CHAPTER. 5

1083 Words
คืนปีใหม่ในเมืองหลวงเหมือนสนามรบกลาย ๆ ทุกคนต่างแย่งชิงแท็กซี่อย่างดุเดือด คนขับบางประเภทถือว่าเทศกาลแบบนี้ตนเองเป็นต่อ ชอบยื่นเงื่อนไขให้ผู้โดยสารต้องจำยอม เช่น ไม่กดมิเตอร์ คิดค่าตีรถเปล่ากลับ หรือหากเป็นสถานที่ไกลออกไปก็ปฏิเสธเอาดื้อ ๆ ด้วยเหตุนั้นการเดินทางกลับที่พักจึงไม่คิดใช้บริการแท็กซี่ พิมพิสาเดินออกจากโรงแรมหรูริมน้ำด้วยสภาพหมดอาลัยตายอยาก ปลายเท้าพาเจ้าของร่างเดินไปตามทางเรื่อยเปื่อย ดีที่ไฟถนนส่องเพียงสลัว หากไม่มีใครสังเกตมาน้ำตาที่ไหลรินเต็มสองข้างแก้มก็เป็นแค่การล้างเครื่องสำอางรูปแบบหนึ่ง ไม่คิดว่าอดีตคนรักจะใจจืดได้ถึงเพียงนี้ จบความสัมพันธ์ไม่ว่าแต่ไม่คิดจะถามสักคำว่ากลับที่พักอย่างไร สะบัดศีรษะอย่างแรงสองสามทีเพื่อไล่ความคิดเพ้อเจ้อ เธอมาเองได้ก็กลับเองได้ ไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากใครเสียหน่อย เวลาล่วงเลยจนเที่ยงคืนกว่า ปลายเท้าพาพิมพิสามายังหน้าห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม แม้จะดึกแล้วแต่ผู้คนริมถนนยังคงจอแจ การตกแต่งและบรรยากาศละแวกนี้ชวนให้คึกคัก เรียกได้ว่าตรงข้ามกับอารมณ์ของเธอโดยสิ้นเชิง คืนนี้รถไฟฟ้าเปิดให้บริการจนถึงตีสอง ร่างเพรียวยืนรอรถขบวนใหม่ตรงชานชาลา ทั้งที่คิดว่าตัวเองเป็นสาวแกร่งคนหนึ่ง แต่น้ำตากลับไหลไม่ขาดสาย มือยกขึ้นปาดออกป้อย ๆ โดยไม่สนว่าใครจะมอง ขบวนรถไฟฟ้าสายสีลมมุ่งหน้าไปยังสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ คอนโดมิเนียมของพิมพิสาไม่ได้อยู่ย่านนี้ แต่จุดหมายคือบ้านของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิท เพราะคืนนี้ยังไม่พร้อมกลับไปเผชิญกับความอ้างว้างเพียงลำพัง กว่าจะพาตัวเองมาถึงหมู่บ้านจัดสรรที่เพื่อนอาศัยได้แทบรากเลือด แท็กซี่ไม่มีให้เรียกใช้บริการไม่ว่าจะบนถนนหรือผ่านแอปพลิเคชัน ครั้นลงจากรถไฟฟ้าพิมพิสาจึงต้องพึ่งขาทั้งสองข้าง ความเศร้าเสียใจถูกแทนที่ด้วยความปวดเมื่อย กึก! “เอ้า” คนสวยชุดแดงเสียหลัก ไม่ใช่เพราะฤทธิ์สุราแต่เป็นเพราะบาทวิถีของกรุงเทพมหานครที่เล่นระดับ ส้นรองเท้าสูงแค่สองนิ้วดันตกร่องแล้วหักเสียอย่างนั้น เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเสียให้พอ โดนแฟนบอกเลิกคืนปีใหม่ ไม่มีรถกลับ แถมยังจะรองเท้าพังอีก เมื่อมาถึงหน้าหมู่บ้านพนักงานรักษาความปลอดภัยมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ ไม่ใช่การคุกคามคล้ายระแวงในความปลอดภัย แต่เพื่อนของเธอโทรมาแจ้งทางป้อมยามแล้ว เขาจึงปล่อยให้เข้าไปด้านในได้ “อ้าว ทำไมหลานยังไม่นอน” ไม่ทันกดกริ่งหน้าบ้าน คนด้านในก็รีบเดินออกมาที่รั้ว ทว่าเพื่อนของเธอกระเตงลูกออกมาเปิดประตูด้วย “แงงงงง!” เด็กหญิงร้องลั่นก่อนจะหันไปกอดผู้เป็นแม่ “กัว ปี๋” “น้าแพรเองลูก” สารพัดสิ่งถาโถมทำเอาเครียดอยู่แล้ว แต่มันยังเครียดเพิ่มขึ้นได้อีกเมื่อนิ้วป้อมชี้มาที่เธอ นั่นหมายถึงว่าเธอเหมือนผีใช่หรือไม่ “ไปเลยค่ะนังน้าแพร ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเลยค่ะ ทำลูกฉันแหกปากร้องอีก” พิชญ์นาฎหรือแน้ต ผายมือเชิงไล่เพื่อนให้เข้าไปด้านในโดยด่วน ดึกดื่นป่านนี้ทำเสียงดังเพื่อนบ้านจะรุมสาปเอาได้ พิมพิสายังคงงุนงงจนกระทั่งได้เห็นรูปโฉมตัวเองผ่านกระจกเงา ดวงตาเลอะเครื่องสำอางสีดำเลอะเป็นทางยาวตามแนวแก้มจรดปลายคาง เข้าใจแล้วว่าก่อนนี้พนักงานรักษาความปลอดภัยระแวงอะไรเธอ ก็เล่นน่ากลัวราวกับหลุดออกมาจากหนังเขย่าขวัญเสียขนาดนี้! “ทำไมไม่ใช้มาสคารากันน้ำ” พิชญ์นาฎถามเมื่อเห็นเพื่อนสาวอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาในห้องนอน สามีของเธอต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยด้วยเรื่องงาน การมีเพื่อนมาขอค้างอ้างแรมนับว่าช่วยคลายเหงาได้ดีทีเดียว “ใช้แล้ว อายไลเนอร์ต่างหากที่เลอะ” แพรแก้ไขความเข้าใจผิด หย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเล็กในห้อง มองเพื่อนกล่อมลูกเข้านอน เจ้าของบ้านเลิกพูดเล่น ก่อนจะหรี่ไฟในห้องให้มืดเหมาะกับการนอนเมื่อเห็นว่าลูกสาวทำท่าเคลิ้มจะหลับ “คุยมืด ๆ งี้ไปก่อนนะ” “เอาเลย ตามสบาย” พิมพิสาไม่มีลูกแต่ก็เข้าใจหน้าที่คนเป็นแม่ อีกอย่างเธอก็มารบกวนเพื่อนยามดึกด้วย “เกิดไรขึ้น อ่านข้อความในกลุ่มแล้วโคตรตกใจ ทะเลาะกันเหรอ” พิชญ์นาฎถามเข้าประเด็น ประมาณชั่วโมงก่อนจู่ ๆ ยัยเพื่อนตัวดีก็ส่งข้อความลงแชตกลุ่มว่าเลิกกับกรณ์แล้ว คู่นี้คบหากันมานานหลายปี ไม่มีฝ่ายไหนเป็นพวกชอบใช้อารมณ์ ดูอย่างไรก็ไม่น่ามีปัญหาจนถึงขั้นแตกหักได้ แต่นั่นก็เป็นมุมมองของคนนอกเช่นเธอ “เปล่า ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลย” พิมพิสาส่ายหน้า “เลิกแล้วจริง ๆ กรณ์บอกว่าควร…พอแค่นี้” แผลยังสดใหม่ กล่าวถึงแค่ประโยคเดียวน้ำตาพลันรื้นอย่างช่วยไม่ได้ พิชญ์นาฎถอนหายใจ ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปกอดเพื่อนเพื่อปลอบโยน “พรุ่งนี้ค่อยคุย ไปนอนสักตื่นไป จะได้ดีขึ้น” “ขอโทษที่มารบกวนตอนดึกนะแน้ต” ประโยคเมื่อครู่ติดจะเกรงใจ ในช่วงเวลาเช่นนี้เธอต้องการอยู่กับเพื่อนก่อนกลับไปเป็นพิมพิสาคนเดิม “โอ๊ย เพื่อนกันจะเป็นไรไปล่ะ” เธอคิดว่าเพื่อนมีไว้สนับสนุนและเป็นที่พึ่งพิงยามตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ตอนนี้เองก็เช่นกัน “กล่อมลูกแล้วฉันคงไม่ต้องกล่อมแกด้วยใช่มั้ย” “บ้า ไม่ต้อง” พิมพิสาหัวเราะน้อย ๆ ในลำคอ จากนั้นก็ปลีกตัวไปที่ห้องนอนของแขก ภายใต้ผ้าห่มผืนนุ่มหญิงสาวพลิกตัวหลายตลบ นอนท่ามกลางความมืดมาเป็นชั่วโมงแล้วแต่ยากจะข่มตาให้หลับได้ เริ่มต้นปีวันแรกด้วยเรื่องแย่ ๆ แต่เธอไม่คิดตัดพ้อต่อว่าโชคชะตา ถึงจะสูญเสียความรักที่พยายามประคับประคองมาตลอดห้าปี แต่ชีวิตยังต้องก้าวต่อไป --------- แค่หน้าเลอะคราบอายไลเนอร์นิดหน่อยเอ๊ง ....กัว ปี๋ กันไปได้เนอะ !!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD