ร่างบางเดินจากไปแล้ว เธอกลับไปพร้อมกับความคุกรุ่นในจิตใจของผม ผมไม่เข้าใจเลยว่ะ ทำไมไกอาถึงไม่ยอมพักที่นี่ ในเมื่อคอนโดของเธอกับที่นี่อยู่ไกลกันคนละฟากเลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมเธอถึงคิดจะเดินทางไปกลับแบบนั้น มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะ
“จันว่าเจ้ไกอาดูแปลก ๆ ไปนะ” อยู่ ๆ จันจิ ลูกพี่ลูกน้องของผมพูดขึ้น สายตาเธอมองตามหลังไกอาที่เดินออกไปจากร้านแล้ว
“ทำไมถึงคิดว่าแปลกล่ะ” เหมยหลินถามในสิ่งที่ผมก็อยากรู้
“ไม่รู้สิเจ้ จันเคยสนิทกับเจ้ไกอามากเลยนะ ปกติเจ้ไกอาเป็นคนร่าเริง ยิ้มเก่ง ดูสดใสตลอดเวลา แต่มาคราวนี้…” ผมนิ่งฟังพลางขบคิดตาม จันจิเหลือบมองมาทางผมเล็กน้อย สายตาเธอบ่งบอกว่ากำลังสงสัยในอะไรบางอย่าง “เจ้ไกอาดูเปลี่ยนไป แววตาเศร้า ๆ ไม่ค่อยยิ้ม เหมือนคนเก็บความทุกข์ไว้ในใจยังไงยังงั้น เฮียคิดเหมือนจันไหม?”
จู่ ๆ ผมก็ถูกยิงคำถามใส่ จากตอนแรกที่คิดว่าจะฟังเงียบ ๆ ไม่ออกความเห็นอะไร เลยกลายเป็นว่าถูกผู้หญิงทั้งสองคนกดดันด้วยสายตาแทน ผมมองจันจิสลับกับเหมยหลินก่อนจะละมองทางหน้าประตูร้าน ภายในใจครุ่นคิดตามในสิ่งที่จันจิพูดไปด้วย
มันไม่ผิดไปจากที่จันจิพูดเลยสักนิด ไกอาเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ส่วนหนึ่งของเหตุผลนั้นผมพอจะรู้… แต่ไม่รู้ว่านั้นคือเหตุผลทั้งหมดหรือเปล่า
“ไม่รู้สิ…” ผมตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนหันไปหาเหมยหลิน “วันนี้กลับดึกหน่อยนะ ไม่ต้องรอ”
“อืม… ระวังตัวด้วยนะไมล์” เหมยหลินเงียบไปชั่วครู่ก่อนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจเหมือนทุกครั้ง เธอไม่เคยเซ้าซี้หรือทวงถามเหมือนผู้หญิงทั่วไปว่าผมจะไปไหน ไปทำอะไร และไปกับใคร เพราะเธอไว้ใจและเชื่อใจผมมาก นั่นทำให้ผมรู้สึกดีมากจริง ๆ
เพราะหากเธอถาม… ผมอาจต้องโกหก… ซึ่งนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมคิดจะทำกับผู้หญิงคนนี้…
ผมเดินออกมาจากร้านโดยไม่ได้เลี้ยวเข้าลานจอดรถอย่างที่ควรจะทำ ทว่าผมกลับเดินเรียบถนนออกมา ขณะสายตากวาดมองโดยรอบเพื่อหาใครบางคนที่เพิ่งเดินออกมาก่อนหน้านี้ไม่นาน
ผมรู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันโง่เง่าสิ้นดี ผมไม่ควรทำแบบนี้อีก ผมควรปล่อยเธอคนนั้นไป ไม่ควรสนใจเธอ ไม่ควรวุ่นวายกับเธออีก เหมือนกับที่เคยทำมาตลอดเวลาห้าปี แม้จะคิดอย่างนั้น…
แต่ไม่รู้ทำไม… หัวใจผมมันกลับไม่ยอมฟัง
.
.
.
[บทบรรยาย ไกอา]
ฉันกลับมาถึงห้องในตอนค่ำ หลังจากแวะซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเสร็จฉันก็เดินขึ้นลิฟต์มายันชั้นเจ็ดซึ่งร้างราผู้คน ประตูห้องถูกเปิดเข้าไปช้า ๆ ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศบ่งบอกให้รู้ว่ามีใครบางคนกลับมาถึงห้องก่อนหน้าฉันแล้ว
ร่างสูงในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ฉันวางข้าวของในมือลงบนเคาน์เตอร์แล้วเดินไปหยุดยืนตรงหน้าเขาด้วยความเป็นห่วง และเมื่อเห็นว่าเขาเพียงแค่หลับไปก็ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“…” ฉันย่อตัวนั่งลงบนพื้นห้องเพื่อจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหลับพริ้มด้วยความเหนื่อยล้า
ทุกครั้งที่จินหลงกลับมาที่ห้อง เขามักจะอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าแบบนี้เสมอ บางวันก็เมากลับมา บางวันก็มีร่องรอยฟอกช้ำหรือบาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับมา น้อยครั้งนักที่เขาจะกลับมาในสภาพปกติเหมือนเช่นวันนี้
ฉันหมายถึง… วันนี้ไม่มีกลิ่นเหล้าและไม่มีร่องรอยใด ๆ บนใบหน้าของเขาเลยน่ะ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดี เพราะฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา ถ้าเราได้คุยกันในช่วงอารมณ์ปกติของเขามันคงจะดีกว่า
ฉันลูบเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มอย่างแผ่วเบา สองตาจับจ้องใบหน้าผู้ชายที่รักนิ่ง ฉันรักเขา... เรื่องนี้หัวใจฉันรู้ดี และเพราะคำว่ารัก ฉันถึงยังอยู่ตรงนี้... ข้าง ๆ เขา
‘ถ้าเธอไม่กิน เฮียก็ไม่กิน’
จู่ ๆ ภาพของใครอีกคนแล่นเข้ามาในหัวของฉัน สีหน้าจริงจังแต่แฝงความอ่อนโยนและแววตาอบอุ่นของเขากำลังทำฉันหายใจไม่ออก
บ้าจริง… ทำไมไปนึกถึงพันไมล์ได้นะ
หมับ…
ความอบอุ่นจากฝ่ามือหนาเรียกความคิดอันสบสนของฉันกลับมาตรงหน้าแทบจะทันที ดวงตาเรียวรีดุจมังกรจับจ้องฉันนิ่ง จินหลงตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ฉันมัวแต่ใจลอยเลยไม่ทันสังเกต ไม่รู้ว่าเผลอแสดงสีหน้าอะไรออกมาให้เขาเห็นหรือเปล่า
“กลับมานานหรือยัง” ร่างสูงขยับตัวลุกขึ้นนั่งโดยที่ยังจับมือฉันแน่น เขาใช้มือข้างที่ว่างเสยผมตัวเองลวก ๆ ท่าทางยังดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด จินหลงดึงฉันที่นั่งคุกเข่าบนพื้นให้ลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาด้านข้างเขา ก่อนเขาจะก้มลงมาเกยคางไว้บนไหล่ของฉันแล้วสวมกอดจากด้านหลัง
“…” ฉันเอนตัวพิงเขาเบา ๆ ซึมซับไออุ่นจากแผ่นอกแกร่ง ลมหายใจกรุ่นร้อนเป่ารดลำคอสม่ำเสมอ ฉันเบี่ยงหน้ามองจินหลงซึ่งกำลังหลับตาพริ้ม จับจ้องเขาใกล้ ๆ จนกระทั่งดวงตาเรียวรีลืมขึ้นอีกครั้ง
“หายไปไหนมา”
ฉันกะพริบตาสองสามทีตอนถูกยิงคำถามใส่ เมื่อคืนจินหลงไม่ได้กลับห้อง ตอนเช้าฉันออกจากห้องไปก็ไม่ได้ทิ้งข้อความไว้ ไม่แปลกที่เขาจะถามแบบนี้
“ไปซูเปอร์มา” ฉันตอบเรื่องล่าสุดก่อน จินหลงมองตาฉันเหมือนรอฟังคำตอบอื่นอีก “แล้วก็ไปที่ร้านอาหารมาน่ะ”
“ร้านอาหาร?” คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย ฉันเคยเล่าเรื่องร้านอาหารของพันเก้าให้จินหลงฟังสองสามครั้ง แต่ไม่แน่ใจว่าเขาจะจำมันได้หรือเปล่า “ไปทำอะไร”