ความเงียบกลืนกินทุกอย่างภายในห้องนั่งเล่น หลังจากฉันพูดคำเหล่านั้นออกไป ฉันคิดว่าพันไมล์จะเดินจากไปเหมือนทุกครั้งที่เขาเคยทำ แต่เปล่าเลย… ฉันคิดผิด ครั้งนี้พันไมล์ไม่ยอมขยับตัวสักนิด เขาไม่เดินหนีฉัน แถมยังยืนจ้องหน้าฉันนิ่ง ๆ จนฉันต้องเป็นฝ่ายเดินหนีเสียเอง
“ก็ได้…”
“…” ฉันชะงักเท้าที่กำลังจะเดินหนีออกมา เสียงของพันไมล์ฉุดรั้งใบหน้าให้หันมอง แววตาอ่านยากของเขาจับจ้องมา
“เฮียไม่มีสิทธิ์บังคับเธอ แต่ถ้าเป็นพี่ชายเธอคงมีสิทธิ์งั้นสินะ…”
อะไรนะ… เขาหมายความว่ายังไง?
ฉันนิ่งงันราวกับถูกสาป มือไม้เย็นเฉียบไปหมด รู้ได้ในทันทีว่าพันไมล์คิดจะทำอะไร ยิ่งเขาล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาถือ ฉันก็ยิ่งใจคอไม่ดี
“มันยังไม่รู้เรื่องนี้สินะ”
“ยะ อย่านะเฮีย… อย่าบอกเรื่องนี้กับเฮียทัพนะ!” ฉันแทบจะพุ่งตัวไปแย่งโทรศัพท์ออกจากมือเขาเลย แต่พันไมล์เร็วกว่า เขาชูมันขึ้นสุดแขนแถมยังจงใจเบี่ยงหน้าจอที่กำลังโทรออกในชื่อเฮียนำทัพมาทางฉันด้วย
ทำไมเขาร้ายกาจแบบนี้!
“ในเมื่อเฮียบังคับเธอไม่ได้ เฮียก็ต้องใช้ตัวช่วยอย่างไอ้ทัพแทน ถ้าไม่อยากให้มันรู้เรื่องนี้ เธอก็ต้องไปกับเฮีย เลือกเอานะไกอา” ปลายนิ้วโป้งเลื่อนเปิดสปีคโฟนจนได้ยินเสียงรอสายดังก้องไปทั่วห้อง
พันไมล์กำลังขู่ฉันงั้นเหรอ?!
“ไม่ได้นะเฮีย…”
ตืดด… ติ๊ด
[ว่าไงมึง โทรมาซะดึกดื่น มีไร] เสียงเข้ม ๆ จากปลายสายเรียกเลือดในกายฉันเดือดพล่านไปหมด ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแรง ๆ สองมือกำแน่นจนปลายเล็บจิกลึกบนฝ่ามือตัวเอง
“กูมีเรื่องจะบอก” พันไมล์พูดทั้ง ๆ ที่ยังสบตากับฉัน แววตาเขากดดันราวกับต้องการให้ฉันเลือก ฉันจ้องโทรศัพท์ที่เขาลดลงมาจ่อริมฝีปากอย่างคิดหนัก
บ้าจริง… เฮียนำทัพรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เฮียไม่ปล่อยจินหลงไว้แน่ ฉันรู้จักคนอย่างเฮียดี… เรื่องนี้มันจบไม่สวยแน่ ๆ
เอายังไงดีไกอา… จะทำยังไงดี
[เออ ว่ามา ฟังอยู่]
“เรื่องของ…”
พรึ่บ! ติ๊ด!
สุดท้าย… ฉันเป็นฝ่ายคว้าโทรศัพท์พันไมล์มากดตัดสายเฮียนำทัพทิ้งในที่สุด ซึ่งเขายอมปล่อยโดยง่าย เหมือนรอฉันแย่งอยู่แล้ว ฉันถอนหายใจแรง ๆ ด้วยความโล่งใจและหนักใจในคราเดียวกัน
“ไปเก็บเสื้อผ้าซะ เฮียให้เวลาสิบห้านาที” พันไมล์ดึงโทรศัพท์ในมือฉันคืนไปก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกง เขาออกคำสั่งอย่างคนเหนือกว่า ฉันตวัดสายตามองเขาอย่างไม่พอใจ
“ทำไมเฮียต้องทำแบบนี้ จะให้เฮียทัพรู้เรื่องนี้ไม่ได้นะ เฮียทัพฆ่าเขาตายแน่” ฉันต่อว่าพันไมล์อย่างลืมตัว อารมณ์เมื่อครู่ยังคงคุกรุ่นอยู่ พันไมล์หลุบตามองฉันนิ่ง ๆ แววตาสีนิลดุดันจนน่ากลัว
“คิดว่ามีแค่ไอ้ทัพเหรอที่อยากจะฆ่ามัน”
“…” ฉันกัดปากตัวเองตอนได้ฟังคำตอบนั้น ฉันรู้ความหมายดี รู้ว่าพันไมล์ต้องการจะบอกอะไร
“ไปเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นซะ ไม่ต้องเอาไปเยอะ ขาดเหลืออะไรเฮียจะพาไปหาซื้อใหม่”
ฉันมองพันไมล์อีกครั้ง ไม่อยากทำตามเลย ไม่อยากไปกับเขา แต่เพื่อปกป้องจินหลงจากเฮียนำทัพ ฉันจำเป็นต้องทำตามคำสั่งพันไมล์อย่างไม่เต็มใจ
ถ้าหากเฮียนำทัพรู้เรื่องที่ฉันโดนจินหลงทำร้าย เฮียไม่อยู่เฉยแน่นอน เพราะนับตั้งแต่เฮียเปิดใจยอมรับว่าฉันเป็นน้องสาว เขาก็ทั้งห่วงทั้งหวงฉันมาตลอด เขาไม่ยอมปล่อยจินหลงไปง่าย ๆ แน่
.
.
.
ร้านอาหารพงษ์นารายณ์
แท็กซี่เลี้ยวเข้าจอดหน้าประตูร้านอาหารที่ฉันเพิ่งมาเมื่อช่วงเช้า ไม่คิดว่าภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงฉันจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งพร้อมกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่กับผู้ชายจอมเผด็จการอีกหนึ่งคน
ฉันเปิดประตูลงจากรถแล้วมองเข้าไปในร้านซึ่งตอนนี้เงียบสงัดร้างราผู้คน เนื่องจากเวลานี้ดึกมากแล้ว และเลยเวลาปิดร้านมานานแล้วเช่นกัน ทำให้บริเวณโดยรอบวังเวงอย่างที่เห็นนี่แหละ
“…” ฉันหันกลับมามองร่างสูงที่กำลังยืนถือกระเป๋าใบใหญ่อยู่ด้านหลัง เขาจ่ายเงินค่าแท็กซี่ก่อนแท็กซี่คันนั้นจะแล่นหายลับไป
อ้อ ไม่ต้องสงสัยนะว่าทำไมพันไมล์ถึงพาฉันมาที่นี่ด้วยรถแท็กซี่ นั่นก็เพราะว่าตอนที่เขาแอบตามฉันออกจากร้านไป เขาไม่ได้ขับรถไปด้วย คงจะกลัวคลาดกับฉันที่เดินทางกลับด้วยรถโดยสารน่ะสิ
“หายเจ็บหรือยัง” คำถามเรียบ ๆ แต่แฝงไปด้วยความห่วงใยถูกส่งผ่านมาทางสายตา เขาหลุบมองมุมปากฉันเล็กน้อย ฉันแตะปลายนิ้วตรงส่วนที่ถูกจ้องด้วยความลืมตัว ก่อนหน้าจะออกจากห้องฉัน พันไมล์บังคับขู่เข็ญที่จะทำแผลให้ ทั้งที่มันไม่จำเป็นเลยสักนิด ฉันไม่ได้เจ็บเลยด้วยซ้ำไป…
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เจ็บ” ฉันหันหน้าหนีกลับมาทางร้านอาหารซึ่งเป็นตึกขนาดกว้างใหญ่สูงเก้าชั้น แสงไฟตั้งแต่ชั้นล่างจนถึงชั้นสามปิดมืดจนเกือบหมด มีเพียงแสงไฟจากชั้นห้าขึ้นไปที่ยังคงเปิดอยู่บ้างในบางห้อง คงจะเป็นห้องพักของพนักงานบางส่วนที่พักอาศัยอยู่ที่นี่
ให้ตายสิ… ฉันต้องมาพักอยู่ที่นี่จริง ๆ น่ะเหรอ?
“ทำหน้าเหมือนถูกบังคับมาเลยนะ ฮึ”
ฉันตวัดสายตากลับมามองร่างสูงด้านหลังที่พูดแขวะสีหน้าฉันอย่างเสียมารยาท พันไมล์ทำยักไหล่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวก่อนจะเดินหล่อเข้าร้านไป ทิ้งให้ฉันยืนเม้มปากมองเขาด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
จะโมโหก็ไม่ได้ จะโกรธมันก็โกรธไม่ลง เกลียดความรู้สึกนี้ชะมัด!