-2- ฉันช่วยเธอได้

1794 Words
-2- ฉันช่วยเธอได้  “รุ่นพี่” ซูซือเหยียนรีบก้มหน้าแล้วใช้หลังมือเช็ดน้ำตาเงียบๆ เก็บซ่อนความอับอายไว้ภายในก่อนจะเงยหน้าแล้วส่งยิ้มที่แสนจะปลอมให้เขา “บังเอิญจังเลยค่ะ” หลี่เฉิงหลินสั่งให้ชายในชุดสูทอีกห้าหกคนที่เดินตามเขามาหลบไปอยู่ที่อื่น ร่างสูงเพรียวทิ้งตัวลงที่โซฟาตรงข้ามกับซูซือเหยียนพร้อมกับมองเธอด้วยสายตาค้นหา ดวงตาของเขาคมกริบราวกับสามารถชำแหละหัวใจเธอออกมาได้ทุกเมื่อ นัยน์ตาที่เป็นประกายเจ้าเสน่ห์นั้นทำให้ซูซือเหยียนต้องรีบหลบตาอีกครั้งเพื่อซ่อนเร้นความรู้สึกในใจ เขาเป็นหนุ่มฮ็อตในมหาวิทยาลัยตั้งแต่ตอนที่เธอเข้ามาปีหนึ่ง หลี่เฉิงหลินแก่กว่าเธอสองปี แต่ความสามารถของเขานั้นเกินอายุไปมาก เพราะที่บ้านของเขามีธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีฐานอยู่ทั่วโลกจึงทำให้เขาเริ่มบริหารงานตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม และเมื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ชื่อเสียงของหลี่เฉิงหลินทำให้สาวๆ หลายคนฝันจะเป็นคนสำคัญของเขา หนึ่งในนั้นคือเธอ... แต่นั่นก็เป็นเพียงความฝันของเด็กสาวที่เพิ่งออกจากบ้าน ซูซือเหยียนรู้ว่าทั้งคู่เป็นเส้นขนานที่มีวิถีทางเดินตางกันไกล ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวเก่าที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ขณะเดียวกันครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวมหาเศรษฐีติดอันดับโลก แม้ว่าทางบ้านจะเคยรู้จักกันเมื่อนานมาแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงเรื่องในอดีต หลังจากที่เธอย้ายบ้านไปเมืองอื่นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย กระทั่งทั้งคู่มาเจอกันในมหาวิทยาลัย S ซึ่งอยู่ในเมืองหลวง เขาจำเธอไม่ได้...เธอก็จำเขาไม่ได้ ซูซือเหยียนรู้จักเขาจากชมรมบาสเกตบอล หลี่เฉิงหลินเคยแสดงท่าทีว่าสนใจเธออยู่บ้าง แต่ว่ารอบตัวเขามีสาวสวยมากมาย คนอย่างซูซือเหยียนที่ปรารถนาชีวิตเรียบง่ายไม่ต้องการไปเป็นตัวเลือกของใคร เรื่องนั้นผ่านมานานแล้ว หลี่เฉิงหลินกลายเป็นความทรงจำเล็กๆ ในหัวใจ หลังจากที่เรียนปีสุดท้ายเธอก็ตัดการติดต่อกับเขาแล้วเริ่มคุยกับเว่ยเสวี่ยหลินอย่างจริงจัง น่าเสียดายที่ความรักกับแฟนคนแรกกลายเป็นเรื่องตลก และวันนี้ผู้ชายที่มาพบเจอเธอในสภาพน่าสมเพชกลับเป็นคนที่เธอเคยตัดเขาออกจากชีวิต หลี่เฉิงหลินมองหญิงสาวที่แต่งตัวสวยตรงหน้าอย่างพิจารณา วันนี้เธอสวมเดรสสีดำลายลูกไม้ เข้ากับรูปร่างสวยงามที่มองแล้วเซ็กซี่ ใบหน้าของเธอแต่งเข้มกว่าปกติ ยิ่งขับเน้นให้ผิวที่ขาวอยู่แล้วนั้นสว่างราวกับหิมะ เส้นผมดำขลับดัดลอนเข้ากับใบหน้าเรียวงามทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตา ทว่าสภาพของเธอตอนนี้กลับย่ำแย่จนเขาไม่เข้าใจ หญิงสาวที่ไม่เคยตกอยู่ในความเศร้าทำไมถึงมีแววตาเศร้าได้ขนาดนี้? หลี่เฉิงหลินมีสายตาเฉียบคม มือข้างที่เขาเคยเห็นว่าเธอสวมแหวนนั้นไม่มีแหวนวงเดิมสวมอยู่ ดูเหมือนว่าจะซีดกว่าผิวปกติของเธอเล็กน้อย นั่นทำให้เขาเข้าใจในทันที “ทะเลาะกับหมอนั่นมาเหรอ?” ซูซือเหยียนก้มหน้า เธอไม่อยากพูดเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่าหลี่เฉิงหลินจะช่างสังเกตเหมือนเคย หญิงสาวรินเหล้าให้เขาแล้วผลักไปเบาๆ “หากไม่รังเกียจรุ่นพี่ดื่มกับฉันได้ไหม?” หลี่เฉิงหลินเลิกคิ้ว ความจริงเขามีนัด แต่ว่าสภาพของหญิงสาวตรงหน้าทำให้เขาไม่ไว้ใจ “ได้สิ” เขาตอบรับแล้วเรียกลูกน้องมากระซิบพักหนึ่ง ซูซือเหยียนไม่สนใจว่าเขาพูดอะไร เธอกัดริมฝีปากจนห้อเลือดแล้วดื่มเหล้าอีกแก้วหนึ่ง ความร้อนไหลผ่านลำคอ รสชาติขมฝาดติดอยู่ที่ปลายลิ้น แต่ดูเหมือนว่าน้ำตาของเธอจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว... ท่าทางอ่อนแอของซูซือเหยียนตกอยู่ในสายตาของหลี่เฉิงหลิน เขายืดตัวเล็กน้อย แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างเป็นธรรมชาติ ท่าทางแสนเย้ายวนของบุรุษทำให้หญิงสาวจากโต๊ะอื่นมองตาเป็นมัน น่าเสียดายที่ซูซือเหยียนไม่ได้สนใจ เธอยังคงมองโต๊ะเพื่อเก็บซ่อนสีหน้าที่ซ่อนไม่เก่งเอาเสียเลย “ถ้าเธออยากเล่า...” เขาเกริ่น รอให้เธอพร้อมจะเผชิญหน้ากับเขา ซูซือเหยียนเงยหน้าขึ้น ขนตาของเธอเปียกชื้น ดวงตากลมโตมีคลื่นอารมณ์อันอ่อนแอเคลือบแฝงอยู่ ท่าทางน่ารักน่าสงสารทำให้ผู้คนอยากเข้าไปโอบกอด ราวกับกระต่ายน้อยที่ได้รับบาดเจ็บ “ฉันเลิกกับเขาแล้ว” ในที่สุดเธอก็พูดออกมา ในใจของหลี่เฉิงหลินนั้นมีความยินดีบางประการ ทว่าเขาเก็บซ่อนอารมณ์ได้อย่างดี ทั้งยังจำตอนที่เธอปฏิเสธเขาได้ไม่เคยลืม “ไม่ผิดคาดนัก” เขาหัวเราะราวกับว่าเรื่องของเธอนั้นคือความสุขของเขาเอง ใช่...เขาควรจะหัวเราะเยาะเธอ แม้แต่ซูซือเหยียนเองก็คิดแบบนั้น แต่ว่าหลี่เฉิงหลินอาจไม่ได้คิดแบบนั้น เสียงหัวเราะของเขาทุ้มต่ำ เต็มไปด้วยเสน่ห์ของบุรุษเพศ แก้วเหล้าในมือโคลงน้อยๆ ไขว่ห้างราวกับราชา “แต่ว่าวันนี้จะยอมให้เธอระบายได้เต็มที่” ซูซือเหยียนยิ้มสมเพชตัวเอง เธอรินเหล้าอีกครั้ง ขณะที่กำลังจะยกขึ้นดื่มหลี่เฉิงหลินกลับแตะข้อมือของเธอไว้เบาๆ “ฉันไม่อยากฟังคนเมาเล่าเรื่อง” “ฉันไม่ได้เมา” “แต่กำลังจะเมา...ไม่อย่างนั้นฉันจะกลับ” “ก็ได้” ซูซือเหยียนกัดริมฝีปาก ลิปสติกสีแดงเข้มจางลงจนเห็นสีที่แท้จริงของริมฝีปาก ราวกับกลีบของดอกกุหลาบดอกเล็กๆ ที่เชื้อเชิญให้คนมอง หลี่เฉิงหลินแสร้งเป็นมองไม่เห็นท่าทางยั่วยวนโดยไม่ได้ตั้งใจของเธอ “เขาแอบคบกับหลิวอิง” เมื่อพูดถึงตรงนี้ดวงตาของเธอแดงก่ำ น้ำตาที่ราวกับไข่มุกสามารถจะร่วงลงได้ทุกเมื่อ ทว่าเธอดื้อดึงเกินไป กระทั่งน้ำตายังสามารถกลั้นได้ พร้อมกับกัดริมฝีปากอย่างแค้นเคือง “รุ่นพี่คงหัวเราะที่แฟนของฉันกับเพื่อนสนิทของฉันคบกัน” เธอแสร้งหัวเราะ เสียงหัวเราะนั้นเจือไปด้วยเสียงสะอื้น หลี่เฉิงหลินไม่ได้หัวเราะอย่างที่เธอคิด ดวงตาดำขลับราวกับไร้ก้นบึ้งมองเธอ ซูซือเหยียนไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จึงพรั่งพรูเรื่องราวทั้งหมดออกมาในรวดเดียว ชายหนุ่มฟังเธอเงียบๆ ความจริงนั้นเป็นเรื่องที่สามารถคาดเดาได้ สารเลวคนนั้นอยู่ในบริษัทของเขา ความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการเลื่อนขั้นนั้นหลี่เฉิงหลินสามารถอ้างได้ว่าตัวเขารู้ละเอียดกว่าใคร แต่ที่เขาไม่เคยบอกซูซือเหยียนเลยก็เพราะเธอเป็นฝ่ายขาดการติดต่อจากเขาแล้วไปคบกับหมอนั่น แน่นอนว่าคนอย่างหลี่เฉิงหลินไม่เคยลืมความแค้นในใจ เขาอยากเห็นชีวิตรักของเธอล้มเหลว เขาไม่ยินดีที่เธอเลือกคนแบบนั้นเพื่อร่วมชีวิต “แล้วจะทำยังไงต่อไป” เขาถาม ซูซือเหยียนหัวเราะ “ทำยังไง ฉันสามารถทำอะไรได้ ชีวิตฉันมันยังบัดซบไม่พอหรือไง” ดวงตาของหลี่เฉิงหลินเป็นประกายลึกลับ เขามองท่าทางไม่พอใจของเธอแล้วมีแผนการบางอย่างในใจ “อยากแก้แค้นไหม” “คุณช่วยฉันได้ไหม” “เงื่อนไข?” “ฉันจะเป็นของคุณ” เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังบ้า แต่มันก็แปลกที่สะใจพิลึก “เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว ความจริงควรเป็นฉันที่ต้องยื่นข้อเสนอนี้ให้เธอ แล้วเธอต้องการแลกกับอะไรล่ะ” ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความมั่นใจ แปลกใจเล็กน้อยที่เธอเสนอเรื่องนี้ แต่ก็ดีแล้ว...เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาต้องการพอดี “ทำลายสองคนนั้น” “ได้...ทำให้ฉันพอใจสิ” ซูซือเหยียนสบตาเขา แววตามีประกายครุ่นคิด แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบอย่างรวดเร็ว “แต่ความจริงฉันไม่อยากยุ่งกับสองคนนั้นอีกแล้ว” พอเอาเข้าจริงเธอก็ขี้ขลาด “หืม? เธอสามารถมองหน้าแฟนเก่าของเธอกับผู้หญิงที่เป็นเพื่อนสนิทควงคู่กันได้เหรอ” “ไม่!” เธอโพล่งเสียงดัง ดวงตาวาวโรจน์ ใบหน้าแดงก่ำเต็มไปด้วยอารมณ์ แต่ว่าอารมณ์ที่คุกรุ่นก็ค่อยๆ มอดลงทีละน้อย “แต่ฉันห้ามใครไม่ได้ เขาอยากอธิบาย เขาบอกว่าฉันเข้าใจผิด แต่ชายหญิงมีอะไรกันในห้องของเขาเอง เข้าใจผิด?” เธอหัวเราะเย้ยหยัน “เด็กประถมยังมองออกเลย ฉันไม่ได้โง่” หลี่เฉิงหลินสรรเสริญเธออยู่ในใจ ทำไมเมื่อก่อนไม่เป็นแบบนี้ “ตอนแรกที่เธอคบกับเขาฉันเคยเตือนเธอแล้ว” ตอนนั้นเขารู้พฤติกรรมของเว่ยเสวี่ยหลินและพยายามเตือนซูซือเหยียนตลอดเวลา แต่ว่าเธอตั้งแง่กับเขาและกำลังหลงคารมของคนแซ่เว่ยนั้นจนไม่ฟังใคร คนอย่างหลี่เฉิงหลินจำเป็นต้องตื๊อให้คนอื่นมาเชื่อด้วยหรือ? แน่นอนว่าเขาไม่พูดอะไรอีก “ตอนนั้นฉันโง่” เธอพึมพำซ้ำๆ ว่าตัวเองโง่ ดวงตากลมโตมองเขาอย่างไร้จุดหมาย “แต่ถึงแม้ตอนนั้นฉันจะไม่เลือกเขา ฉันก็ไม่เลือกรุ่นพี่อยู่ดี” “ทำไม” ประโยคนี้ได้ยินทีไร หลี่เฉิงหลินอดเจ็บจี๊ดในใจไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยสนใจเขาเลย เธอเม้มริมฝีปาก ดวงตาเลื่อนลอย “ฉันไม่อยากเป็นตัวเลือกของใคร ไม่อยากไปเป็นเป้ากระสุนกันผู้หญิงคนอื่น ฉันแค่ต้องการชีวิตรักที่เรียบง่าย เว่ยเสวี่ยหลินเป็นตัวเลือกที่ดี เขามาจากครอบครัวฐานะปานกลาง ไม่ต้องกังวลว่าอนาคตจะถูกใครจับคู่ให้บ้าง” “เธอมันโง่” เขาว่า “ฉันโง่ๆ” เธอพยักหน้า “แต่ฉันอยากมีความสุขแบบโง่ๆ” “แล้วตอนนี้มีความสุขไหม” “ไม่” “แค้นไหม” “แค้น” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์ “แต่ฉันไม่มีความสามารถนั้น” เธอท้อแท้ ทำตัวราวกับดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา “ถ้าฉันบอกว่าฉันสามารถช่วยเธอแก้แค้นเขาได้ล่ะ” เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตามีประกายเล็กน้อยก่อนจะเสหลบตาเขาราวกับต้องการหลบหนี “รุ่นพี่จะช่วยฉันยังไง” “อย่างที่เธอพูด...เป็นผู้หญิงของฉันไงล่ะ”    
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD