กระจกเงาบานยาวสะท้อนภาพหญิงสาวรูปร่างสะโอดสะองในชุดเดรสสายเดี่ยวเข้ารูปยาวคลุมเข่า กำลังยืนหมุนซ้ายขวาสำรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย สีแดงเลือดนกช่วยขับให้ผิวเธอดูสว่าง เรือนผมสีดำขลับดัดลอนคลายและเครื่องสำอางโทนแดงที่ระบายบนใบหน้าเข้ากันดีกับชุด บ่งบอกว่าวันนี้เป็นวันพิเศษสำหรับเธอมากแค่ไหน
พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน บวกเผื่อเวลาเดินทางเธอน่าจะไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาเล็กน้อย พิมพิสาจองโต๊ะไว้ล่วงหน้าสำหรับคืนปีใหม่ตั้งแต่สองเดือนก่อน รู้ว่าตัวเองยังไม่ใช่คนรักที่เพียบพร้อมเต็มร้อย เพราะหลายครั้งให้ความสำคัญกับงานก่อนสัมพันธภาพ เมื่อมีโอกาสจึงอยากแสดงความใส่ใจผ่านเทศกาลพิเศษ
“สวัสดีค่ะ คุณลูกค้ามากี่ที่คะ จองไว้หรือเปล่าคะ” พนักงานหน้าห้องอาหารกล่าวทักทายพร้อมยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ มาสองที่ จองไว้ในชื่อพิมพิสาค่ะ” เธอทักทายกลับอย่างมีมารยาท
“เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานสาวค้นชื่อในระบบอยู่อึดใจก่อนจะผายมือไปทางห้องอาหารแล้วเดินนำ
พิมพิสาเดินตามไป ระหว่างทางมีสายตาหลายคู่มองมาเพราะรูปลักษณ์อันดึงดูดแต่เธอไม่ได้ใส่ใจนัก พนักงานพามาหยุดตรงโต๊ะแถบริม ห้องอาหารนี้เป็นรูฟท็อปบาร์บนโรงแรมห้าดาว อาคารตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จากชั้นบนมองเห็นทิวทัศน์เกือบรอบด้าน บรรยากาศดีเหมาะสมแก่การดื่มเฉลิมฉลอง หากถึงเวลาเที่ยงคืนตลอดแนวจะมีการจุดพลุตระการตา หวังว่าค่ำคืนนี้จะเป็นความทรงจำดี ๆ ระหว่างกัน
“มาร์การิตาแก้วนึงค่ะ” เสียงหวานสั่งค็อกเทลมาดื่มระหว่างรอแฟนหนุ่ม
เลยเวลานัดมาเกือบชั่วโมงแต่นิสัยของพิมพิสาไม่ใช่คนจุกจิก จึงนั่งจิบเครื่องดื่มรออย่างสงบ นัยน์ตาทอดมองไปยังแสงไฟของตึกไกลห่าง คิดในหัวว่าหากจัดการงานหลังจากเลื่อนตำแหน่งให้เข้าที่เข้าทางแล้ว จะหยิบเรื่องที่ตนเองเคยเลี่ยงมาพิจารณาอีกที
ปกรณ์อายุมากกว่าเธอสองปี พ่อแม่อีกฝ่ายรบเร้าอยากอุ้มหลาน เขาจึงคุยกับเธอเรื่องนี้ว่าอยากแต่งงานสร้างครอบครัว ในหนึ่งวันพิมพิสาอยู่กับงานไปแล้วสิบสองชั่วโมง พิจารณาแล้วเห็นว่าตัวเองยังไม่เหมาะมีพันธะใด หากแต่งไปแล้วเป็นภรรยาและแม่ที่ดีไม่ได้ ก็ไม่ควรทำในสิ่งที่ตัวเองไม่พร้อม
แต่ถ้าวันหนึ่งฐานะมั่นคงกว่าเดิม ความสัมพันธ์กับปกรณ์ที่ผ่านมาก็ดีไม่มีข้อขัดแย้งใด เธอก็ควรลดความใส่ใจเรื่องของตัวเอง แล้วเบนมาวางเป้าหมายสำหรับชีวิตคู่ดูบ้าง แต่งงานตอนเลขสามต้น ๆ ไม่ถือว่าช้าหรือเร็ว
หญิงสาวพลันออกจากความคิดตัวเองเมื่อมีคนหย่อนตัวนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“อ้าว กรณ์ มาแล้วเหรอ” รอยยิ้มสดใสระบายบนใบหน้าแม้อีกฝ่ายจะมาสายเกือบสองชั่วโมง “หิวไหม เมื่อกี้แพรดูเมนูมีเนื้อหลายตัวเลย สั่งอะไรกินดี”
พิมพิสาจำอาหารที่เขาชอบได้แม่นยำ ในเล่มเมนูมีหลายรายการน่าสั่งมาลอง “เอาโคลด์คัตหนึ่งค่ะ” เธอหันไปสั่งอาหารเรียกน้ำย่อยกับพนักงาน
“เอาแค่ไวน์แดงแก้วเดียวพอ” ชายหนุ่มบอกให้พนักงานและพิมพิสาทราบ ไม่ต้องมีสัมผัสที่หกก็พอรู้สึกได้ว่าบรรยากาศแปลกไป
“เอาแค่ไวน์เองเหรอ น่ากินจานหลักอะไรซะหน่อย” ท้วงด้วยความเป็นห่วง แต่อีกคนส่ายศีรษะเธอเลยไม่คะยั้นคะยอ
อีกสองชั่วโมงจะเข้าสู่คืนปีใหม่ ผู้คนทยอยตบเท้าเข้ามาในบาร์มากขึ้น ทุกที่นั่งล้วนถูกจับจอง ไม่นานเครื่องดื่มและอาหารทานเล่นก็มาเสิร์ฟ บรรยากาศบนโต๊ะฝืดฝืนอย่างประหลาด ท่าทีคนรักเฉยชาถามคำตอบคำราวกับใจไม่ได้อยู่ตรงนี้
“กรณ์ ปีใหม่กลับไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่วันไหนเหรอ” เธอไปไหว้พ่อแม่ของปกรณ์ทุกปี หากรู้วันแน่ชัดจะได้จัดเตรียมของขวัญจำพวกอาหารสุขภาพไปให้พวกท่านเสียหน่อย
“ยังไม่รู้เลย” เขาว่าพลางยกไวน์ขึ้นจิบไปหลายอึก คล้ายอยากให้มันหมดแก้วเสียที “แพร…”
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นจากถาดโคลด์คัต รอฟังว่าปกรณ์จะกล่าวสิ่งใด
“แพรไม่ต้องไปบ้านกรณ์ก็ได้”
“อ๋อ ไม่เป็นไร ช่วงนี้หยุดยาว แพรไปได้” หญิงสาวโบกมือสื่อให้ทราบว่าไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับเธอ หากแต่ปกรณ์ส่ายศีรษะ
“ไม่ใช่แบบนั้นแพร” เขาว่าด้วยสีหน้าจริงจัง “คือเรากำลังจะจบกัน แพรไม่จำเป็นต้องไปหาพ่อแม่กรณ์แล้วละ”