันแบบนี้ตลอด สุดท้ายก็เป็นฉันเองที่ทนความอึดอัดนี้ไม่ได้
“จะไม่พูดอะไรอีกแล้วใช่ไหม จินหลง” ภาษาจีนถูกพูดออกมาแผ่วเบา ฉันพยายามข่มน้ำเสียงตัวเองให้ราบเรียบที่สุด แม้จะทำได้ยากเย็นเหลือเกิน
[ขอโทษ…] คำสั้น ๆ แต่ช่างมีอิทธิพลกับฉันมาก กี่ครั้งกี่หนแล้วที่ฉันพ่ายแพ้ให้กับคำ ๆ นี้ของผู้ชายคนนี้… ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็น… แฟนฉัน [อยู่ไหน จะไปหา]
“มะ ไม่ต้อง” ฉันรีบปฏิเสธ
[ทำไม?] ปลายสายเริ่มขึ้นเสียงนิด ๆ ตามนิสัยเอาแต่ใจ ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนตอบด้วยน้ำเสียงปกติ
“ฉันอยู่เมืองไทย กลับมาวันเกิดยัยเก้า”
[ไปไม่บอก คิดจะหนีฉันเหรอไกอา] น้ำเสียงขุ่น ๆ บ่งบอกว่าจินหลงกำลังหงุดหงิดอีกแล้ว เขาเป็นคนอารมณ์ร้อนและหงุดหงิดง่าย แถมยังอันตรายมาก ๆ แต่ถึงอย่างนั้น… ฉันก็ยังรักเขา
“ฉันหนีนายได้เหรอ”
[ทำได้ก็ลองดู] เสียงกุกกักจากปลายสายทำหัวใจฉันสั่นนิด ๆ ถ้าเดาไม่ผิด จินหลงกำลังเปิดประตูตู้เสื้อผ้าแน่ ๆ นี่เขาคงไม่คิดจะมาตามฉันที่เมืองไทยจริง ๆ หรอกนะ
“อย่ามานะจิน เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว”
[เธอก็รู้ ฉันไม่ชอบรอ]
“แต่ว่า…”
[อีกสามชั่วโมงเจอกัน]
จินหลงพูดแค่นั้นแล้วกดวางสายไป ปล่อยให้ฉันถือสายอยู่อย่างนั้นร่วมนาที ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ฉันรู้จักนิสัยจินหลงดีที่สุด ตลอดเวลาหนึ่งปีที่เราคบกันมา ฉันได้เห็นทั้งด้านที่ดีที่สุดและร้ายที่สุดของเขามาหมดแล้ว และสิ่งที่เลวร้ายมากที่สุดของผู้ชายที่ชื่อจินหลงก็คือ… การควบคุมอารมณ์
ในเวลาปกติจินหลงก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่นทั่วไป เขาดูแลเอาใจใส่ และมีมุมอบอุ่นอ่อนโยน เป็นผู้ชายที่อาจจะไม่ได้วิเศษมากมาย แต่มีความรักความจริงใจต่อฉันมาก ฉันสัมผัสถึงความรู้สึกเหล่านั้นได้
ครั้งหนึ่งเขาเคยเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยฉัน จินหลงมักพูดอยู่เสมอว่าเขารักฉันมากกว่าชีวิตของเขา และเขาตายแทนฉันได้ ซึ่งฉันเชื่อเขาอย่างไม่มีข้อแม้
แต่… มนุษย์ทุกคนย่อมมีด้านสว่างและด้านมืด สำหรับบางคนอาจจะเผยแต่ด้านสว่างและเก็บซ่อนด้านมืดไว้ในส่วนลึกของจิตใจ แต่มันไม่ใช่สำหรับจินหลง เขาไม่สามารถเก็บด้านมืดนั้นเหมือนคนอื่นได้ เพราะ ‘โรคบางอย่าง’ มันทำให้เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองค่อนข้างยาก นั่นจึงทำให้เขากลายเป็นบุคคลน่ากลัวและอันตรายสำหรับทุกคน… แม้กระทั่งกับฉันเองที่เคยสัมผัสกับความน่ากลัวนั้นมาแล้วหลายครั้ง
เสื้อโค้ชตัวหนาถูกถอดออกช้า ๆ อย่างระมัดระวัง ก่อนหน้านี้พันเก้าพยายามโน้มน้าวให้ฉันถอดมันออกที่โต๊ะ แต่ฉันปฏิเสธและยืนยันว่าอากาศไม่ได้ร้อน ฉันโอเคที่จะสวมมันไว้แบบนี้
นั่นคือคำโกหก…
ฉันไม่ได้อยากจะสวมเสื้อโค้ชตัวใหญ่ ๆ แบบนี้หรอก แต่เพราะต้องการจะปกปิดบางอย่างให้พ้นจากสายตาของทุกคน เพราะไม่ต้องการให้คนที่รักฉันต้องเป็นห่วง ฉันเลยจำเป็นต้องทำแบบนี้
“…”
รอยช้ำเขียวช้ำรอยใหญ่หลายรอยบริเวณข้อมือและท่อนแขนปรากฏชัดท่ามกลางความมืดสลัวจากโคมไฟภายในห้องนั่งเล่นที่ปิดไฟสนิท ปลายนิ้วแตะลงบนรอยพวกนั้นเบา ๆ พลางเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อกักกั้นเสียงครางด้วยความเจ็บปวดของตัวเอง ฉันเปิดฝาตลับยาจากในกระเป๋าแล้วค่อยบรรจงทาลงบนรอยช้ำแผ่วเบา
ฉันชินซะแล้วล่ะ…
การที่ต้องแอบมานั่งทายาบนรอยช้ำหรือรอยแผลบนร่างกายตัวเองแบบนี้ ฉันเริ่มชินแล้ว… มันเป็นความลับที่ต่อให้ตายฉันก็ไม่ยอมให้ใครรู้เด็ดขาด โดยเฉพาะเฮียนำทัพกับพันเก้า ถ้าสองคนนั้นรู้เรื่องนี้… มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ
ทว่า…
“เกิดอะไรขึ้น…”
“…!” ฉันสะดุ้งตกใจกับเสียงทุ้มต่ำแสนคุ้นเคยด้านหลัง มือบางคว้าปกปิดรอยช้ำก่อนหันกลับไปมองแล้วพบกับสายตาน่ากลัวจับจ้องมาที่รอยช้ำบนท่อนแขนของฉัน วินาทีนั้นเหมือนหัวใจทั้งดวงมันหยุดเต้น เหมือนโลกทั้งโลกมันหยุดหมุนไปแล้ว…
“ใครทำร้ายเธอ ไกอา!”
นี่เขา… มาทำอะไรตรงนี้!
.......................
ฝากคอมเม้นท์พูดคุยกับไรท์ได้น้าาา ไรท์ไม่ดื้อค่าาาา