1 | ไม่ยินดีต้อนรับ

3315 Words
"ขอบคุณมากนะคะ ที่ดูแลหนูมาตลอดสิบแปดปี หนูจะต้องรักษาสถานที่แห่งนี้ไว้ให้ได้ค่ะเพราะมันคือบ้านของหนูเหมือนกัน ครูไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ทุกอย่างจะต้องเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอนค่ะ" "ปรายก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะลูก ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนนะ ครูกลัวเหลือเกินว่าหนูจะลำบาก ครู..." "อย่าคิดมากนะคะครู หนูจะไม่ทำให้ทุกคนต้องลำบากแน่นอนเพราะยังมีน้อง ๆ ของหนูที่อยู่ที่นี่อีกหลายชีวิต ตอนนี้หนูโตแล้ว ต่อไปหนูจะเลี้ยงดูทุกคนเองนะคะ" "ถ้าสถานที่แห่งนี้จะปิดตัวลงก็ไม่เป็นไร เราก็ไปหาบ้านเช่าถูก ๆ อยู่ไปก่อนก็ได้ ถ้ามันลำบากจนทนไม่ไหวก็กลับมาหาครูที่นี่นะลูก เพราะน้อง ๆ ทุกคนก็ไม่อยากเห็นปรายต้องลำบากหรอกนะ" "ขอบคุณมากนะคะครู แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะ หนูต้องไปแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวจะเลยเวลานัดหมาย ไว้หนูจะแวะมาหาบ่อย ๆ นะคะ" ปรายฟ้าลากกระเป๋าเดินทางแล้วขึ้นรถโดยสารประจำทาง เพื่อไปยังจุดหมายตามกระดาษแผ่นสีขาวที่มีคนเขียนไว้ให้ สถานที่นัดหมายคือร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง เธอจึงลากกระเป๋าเดินเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น แล้วเจอชายหนุ่มต่างวัยสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่มุมหนึ่งของร้านที่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว "หนูปรายมาแล้วหรือลูก" ชายสูงอายุในวัยเจ็ดสิบแปดปีก็ผายมือไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเพื่อให้เด็กสาวนั่งตรงนั้น "สวัสดีค่ะคุณปู่ สวัสดีค่ะคุณ...เอ่อ…" เธอยกมือไหว้ชายสูงวัย แล้วหันไปสวัสดีชายแปลกหน้าที่สวมแว่นตาและใส่หน้าหน้ากากป้องกันปิดบังใบหน้าอยู่ "คนนี้ไงที่ปู่เคยเล่าให้แกฟัง คนที่จะมาเป็นว่าที่เจ้าสาวของแก" "อะไรนะครับ!" ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาอุทานออกมาแบบไม่เชื่อสายตา พลางกวาดสายตาผ่านแว่นกันแดดแล้วมองไปที่เด็กสาวที่ยืนกุมมือก้มหน้าอยู่ต่อหน้าเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า "ก็ตามที่เคยคุยกันไว้ ถ้าแกยังยืนยันที่จะทำงานในวงการบันเทิงต่อไป ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ นั่นคือแกต้องแต่งงานกับเด็กคนนี้ แต่ถ้าแกไม่รับข้อเสนอนี้ ก็เตรียมตัวขึ้นแท่นเป็นผู้บริหารคนต่อไปของบริษัทได้แล้ว ก็อย่างที่เคยคุยกันไว้ ว่าแกไม่มีทางเลือกมากนักหรอกนะ" ชายสูงวัยยื่นคำขาดแก่หลานชายคนเดียวที่นั่งทำหน้าตาบอกบุญไม่รับ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สมส่วน ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลา เขาทำงานอยู่ในสายวงการบันเทิง เป็นทั้งนายแบบ เป็นนักแสดงชื่อดังที่มีละครและภาพยนตร์ปรากฏแก่สายตาคนทั้งประเทศมากมาย จนแทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขาเลย สายตาคมจ้องเขม็งไปที่คนเป็นปู่ เหมือนอยากจะมองเข้าไปให้ลึกถึงในจิตใจว่าปู่ของเขากำลังจะเล่นตลกอะไรอยู่กันแน่ "อะไรกัน! จะให้ผมรับข้อเสนอบ้า ๆ แบบนี้จริง ๆ หรือครับปู่ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าปู่อยากให้ผมรีบขึ้นแท่นผู้บริหารบริษัทของครอบครัวเร็ว ๆ แต่ผมก็ยังไม่พร้อมที่จะทำงานในตอนนี้หรอกนะครับ เพราะผมยังอยากทำงานที่ผมรักก่อน" "ก็นี่ไง ถ้าแกยังยืนยันจะอยู่ในวงการบันเทิงต่อไป แกก็ต้องรับข้อเสนอที่ฉันให้เพราะนี่คือเงื่อนไข ถ้าแกยังอยากจะทำงานนี้ต่อไปก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอะไรทั้งนั้น แต่ถ้ายอมรับเงื่อนไขไม่ได้ แกก็แค่ออกจากงานที่แกรักแล้วมาดูแลบริษัทต่อแค่นั้นเอง" "จู่ ๆ จะให้ผมมาแต่งงานเนี่ย คิดว่าผมเป็นใครกันครับ ผมเป็นคนของประชาชน แล้วเด็กที่ยืนอยู่ตรงนี้น่ะหรือครับที่จะเป็นคู่หมั้นผม จะหาผู้หญิงให้ผมทั้งทีก็หาคนที่ดูดี มีราศีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง แล้วนี่เป็นลูกหลานใครกัน ทำไมผมไม่เคยเห็นในโทรทัศน์หรือตามหน้าสื่อมาก่อนเลยล่ะครับ" "ถึงแกจะพูดพร่ำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกเพราะยังไงแกก็ขัดคำสั่งของฉันไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าแกยังจะเอาความคิดของแกเป็นใหญ่ ทั้งบริษัทและมรดกทรัพย์สินของฉันทั้งหมด ทั้งแกและพ่อแม่ของแกก็จะไม่ได้อะไรจากฉันเลยแม้แต่บาทเดียว" คำขู่พวกนี้มักจะได้ผลทุกครั้ง ร่างสูงถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด ไม่ว่ายังไงก็ต้องรับข้อเสนอนี้ไว้ก่อน แล้วค่อยไปแก้ปัญหาทีหลัง "ก็ผมเคยบอกไปแล้วนี่ครับ ว่าถ้าผมอายุครบสามสิบปีเมื่อไหร่ ผมก็จะไปทำงานที่บริษัทเอง ตอนนี้ผมยังอายุยี่สิบห้าเองนะครับ ปู่ก็รอผมอีกสักห้าปีจะเป็นไรไป ก็ให้คุณพ่อของผมทำไปก่อนน่ะดีแล้ว" "นี่แกคิดว่าฉันจะมีโอกาสได้สอนแกอีกนานไหม ฉันก็ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่เหมือนกัน ชีวิตคนเรามันสั้นนะ ฉันก็อายุปูนนี้แล้ว แม้แต่ปีเดียวก็ไม่อยากรอ ฉันอาจจะตายก่อนที่แกจะได้ขึ้นแท่นผู้บริหารก็ได้ ใครจะไปรู้" ภาคิณถอดแว่นกันแดดและหน้ากากอนามัยออก ทำให้เด็กสาวที่กำลังฟังทั้งสองคนคุยกันอยู่เงียบ ๆ ก็จ้องใบหน้าคมของเขาด้วยความตกตะลึง ไม่ผิดแน่…คนนี้คือนักแสดงที่เธอชื่นชอบ เธอติดตามผลงานเขาของมาหลายปีแล้ว จนเธอรู้ข้อมูลส่วนตัวของเขาทุกอย่าง ว่าเขาชอบรับประทานอะไร ชอบสีอะไร ชอบดนตรีประเภทไหนและอื่น ๆ อีกมากมายตามประสาคนเป็นแฟนคลับที่คลั่งไคล้ใครคนหนึ่งมาก ๆ "เอาเป็นว่าผมจะทำตามที่ปู่บอกก็ได้ แต่เรื่องแต่งงานอะไรนั่น ผมขอแค่สวมแหวนก็พอจะได้ไหม ไม่ต้องจัดงานอะไรให้มันยุ่งยาก ถ้าเกิดแต่งงานแล้วเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา ชื่อเสียงที่ผมอุตส่าห์สั่งสมมานานมันพังหมดน่ะสิ เพราะฉะนั้นผมจะทำตามที่ปู่บอก แต่เรื่องผู้หญิงคนนี้ผมขอเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง แบบนี้ได้ไหมครับ" "จะทำยังไงก็ทำเถอะ เพราะยังไงเด็กคนนี้ก็ต้องอาศัยอยู่กับแกนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปอยู่แล้ว" "อะไรนะครับ! จะให้ไปอยู่ด้วยเนี่ยมันหมายความว่ายังไงครับ มันเร็วเกินไปไหมปู่" "ก็นับตั้งแต่วันนี้ไป พวกแกสองคนต้องอาศัยอยู่ด้วยกันยังไงล่ะ ถ้าแกจะไม่จัดงานแต่ง ฉันก็ขอแค่สองอย่าง ขอให้แกมีแหวนแต่งงานให้หนูปรายและให้หนูปรายไปอยู่ที่บ้านของแกด้วยนับตั้งแต่วันนี้ ตอนนี้เลย! เท่านั้นแหละ" ภาคิณตกใจไม่น้อยเพราะทุกอย่างมันกะทันหันเกินไป เขายังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรสักอย่าง เขาได้แต่บ่นอุบอิบอยู่ในใจ แต่ถ้าจะคัดค้านอะไรก็ไม่ได้อยู่แล้ว "เด็กคนนี้ชื่อปรายฟ้า คนที่จะต้องมาอาศัยอยู่ร่วมกับแกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทักทายพี่เขาอีกรอบสิหนูปราย" หญิงสาวร่างเล็กยกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้า แต่ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา เธอแอบหวั่น ๆ ใจอยู่บ้างเพราะดูเหมือนทางฝ่ายนั้นจะไม่ได้ยินดียินร้ายกับเรื่องแต่งงานเลย ส่วนเธอก็ได้แต่ฝืนยิ้มให้เขาเพราะไม่อยากให้เขาจับสังเกตได้ว่าเธอกังวลใจแค่ไหน "แบบนั้นก็ช่วยไม่ได้ ผมจะยอมทำตามที่ปู่สั่งก็ได้ แต่ที่เหลือผมจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง แต่ผมขอบอกไว้ก่อนนะครับ ว่าขอให้ปิดเรื่องแต่งงานนี้ไว้เป็นความลับด้วย เรื่องที่เด็กคนนี้จะมาอาศัยอยู่ที่บ้านของผมเพราะผมไม่อยากตกเป็นข่าวเสียหาย" "จะทำยังไงก็ตามใจแกเถอะ เพราะเรื่องนี้มีแค่พ่อแม่ของแก น้องสาวแกและคนในบ้านเท่านั้นแหละที่รู้ ฉันก็ไม่ได้จะบังคับให้แกทำตามฉันไปหมดทุกเรื่องหรอก ขอแค่ดูแลเด็กคนนี้ให้ดีด้วยก็แล้วกัน" หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จแล้ว ปรายฟ้าก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ภาคิณจึงเปิดบทสนทนาอีกครั้ง "พูดตรง ๆ เลยแล้วกันนะครับ ปู่จะให้เด็กนั่นมาเฝ้าจับตาผมอย่างนั้นใช่ไหมครับ" "ทำไมแกถึงคิดอะไรแบบนั้น" "แล้วเด็กนั่นจะออกไปจากชีวิตผมได้เมื่อไหร่ล่ะครับ หรือจนกว่าผมจะเลิกเป็นดาราอย่างนั้นหรือไง" "อะไรกัน นี่แกไม่คิดจะแต่งงานกับเด็กคนนี้จริง ๆ งั้นหรือ ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเลย นี่แกคิดไปถึงเรื่องที่จะเลิกกันแล้วหรือไง" "อ้าว…มันก็แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงครับ แล้วทำไมผมจะต้องไปแต่งงานกับเด็กคนนั้นด้วยละ" "ผู้หญิงดี ๆ แบบนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ หรอกนะ นี่ฉันอุตส่าห์หาคนที่เหมาะกับแกให้แล้วแท้ ๆ" "อย่าคิดว่าผมจะหลงกลปู่นะ ผมแค่รับข้อเสนอว่าจะให้เด็กคนนี้แต่งงานกับผมเพราะผมจะได้ทำงานที่ผมรักได้ต่อไปเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องเอาชีวิตทั้งชีวิตไปฝากกับเด็กคนนั้นหรอกนะครับ เพราะถ้าหมดประโยชน์เมื่อไหร่ผมก็จะเฉดหัวทิ้งทันที" "ถ้าทำได้ก็ลองดูเถอะ เพราะฉันมั่นใจว่าเด็กคนนี้จะเอาแกอยู่หมัดได้แน่ ๆ" "แล้วถ้าเกิดว่าเด็กคนนั้นเป็นฝ่ายอยากออกไปจากชีวิตผมเอง ก่อนที่ผมจะเลิกเป็นดาราล่ะครับ จะเป็นยังไงต่อ" "ถ้าเกิดว่าเด็กคนนั้นขอออกไปจากแกเองก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ถ้ามันเป็นการตัดสินใจของหนูปรายเอง แกก็ทำงานของแกต่อไปได้ ข้อตกลงก็ถือว่าไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ" "โห…แบบนี้ผมก็มีแต่เสียกับเสีย แต่ก็เอาเถอะครับ ผมจะยอมทนไปก่อนก็แล้วกัน" "มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว" ชายสูงวัยแอบอมยิ้ม ถึงยังไงเด็กคนนั้นก็ไม่มีทางขอปลีกตัวออกจากหลานชายเขาอย่างแน่นอน เพราะทั้งสองได้ทำข้อตกลงกันไว้ก่อนแล้ว "พูดง่าย ๆ ก็คือ คนที่มีสิทธิ์เลือกไม่ใช่ผม แต่เป็นเด็กคนนั้นสินะครับ จะเอาอย่างนั้นก็ได้ งั้นปู่ก็อย่ามาก้าวก่ายกับงานของผมอีกก็แล้วกันเพราะผมก็ทำตามข้อเสนอของปู่แล้ว" หลังจากที่ปรายฟ้าเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง ทั้งสองคนก็หยุดการสนทนาลง "ตั้งแต่วันนี้หนูปรายต้องไปอยู่กับหลานชายปู่แล้ว ปู่ก็ฝากดูแลเจ้าคิณมันด้วยนะ มีอะไรขาดเหลือก็บอกเจ้านั่นได้เลย หรือถ้าเจ้าคิณมันรังแกหนูก็โทรมาฟ้องปู่ได้ทุกเมื่อเลยนะ" ปรายฟ้ายกมือไหว้ขอบคุณผู้มีพระคุณ แล้วหันไปมองชายหนุ่มที่ยังยืนนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ "ตั้งแต่วันนี้ไป ฉันก็ขอฝากตัวด้วยนะคะคุณภาคิณ" ปรายฟ้าก้มศีรษะลงเล็กน้อย ส่วนชายหนุ่มก็ปรายตามองเธอแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร "งั้นฉันจะกลับแล้วล่ะ อ้อ…หนูปราย กระเป๋าเสื้อผ้าของหนู ฉันให้คนขนไปไว้ที่รถของเจ้าคิณให้แล้วล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็พากันกลับไปพักผ่อนเถอะ" "ขอบคุณมากนะคะ" ปรายฟ้ายกมือไหว้ขอบคุณผู้สูงวัยอีกครั้ง แล้วมองตามหลังของคนสูงวัยที่มีบอดี้การ์ดมาพยุงเดินไปจนลับตาด้วยความอาลัย "จะไปได้หรือยัง" "ขะ...ขอโทษนะคะ ไปได้เลยค่ะ" ปรายฟ้าตกใจแต่ก็รีบเดินตามแผ่นหลังสูงใหญ่ไปจนถึงที่จอดรถ ระหว่างทางไปที่บ้านของชายหนุ่ม บรรยากาศในรถก็เงียบเชียบจนปรายฟ้าต้องคิดหาบทสนทนาพูดคุยกับเขา เพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ออกไป "ฉันเป็นแฟนคลับของคุณภาคิณตั้งแต่ตอนที่คุณภาคิณแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกเลย ตอนนั้นฉันเพิ่งอายุสิบสามปีเองค่ะ เป็นหนังที่สนุกและน่าตื่นเต้นมาก คุณแสดงได้สมบทบาทมาก ๆ เพราะเรื่องนั้นจึงทำให้ฉันเริ่มที่จะติดตามผลงานของคุณ แล้วตอนนี้ก็ยังติดตามตลอดเลยนะคะ" "หืม...อย่างนั้นหรือ" ภาคิณกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย "แล้วรู้สึกยังไงบ้างล่ะที่ตอนนี้จะได้กลายมาเป็นภรรยาของนักแสดงที่ตัวเองชื่นชอบมาตั้งนานน่ะ" "มะ...ไม่เคยคิดเลยค่ะว่าจะมีโอกาสได้เจอตัวจริงแบบใกล้ชิดขนาดนี้ มันเกินกว่าที่ฝันไว้อีกค่ะ ฉันรู้สึกดีใจมากเพราะแค่นี้ก็เกินฝันแล้วล่ะค่ะ" "แล้วเป็นแฟนคลับของฉันถึงขั้นไหนล่ะ" ชายหนุ่มถามเสียงราบเรียบ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ "ฉันติดตามคุณทุกผลงานเลยค่ะ ทั้งงานละคร งานภาพยนตร์ งานเดินแบบ คุณเป็นคนที่มีความตั้งใจจริง ทำงานตรงต่อเวลา ไม่ถือตัวเวลาที่เจอแฟนคลับ แล้วก็เป็นกันเองมาก ๆ เพราะแบบนี้แฟนคลับของคุณจึงเหนียวแน่นมาก" "แล้วเธอก็เป็นแฟนคลับตัวยงของฉันเลยสินะ" "ใช่ค่ะ ฉันชื่นชมคุณมาก ๆ ขนาดหน้าจอโทรศัพท์ยังตั้งเป็นรูปของคุณเลยนะคะ แล้วอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ คุณภาคิณก็จะมีจัดงานพบปะแฟนคลับแบบใกล้ชิดอีก เดิมทีฉันก็ว่าจะไปที่งานด้วยนะคะ แต่ไม่คาดคิดว่าเราจะได้มาอยู่บ้านหลังเดียวกันค่ะ ก็เลยเป็นอะไรที่เกินคาดมาก ๆ" "ถ้าเจอฉันแล้วอยากจะทำอะไรล่ะ ถ้าเกิดว่าเราไม่ได้รู้จักกันในตอนนี้ เธออยากจะทำอะไรกับฉันบ้างล่ะ" "ฉันอยากมีโอกาสได้คุยกับคุณบ้าง อยากจะสัมผัสมือสักครั้งในชีวิตค่ะ แต่ถึงจะรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปได้ยากที่คุณภาคิณจะได้จับมือกับแฟนคลับครบทุกคน แต่ฉันก็อยากเป็นหนึ่งในผู้โชคดีคนนั้นค่ะ ฉันหวังเพียงเท่านั้นจริง ๆ" "แล้วเธออยากรู้ไหม ว่าฉันรู้สึกกับเธอยังไงในตอนนี้ หลังจากที่เธอเอาแต่คุยเรื่องของฉันไม่หยุดไม่หย่อนน่ะ" "คะ?" "อันดับแรกส่งโทรศัพท์มือถือของเธอมานี่หน่อยสิ แล้วปลดรหัสล็อกหน้าจอด้วย" ภาคิณหักเลี้ยวรถหรูเข้าข้างทาง แล้วเบรกรถอย่างรวดเร็ว ส่วนปรายฟ้าที่ไม่ได้ตั้งตัว ใบหน้าก็เกือบไปกระแทกกับคอนโชลหน้ารถถ้าไม่มีเข็มขัดนิรภัยรั้งไว้เสียก่อน ปรายฟ้าตกใจแต่ก็รีบขยับตัวให้เข้าที่ แล้วยื่นโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าให้ชายหนุ่ม ส่วนภาคิณคว้าโทรศัพท์ของปรายฟ้าไป แล้วโยนไว้ตรงช่องใส่ของหน้ารถของตัวเอง จากนั้นก็หันมาพูดกับเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ "อย่ามาพูดว่าเป็นแฟนคลับของฉันต่อหน้าต่อตาฉันแบบนี้อีกนะ รู้ไหมว่าฉันขยะแขยงเธอแค่ไหน เอารูปของฉันมาตั้งไว้ในหน้าจอโทรศัพท์อย่างนั้นหรือ หึ! นี่เธอเป็นโรคจิตหรือไง ฉันล่ะขนลุกจริง ๆ น่าสะอิดสะเอียนเหลือเกิน ถ้าเป็นแฟนคลับทั่วไปฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่กับเธอที่จะต้องมาแต่งงานด้วยแล้วเนี่ย มันฟังแล้วน่าขยะแขยงสิ้นดี อย่ามาทำอะไรแบบนั้นให้ฉันเห็นอีกนะ" ภาคิณเหยียบคันเร่งพุ่งทะยานต่อไปข้างหน้า ปรายฟ้าตัวสั่นด้วยความกลัวเพราะชายหนุ่มเร่งความเร็วรถด้วยความเร็วสูง ไม่ถึงสามสิบนาที รถหรูก็ขับเข้าไปที่บ้านหลังใหญ่ แต่น่าจะเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า แค่ทางเข้าก็กว้างขวาง ทั้งสองข้างทางก็ดูสดใสไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพรรณ มีน้ำตกที่ถูกตกแต่งเป็นสวนเล็ก ๆ สวยงาม จนปรายฟ้าอดที่จะเหลียวมองดูจนสุดสายตาไม่ได้ ภาคิณจอดรถหรูที่โถงใหญ่หน้าประตูทางเข้า ร่างสูงเดินออกมาจากตัวรถ โดยมีพ่อบ้านมารับกุญแจเพื่อนำรถหรูไปจอดไว้ที่โรงจอดรถของบ้านต่อ หลังจากทั้งสองคนออกมาจากรถแล้ว ภาคิณก็เหลียวมองดูปรายฟ้าแวบหนึ่ง แล้วก็เหวี่ยงโทรศัพท์มือถือของปรายฟ้าลงกับพื้นจนแตกกระจาย แล้วใช้เท้าบดขยี้ซ้ำเหมือนจะทำลายของสิ่งนั้นให้แหลกเป็นผุยผง ปรายฟ้าตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันตรงหน้า เธอได้แต่มองตามหลังชายหนุ่มที่เดินเข้าไปในตัวบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปรายฟ้ารีบคุกเข่าแล้วใช้มือเปล่าเขี่ยหาของที่ต้องการ พลางสะกดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล ท่ามกลางสายตาของแม่บ้านสองคนที่กำลังมองมาที่เธออย่างดูแคลน ปรายฟ้าเผลอยิ้มออกด้วยความโล่งใจ เมื่อการ์ดความจำในโทรศัพท์ของเธอยังไม่เสียหาย เพราะในนั้นมีรูปของผู้มีพระคุณที่เคยดูแลเธอ ตอนที่เธอยังอาศัยอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง แล้วก็ยังมีรูปน้อง ๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่สถานที่แห่งนั้นอยู่ในนั้นอีกด้วย ปรายฟ้าเดินก้มหน้าเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่โอ่อ่า เธอรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมาที่เธอด้วยท่าทางน่ารังเกียจ เธอรีบสาวเท้าตามร่างสูงไปอย่างรวดเร็วเพราะเธอรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่จับจ้องมาเหลือเกิน ปรายฟ้าก้าวขึ้นบันไดตามร่างสูงจนชายหนุ่มไปหยุดอยู่ที่ประตูห้อง ๆ หนึ่ง ปรายฟ้าก็หยุดชะงักแล้วยืนนิ่ง รอดูว่าคนร่างสูงตรงหน้าจะบอกอะไร พ่อบ้านที่เดินตามมาติด ๆ ก็ยกกระเป๋าสัมภาระของปรายฟ้าขึ้นมาด้วย "ขอบคุณมากนะคะ" ปรายฟ้ารีบกล่าวขอบคุณหลังจากที่พ่อบ้านเอากระเป๋ามาวางให้ ภาคิณเปิดประตูห้องนอนของตัวเองแล้วเดินเข้าไป ส่วนปรายฟ้าก็ลากกระเป๋าเดินทางตามเข้าไปในห้องนอนหรูด้วย "ล็อกประตูด้วย" เสียงทุ้มออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ปรายฟ้าจึงลากกระเป๋าไปไว้มุมหนึ่งของห้อง แล้วรีบไปล็อกประตูตามคำสั่งของชายหนุ่ม ปรายฟ้าได้แต่ยืนตัวเกร็งอยู่ตรงประตู หลังจากล็อกประตูเสร็จแล้วเพราะเธอไม่รู้จะทำตัวยังไงและทำอะไรต่อไปดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD