ตอนที่ 4 : เผยโฉม

2950 Words
4 ประโยควาจาชักชวนสุดแสนเรียบง่ายแต่ทำให้หญิงสาวผู้มีความคิดดำมืดเกิดจิตอกุศลคิดเตลิดเลอะเลือนไปไกล ภาพในจินตนาการย้อนกลับไปในภาพเหตุการณ์ยามเช้าภายในกระท่อม ภาพกระโจมน้อยตั้งฉากสามเหลี่ยมดุนดันกางเกงนอนผืนบางเหล่านั้นเล่นเอาแข้งขาของนางอ่อนระทวย ชายหนุ่มผู้ยืนรอเบื้องล่างขมวดหัวคิ้วผูกเป็นโบว์ เมื่อเห็นร่างเล็กงามสง่าต่อต้านคำสั่งจึงกล่าวย้ำด้วยน้ำเสียงดุดันจนร่างเล็กหลุดจากภวังค์น่าอับอาย “ละอองลงมา” “......” พลับพลึงชะโงกศรีษระมองเบื้องล่างเห็นใบหน้าคมคร้ามเคร่งเครียด จึงโผถลาบินร่อนลงมาเกาะบริเวณบ่าแกร่งอย่างว่าง่ายตามเดิม หากมีผู้ใดล่วงรู้ความคิดสัปดนของนางคงได้แต่ผูกคอตายใต้ขื่อรักษาความบริสุทธิ์ผุดผ่องแล้ว ‘ข้าเป็นอะไรของข้าในหัวสมองข้าไยต้องผุดภาพน่าอับอายเหล่านั้นฉายไปฉายมาด้วย! ข้าคงไม่ได้เป็นหญิงบ้าราคะเหมือนนิทานปรัมปราเหล่านั้นดอกกระมัง’ หญิงสาวลอบปาดหยาดเหงื่อเย็น หวั่นวิตกเกรงว่าตนเองจะเป็นแม่หญิงที่เอาแต่หมกมุ่นในเรื่องอย่างว่า ในใจพลางท่องศีลธรรมอันดีงามที่เคยถูกท่านลุงสั่งสอนขัดเกลาจิตใจดำมืด ที่เผยโฉมออกมานับตั้งแต่อยู่ใกล้ชิดสนิทสนมชายหนุ่ม ขณะเดียวกันความสับสนมึนงงวุ่นวายหาได้เกิดขึ้นกับนางเพียงผู้เดียว ท่ามกลางใบหน้าเรียบนิ่งเย็นชา อึมครึมประหนึ่งวันพรุ่งนี้ทุกอย่างจะสูญสิ้นมลายหายของชายหนุ่ม ความสับสนโจมตีอารมณ์อันพลุ่งพล่านหลายระลอกจนกลางหว่างคิ้วขมวดแน่นเป็นปม ข้าบังเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดกับสัตว์เลี้ยง! หรืออาจจะเป็นเพราะเขาอยู่โดดเดี่ยวกลางภูเขาลำนำไพรมานานจนเกินไป ทำให้เห็นอากัปกิริยางามสง่าสุดเย่อหยิ่งทว่าเปี่ยมชีวิตชีวาของสัตว์ตัวน้อยก็ดันเผลอไผลหลงใหลน่ามืดตามัว... เขาเองก็ไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่ามันเริ่มตั้งแต่ตอนไหนยามใด คราแรกเขาเพียงอยากจะได้นกยูงสักตัวมารำแพนหางเดินโยกย้ายส่ายสะโพกไปมากลางลานกระท่อม ใช้ความสวยสดงดงามกลบความหยาบกระด้างป่าเถื่อนและเปล่าเปลี่ยวของที่อยู่อาศัยให้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นก็เท่านั้น ไฉนไปๆ มาๆ ไม่รู้ทำอีท่าไหนกลับกลายเป็นว่าเขาชอบมองกิริยากระฟัดกระเฟียด โกรธเกรี้ยว ขุ่นเคืองยามไม่พึงพอใจ ชอบท่าทีบอกกล่าวถึงความต้องการโดยการออดอ้อนให้ได้มา ชอบให้นางประจบประแจงอย่างรู้ความ ชอบสายตากระลิ่มกระเลี่ยหื่นกระหายกลบเกลื่อนไม่มิดของนกยูงตัวน้อย ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าแน่ชัดว่ามันเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย เขาต้องมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติแน่แท้เขารู้ตัวว่าตนเองเป็นบุรุษเพศมีความต้องการตามธรรมชาติแต่ความต้องการส่วนนี้ไม่เลือกคน สัตว์ หน่อยหรือ และเขาก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนสิ่งนี้ทำให้เขาคิดไม่ตก “เราไปต้มไข่กัน...” น้ำเสียงแหบพร่าทุ้มลึกเค้นคำพูดเอื้อนเอ่ยอย่างยากลำบาก “......” นกยูงสาวสีสันฉูดฉาดประกายเงางามระยิบระยิบพยักหน้าน่ารัก ก่อนสายตาหลักแหลมจะทะเล่อทะล่าหลุบมองเบื้องล่างเห็นกางเกงนอนผืนบางแนบชะลูดเข้ากับลำตัวเปียกชุ่มจนเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นสีเข้มอวบยาว วินาทีนี้ศีลธรรมอันดีงามที่นางจำใจท่องกดข่มความคิดดำมืดสกปรกก็ไม่อาจสามารถช่วยชะล้างให้หมดจด กลับแตกกระเจิงจนกู้ไม่กลับ! ‘ตาเถร! มันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้เชียวรึ’ ชายหนุ่มพยายามมองข้ามสายตาซุกซนสำรวจเรือนกายกำยำของเขาอย่างหาญกล้า อยากมองก็มองไปสิ เขาชอบให้นกยูงตัวน้อยมองจนน้ำลายไหลยืด ดีกว่าสายตาหื่นกระหายไปหยุดจดจ่อที่ร่างผู้อื่น มือหยาบคว้าชะลอมไม้ไผ่บรรจุไข่ไก่ขึ้นมาพร้อมนำไปแช่บ่อน้ำพุร้อนอีกบ่อ พลางเอนกายพิงพนักต้นไม้ใหญ่เฝ้ารอคอยเวลาท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น ไอน้ำสีขาวพวยพุ่งขมุกขมัว ไออุ่นจากเรือนกายกำยำน่าอิงแอบซุกไซร้จนยากหักห้ามใจ หญิงสาวจึงทำหน้าหนาโผซบบริเวณแผงอกแกร่งกอบโกยไอร้อนสุดแสนอบอุ่นจากเรือนกายแกร่งกร้าว เป็นสัตว์เลี้ยงก็มีข้อดีอยู่เหมือนกันจะทำอะไรก็ไม่ต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจ คิดหน้าคิดหลังว่าจะไม่เหมาะไม่ควร ข้าลวนลามเขาตั้งหลายรอบแหน่ะ... สายตาคมคายฉายแววสับสนละจากความคิดยุ่งเหยิงพัวพันวุ่นวายเหลือบมองนกยูงตัวน้อยอิงแอบแนบชิดสนิทสนมเสมือนผู้อ่อนแอโผถลาเข้าหาคนแข็งแกร่งโหยหาการปกป้องอย่างไรอย่างนั้น เพียงสัมผัสออดอ้อนตั้งใจก็ดีไม่ตั้งใจก็ดีทำให้เขาแทบอยากจะไขว่ขว้าดวงดาราทุกดวงบนฟากฟ้ามาวางกองตรงหน้า อยากจะมอบทุกสิ่งอย่างให้นกยูงตัวน้อยโดยที่มันไม่ต้องร้องขอ เพื่อแลกกับความพึงพอใจอันน้อยนิดก็นับว่าคุ้มค่า ฝ่ามือหยาบกร้านทั้งสองโอบประคองร่างเล็กนุ่มนิ่มสีสันจัดจ้านขึ้นมากลางฝ่ามือ ใช้นิ้วสากลูบเกลี่ยสางขนนุ่มละมุนดุจกลีบบุปผาแผ่วเบาราวกับว่าหากออกแรงมากเพียงนิดนกยูงตัวน้อยจะบุบสลายหายไปท่ามกลางหมอกและควัน ท่าทางอ่อนโยนทะนุถนอมประดุจวารีโอบล้อมไข่มุกเม็ดงามพลอยทำให้หัวใจของนางสั่นสะท้านยากต้านทานความวาบหวามและหวั่นไหว “ดูเหมือนเอ็งจะชอบออดอ้อนเป็นพิเศษ ละทิ้งความระแวดระวังในตัวข้าแล้วหรือ” ‘ตัวเอ็งอุ่นคลายความหนาวเหน็บให้ข้าได้ต่างหาก’ หญิงสาวพยายามหาข้ออ้างมาโต้แย้งพฤติกรรมหน้าหนาของตนเองแบบแยบยล “ข้าเองก็ชอบให้เอ็งออดอ้อนรู้ความ แต่รู้ความกับข้าได้เพียงผู้เดียว จำไว้…” ใต้หล้าเอื้อนเอ่ย ริมฝีปากหนาคล้ายยิ้มไม่ยิ้ม เขาจับจ้องดวงตาใสกระจ่างสุกสกาวดุจดวงดาราพร่างพราวระยิบระยับยามค่ำคืนของนกยูงตัวน้อย คล้ายว่าจะจดจ้องเข้าไปถึงจิตวิญญาณสำรวจเนื้อแท้ที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องลึกเบื้องหลังจนนางต้องหลุบตาต่ำแสร้งเฉไฉมองไปทางอื่น ‘ข้าไม่ได้ออดอ้อนเสียหน่อย ข้าแค่ยืมไออุ่นบนเรือนกายเอ็ง เอ็งเข้าใจผิดไปเองต่างหากเล่า’ “เอาล่ะ ดูเหมือนไข่จะสุกแล้วข้าจะปอกให้เอ็งกิน ครานี้คงไม่เลือกกินอีกกระมัง” น้ำเสียงกระเซ้าเย่าแหย่เอ่ย ชายหนุ่มวางสัตว์เลี้ยงตัวน้อยบริเวณโขดหินใหญ่ ก่อนจะก้มโค้งเอื้อมท่อนแขนกำยำยกชะลอมขึ้นมาเหนือน้ำ กลิ่นไข่สุกหอมกรุ่นลอยคละคลุ้งตลบอบอวลชวนให้ท้องร้องโครกครากจากความหิว หญิงสาวเดินวนไปเวียนมา ดวงตาดำขลับเปี่ยมเสน่ห์จับจ้องไข่ไก่ลวกสุกกำลังดีตาเป็นมัน ท่าทางตรงไปตรงมาชวนให้ผู้พบเห็นใจอ่อนยวบนึกเอ็นดูรักใคร่ ไข่ไก่เกลี้ยงเกลาถูกกระเทาะปอกเปลือกบิดบี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พร้อมเหยาะเครื่องปรุงเลิศรสที่สหายเป็นผู้หมักนานแรมเดือนส่งยื่นมาประเคนถึงเบื้องหน้านกยูงตัวน้อย ‘หากไม่ใช่ข้าวสารกับรำข้าว ข้าก็ไม่ได้เลือกกินเพียงนั้น’ หญิงสาวบ่นพึมพำในใจ นางไม่ได้เลือกกินเพียงแต่เขาโง่เขลาเกินไปต่างหาก ใครอยากจะกินก็กินแต่นางกินสิ่งของเหล่านั้นไม่ลงหรอกนะ พลับพลึงก้มหน้าก้มตากินไข่ต้มจากบ่อน้ำพุร้อนอย่างสงบเสงี่ยมไร้อาการเหนี่ยมอายเฉกเช่นคืนวาน จึงไม่ทันสังเกตเห็นแววตาลึกล้ำยากคาดเดาจับจ้องนางราวกับจะสูบกลืนกินนางลงท้อง “เฮ้ย! ไม่เรียกพวกข้ากินบ้างเล่า” ผืนดินได้กลิ่นหอมกรุ่นของไข่ไก่เหยาะเครื่องปรุงเลิศรส จึงผละจากการแช่บ่อน้ำพุร้อนขึ้นมาเหนือน้ำ มือซ้ายโอบรอบลำคอเหนือมานฉุดกระชากลากถูขึ้นมาบนบกเป็นเพื่อน การผุดลุกพรวดพราดกะทันหันเช่นนี้ทำให้หยาดธาราในบ่อน้ำพุร้อนบังเกิดระลอกคลื่นเซ็นกระซ่านจนทั่วอาณาบริเวณเปียกชุ่ม หญิงสาวรีบหลุบสายตาต่ำไม่มองภาพที่ไม่ควรมองในใจก็พึมพำก่นด่าบุรุษหยาบกระด้างป่าเถื่อนเหล่านี้ที่ชอบเผยเรือนกายเปล่าเปลือยต่อหน้านางอย่างไร้ความกระดากอาย “ไปใส่กางเกง” ใต้หล้าเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “คนกันเองจะเขินอายกันทำไม ใช่ว่าเอ็งไม่เคยเห็นของพวกข้าซะหน่อย ดูสิไข่ข้ากับไข่เอ็งแตกต่างกันตรงไหนจะขนาดรูปร่างหรือสีสัน” ผืนดินยิ้มแป้นเดินไข่ห้อยโทงเทงมาแต่ไกล ก่อนจะต้องหลบหลีกก้อนหินขนาดเล็กที่ถูกเขวี้ยงปามาขับไล่พวกเขาให้ถอยห่างหลีกหนีจากสายตา วาจาหยาบโลนเหล่านี้พลับพลึงพึ่งเคยได้ยินเเละประสบพบเจอเป็นครั้งแรกจึงวางตัวไม่ถูก อีกทั้งยังอึ้งไม่คิดว่าบุรุษทั้งสามจะเห็นสิ่งของสงวนของกันและกัน ขนาดนางกับพลับพลายเป็นพี่น้องคลานตามกันมายังไม่เคยเห็นของกันและกัน ไม่ต้องเดาถึงความสนิทสนมแนบแน่นของพวกเขาทั้งสามก็พอจะกระจ่าง “ข้าไม่อยากกินไข่แล้วเห็นไข่พวกเอ็ง ข้ากลืนไม่ลง” ใต้หล้าส่งเสียงเย็นยะเยือกอย่างไม่เคยเป็นก่อน เหมือนสามีแก่ได้ภรรยาเด็กแล้วหึงหวงบุรุษอื่นขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก็ไม่ปาน ขณะเรือนกายกว้างหนาบดบังนกยูงตัวน้อยตัวแข็งทื่อก้มหน้าก้มตากินไข่ทำทีไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น ฝ่ามือก็คว้าเศษก้อนหินดินทรายขว้างปาสหายรักให้หันหลังกลับไปสวมใส่อาภรณ์ให้เรียบร้อย “พูดเหมือนไข่เอ็งขาวนวลอมชมพูอย่างนั้นแหละไอ้ใต้หล้า! แน่จริงก็งัดไข่เอ็งออกมาวัดกับพวกข้า ดูว่าไข่ใครดำกว่ากัน” เหนือมานตะโกนส่งเสียงดัง “รีบไสหัวไปใส่กางเกง...” “ข้าไม่ไปจนกว่าเอ็งจะงัดไข่ของเอ็งออกมา!” “……” กว่าเหตุการณ์ชุลมุนจะสงบลงพลับพลึงก็ฉวยโอกาสนี้กินไข่ต้มไปหลายใบจนอิ่มแปล้ เมื่อเห็นท่าทางอิ่มจนจุกของนาง ชายหนุ่มจึงประคองนกยูงตัวน้อยขึ้นมาวางบนบ่าแกร่งก่อนจะลุกพรวดสาวเท้าเร่งรีบกลับกระท่อมทิ้งสหายรักทั้งสองที่เอาแต่พูดจ้อไม่หยุดปากไว้ ณ สถานที่แห่งนี้ “อย่าไปฟังพวกมันมากเดี๋ยวเอ็งจะเสียคน อืม... คงไม่เสียคนหรอกมั้งเพราะเอ็งเป็นนกยูงแต่ถึงยังไงข้าก็ไม่วางใจอยู่ดี” ‘ข้ามีลางสังหรณ์ว่าข้าจะเสียคนเพราะเอ็งมากกว่า คอยให้ข้าแทะโลมทางสายตาอยู่นั้นแหละไม่หวงเนื้อหวงตัวหน่อยหรือ จะมาว่าข้าทีหลังไม่ได้นะ’ ขณะคิดในใจสายตาแพรวพราวก็จับจ้องแผงอกกำยำล่ำสันสีคมเข้ม ทุกสัดส่วนบนเรือนกายของเขาพาดผ่านสู่สายตานางตั้งแต่บนจรดล่างไม่มีบริเวณใดถูกละเลยให้น่าน้อยใจแม้แต่น้อย ใต้หล้ากลับมาเปลี่ยนกางเกงผืนใหม่ก่อนจะแบกขวานเล่มหนักเฉียบคมออกมากลางลาน ท่อนไม้ถูกจามกลายเป็นกองฟืนขนาดย่อมเพื่อใช้สำหรับก่อกองไฟหุงหาอาหารยามเย็น พลับพลึงถูกจับวางบนแคร่ตัวยาวปูพรมด้วยหนังสัตว์ซึ่งถูกซักฟอกชำระล้างกลิ่นสาบสางเรียบร้อยแล้ว นางนอนเอกเขนกชื่มชมพละกำลังแข็งแกร่งไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของเขา ขวานเล่มหนาหนักเพียงนั้นเขากลับง้างจามท่อนไม้หลาบสิบท่อนโดยไม่ผ่อนลมหายใจหอบเหนื่อย มีเพียงหยาดเหงื่อไหลรินระหว่างกรอบใบหน้าคมคร้ามส่งเสริมกลิ่นอายห้าวหาญของบุรุษตรงหน้าให้เพิ่มทวีคูณ ใต้หล้ารับรู้ถึงสายตาชื่นชมมองมาไม่ละสายตาตามสัญชาตญาตฉับไวของนายพรานจึงเหลือบมองนกยูงตัวน้อยบนแคร่ตัวยาว ริมฝีปากหนายกยิ้มครู่หนึ่งพริบตาเดียวรอยยิ้มนั้นก็จางหายคล้ายไม่เคยเผยรอยยิ้มหวานยั่วเย้า “อิ่มแล้วก็นอนใช้ชีวิตแบบไร้ทุกข์ไร้โศกแบบที่ข้าอยากมอบให้ก็พอ จะได้โตเร็วๆ รำแพนหางให้ข้าดู” ‘แต่ข้าพึ่งตื่นจะให้ข้านอนอีกแล้วหรอ ข้าไม่ใช่เด็กแบเบาะที่ต้องนอนตลอดทั้งวันทั้งคืนเสียหน่อย อืมอีกอย่างคนเขลาก็ยังเป็นคนเขลาไม่มีวันฉลาดได้จริงเลยเชียว ข้าไม่สามารถรำแพนหางเกี้ยวพานเอ็งได้ดอกหนา!’ ‘แต่เดินเอ้อระเหยส่ายสะโพกไปมาก็พอได้อยู่ดอก!’ ได้ยินประโยควาจาขัดใจเหล่านั้นพลันทำให้สายตาชื่นชมเมื่อครู่ผันแปรเป็นดวงตาขวางขุ่นเคือง มองสิ่งใดก็ล้วนขัดหูขัดตาจึงสะบัดเชิ่ดใบหน้าสุดแสนเย่อหยิ่งจองหองไปอีกทางโดยไม่คิดเหลียวแลหรือสนใจเขาอีก ไม่นานนักผืนดินและเหนือมานก็ตามมาสมทบแบ่งเบาช่วยเหลืองานหนักจำพวกแบกน้ำใส่ตุ่ม ผ่าฟืน ซักฟอกหนังสัตว์เพื่อเตรียมพร้อมย่างเข้าสู่ฤดูหนาวที่แสนจะหนาวเหน็บสุดขั้วหัวใจ โดยมีนกยูงตัวน้อยชายหางตาแลมองโดยไม่รู้สึกผิดที่ต้องนอนเอ้อระเหยลอยชายกินแรงพวกเขา จวบจนกระทั่งตะวันตกดินสหายทั้งสามจึงแยกย้ายกันกลับกระท่อมใครกระท่อมมัน และเพราะงานที่ต้องใช้แรงหนักตลอดทั้งวันทำให้พอหัวถึงหมอนใต้หล้าก็พลันสลบเหมือดลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะในระยะเวลาไม่นาน ท่อนแขนพาดลำตัวนุ่มนิ่มของนกยูงสีสันจัดจ้านอย่างหวงแหน ลืมเลือนกระทั่งดับเทียนไขเหนือหัวนอน... พลับพลึงพยายามกระเสือกกระสนดิ้นรนให้หลุดพ้นจากวงแขนหนักอึ้ง สองขาเล็กปีนป่ายขึ้นมาเหยียบย่างบนแผงอกกว้างสอดส่องดูท่าทีของชายหนุ่มว่าเข้าสู่สภาวะหลับไหลลึกหรือไม่ ก่อนจะถอนหายใจพรืดอย่างโล่งใจเมื่อเห็นว่าเขานอนหลับเป็นตาย นางใช้เท้าเล็กเหยียบย่ำริมฝีปากบางเฉียบที่มักจะส่งยิ้มยั่วเย้านางจนสาแก่ใจ พลับพลึงทำหน้าทะเล้นยามได้แก้แค้นเอาคืนบ้างเล็กน้อย หญิงสาวอยากจะฉกฉวยโอกาสนี้ลอบไปแช่บ่อน้ำพุร้อนเพียงลำพัง ชำระเรือนกายที่เหนียวเหนอะให้หอมกรุ่นโปรยกลีบบุปผาทั่วบ่อน้ำพุร้อนแล้วอยากจะนอนแช่นานเท่าใดก็ได้ตามใจหวัง นี่มันสวรรค์บนดินชัดๆ... นางจะตักตวงความสุขให้เต็มอิ่ม! “หลับสักที ไม่ได้พูดทั้งวันจนข้าเกือบจะเป็นใบ้อยู่แล้ว” เสียงหวานเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนชวนลุ่มหลงเอื้อนเอ่ย นางกวาดสายตามองซ้ายแลขวา ตัดสินใจกระโจนโผบินหนีออกมาทางหน้าต่างซึ่งเปิดอ้ารับลมในยามค่ำคืน พลับพลึงจดจำเส้นทางเลี้ยวลดคดเคี้ยวในพงไพรได้เป็นอย่างดี จึงโฉบบินเร่งความเร็วมุ่งหน้าสู่ปลายทางอย่างอิสระเสรีประหนึ่งนกน้อยในกรงทองถูกปลดปล่อย โซ่ตรวน ปีกสยายทอแสงวิบวับพริ้วไสวในห้วงอากาศสง่างามน่าหลงใหลไม่ต่างจากเทพธิดาเคลื่อนที่ ด้วยความเร็วระดับนี้ทำให้นางมาถึงบ่อน้ำพุร้อนควันสีขาวพวยพุ่งอันมีบรรยากาศเงียบสงบอย่างรวดเร็ว ร่างนกยูงสีสันฉูดฉาดบาดตาหมุนกายเปล่งแสงสีขาวทอวาบหนึ่งผาดแปรเปลี่ยนเป็นหญิงสาวสะคราญโฉมยั่วยวนหยาดเยิ้ม ลอยลงมาเหยียบย่ำพสุธา ดวงตากลมโตใสกระจ่าง แพขนตาหนางอนงาม จมูกรั้นเล็ก พวงแก้มอิ่มเอิบชมพูระเรื่อแลดูสุขภาพดี ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงดุจชาดเคลือบเงางาม อาภรณ์ผ้าเนื้อเงาบางเบาสีขาวงาตัดเย็บอย่างประณีต แนบลู่ลำตัวอวดเรือนร่างส่วนเว้าส่วนโค้งอวบอิ่มดุจภาพวาด ตั้งแต่บนจรดล่างรวมไปถึงเครื่องประดับประดาเหลืองทองเนื้อบริสุทธิ์ ขับให้ผิวผ่องกระจ่างใสยามต้องแสงจันทราแผ่รัศมีของหญิงงามออกมาท่วมท้น ทรวดทรงองค์เอวสัดส่วนเว้าโค้งอรชรหยาดเยิ้ม ส่วนที่ควรจะนูนก็นูนจนล้นมือ สัดส่วนที่ควรจะโค้งเว้าก็คอดกิ่วบอบบางแลดูน่าทะนุถนอมประคองไว้กลางฝ่ามือ “บรรยากาศน่าผ่อนคลายจัง ข้าหมายมั่นมาตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วว่าคืนนี้จะต้องมาอาบน้ำแช่ตัวที่นี่ให้ได้” พลับพลึงเอ่ยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ มือเล็กขาวอมชมพูลงมือปลดเปลื้องอาภรณ์บดบังเรือนกายอิ่มเอิบทีละชิ้นอย่างใจเย็นไม่เร่งรีบ จนกระทั่งเรือนร่างเปี่ยมเสน่ห์เปลือยเปล่า ท่ามกลางแสงจันทราสอดส่องทำให้นางดูงดงามหยาดเยิ้มประหนึ่งเทพธิดาที่ไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ รูปร่างอิ่มเอิบที่ใครเห็นเป็นต้องลอบกลืนน้ำลาย กระตุกวิญญาณเพศตรงข้ามเยื้องย่างจมดิ่งสู่ธาราไหลวนอุ่นร้อน กระแสวารีวนเวียนเคลื่อนไหวอยู่รอบกายทำให้ร่างหยาดเยิ้มที่เคยแข็งเกร็งตึงเครียดผ่อนคลาย “อุ่นจัง...” พลับพลึงเอนกายเปลือยเปล่าชวนลุ่มหลงนอนพิงข้างโขดหิน ใบหน้างดงามพิสุทธิ์ผุดผาดรอยยิ้มหวานละมุนละไมส่งผลให้รอบกายนางดูหวานชื่นรื่นนัยน์ตาเป็นหนักหนา มือเรียวกวักหยาดวารีอุ่นร้อนรินรดลำคอขาวผ่องจรดหัวไหล่กลมมนไหลลงสู่ร่องกลางทรวงอกอวบอิ่มปลายถันชมพูน่าขบกัด ริมฝีปากฮัมบทเพลงเคล้าคลอบรรยากาศเสียงหวาน จนกระทั่งใบหูได้ยินสุ้มเสียงจากพวกถ้ำมอง กร็อบ! “ใครแอบอยู่ตรงนั้น!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD