8
ความเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนถูกทึ่งชิ้นเนื้อแยกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในตอนแรกค่อยๆ ถูกทดแทนที่ด้วยความรู้สึกสุขสมแปลกใหม่เป็นความรู้สึกอิ่มเอิมถูกเติมเต็มจนดวงวิญญาณแตกซ่าน
ความเยาว์วัยแตกเนื้อสาวถูกชายหนุ่มหน้าหนาฉุดกระชากพรากไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่สามารถต่อกรหรือต่อต้าน ทำได้เพียงยอมจำนนเป็นเนื้อชิ้นโตหน้าเขียงจะสับหรือชำแหละอย่างไรก็ได้ เสียงหอบหายใจหนักแว่วดังขึ้นข้างหูสลับเสียงครางกระซิบที่ยากอดกลั้นของนางเลือนลางในความทรงจำ
พลับพลึงจำได้ว่ารอบล่าสุดนางกัดบ่าเนื้อแน่นของเขาเต็มแรงให้หยุดทุกการกระทำ ร่างอ่อนระโหยโรยแรงถูกสูบเรี่ยวแรงพละกำลังและสติสัมปัชชัญญะไปจนหมดสิ้น ถูกเคี่ยวกรำดูดกลืนเรือนร่างและจิตวิญญาณตั้งแต่กลางดึกจวบจนรุ่งสางอย่างหิวกระหาย
ไม่รู้ว่าเขาซุกซ่อนพละกำลังปานช้างสารมากน้อยเพียงใดแต่ก็ช่างเขาประไร นางเหน็ดเหนื่อยตรากตรำมาครึ่งค่อนคืนจึงผล็อยหลับคาอกทั้งที่ยังถูกเขาเคี่ยวกรำหนักหน่วง
ในสติอันเลือนล่างรับรู้เพียงว่าหลังเสร็จกิจก็ถูกช้อนอุ้มขึ้นมาแช่บ่อน้ำพุร้อนอีกครั้ง ร่างกายตึงเครียดจึงผ่อนคลายและหลับลึกลงไปในที่สุด
“ตื่นขึ้นมากินข้าวเช้าก่อน ข้าทำข้าวต้มให้เอ็งเสร็จแล้ว กินแล้วค่อยนอนต่อ” เสียงทุ้มนุ่มลึกเอ่ย ในขณะที่ฟูกนอนทรุดยวบร่างกำยำล่ำสันนั่งข้างเตียง ปลายนิ้วหยาบเกลี่ยไรผมดำขลับนุ่มลื่นยาวสลวยทัดใบหูเล็ก
หลังจากอาบน้ำชำระเรือนกายให้นางหอมกรุ่นดังเดิมเขาจึงช้อนโอบอุ้มร่างสลบไสลเดินหน้ามุ่งตรงกลับกระท่อมด้วยความเบิกบานใจ ใต้หล้าสีหน้าระรื่นยิ้มแย้มเหมือนคนบ้าใบ้ตั้งแต่ไก่โห่ความปรารถนาร้อนแรงถูกปลดปล่อยหลายครั้งหลายครามอบให้นางจนล้นทะลัก
บางครั้งเขายังคิดว่านี่อาจจะเป็นความฝัน เมื่อตื่นมาก็จะพบว่านางพลันสลายหายไปจึงหวาดกลัวคอยลอบมองนางไม่ยอมข่มตาหลับ ทั้งฉุดรั้งนางเข้ามากอดแนบอก ทั้งสัมผัสเนื้อนวลเนียนขาวละเอียดให้แน่ใจ รวมไปถึงหยิกเนื้อตนเองให้เจ็บปวดจะได้แยกแยะว่านี่คือความฝันหรือความเป็นจริงกันแน่
ผลปรากฎว่านี่ไม่ใช่ความฝัน!
นางยังอยู่!
เขาไม่ได้ละเมอเพ้อพกไปคนเดียว นางคือแม่นกยูงตัวน้อยงามสง่าแสนเย่อหยิ่งที่เขายิงร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า นกยูงที่เกือบจะทำให้เขาคิดว่าเขาเป็นไข้ป่าผิดปกติถึงขั้นมีความรู้สึกแปลกประหลาดกับสัตว์เลี้ยงของตนเอง
เพียงเห็นนางใต้แสงจันทราส่องสกาวเขาถึงกับยืนบื้อใบ้ไม่เป็นตัวของตัวเอง มือไม้สั่นสูญเสียการควบคุมในชั่วพริบตาและวินาทีนั้นจิตใจดำมืดสั่งการให้เขาครอบครองนางเพื่อฉุดรั้งนางไว้ข้างกายโดยไม่สนธรรมเนียมประเพณีผิดผี ความรู้สึกก้นบึ้งภายในจิตใจเกิดความปรารถนาอันแรงกล้าต่อนางตั้งแต่แรกเห็น
ราวกับว่านางเกิดมาเพื่อเขา...
นางเป็นของเขา ผู้หญิงของเขาผู้เดียวที่จะไม่ยอมให้ผู้ใดแย่งชิงพรากจากเขาไปได้!
“อืมข้าไม่ได้วิปลาส” ใต้หล้าพึมพำ
ดวงหน้างามหยาดเยิ้มออกสีแดงเรื่อเลือดฟาดบ่งบอกถึงการถูกเติมเต็มจนล้น ขอบใต้ตาดำคล้ำเห็นชัดจากการอดตาหลับขับตานอนต่อการรุกรานรุนแรงและหนักหน่วงยาวนาน ริมฝีปากอิ่มดุจลูกตำลึงมันวาวเย้ายวนจนเขาต้องก้มโค้งศรีษระประทับจุมพิตแผ่วเบา
“อือ...ข้าง่วงอย่ามากวนข้า” เสียงงัวเงียเหมือนลูกแมวตัวน้อยขมุบขมิบริมฝีปากพึมพำ ขยับใบหน้างามผุดผาดหันหนีไปอีกทางท่าทางรำคาญเขาเสียเต็มประดา
“ง่วงก็ต้องลุกขึ้นมากินก่อนเดี๋ยวจะปวดท้อง เอ็งคงไม่รู้สินะว่าหมอยามือฉกาจกำลังจ้องจะหาคนไข้รายใหม่อยู่” ใต้หล้าพูดเสียงอ่อนเอาใจ
เขาอยากจะตามใจนางแต่บางสิ่งบางอย่างก็อาจจะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ อีกทั้งสายตาเฉียบคมยังเห็นร่องรอยบาดแผลฟกช้ำบริเวณหน้าท้องแบนราบดูท่าจะเจ็บไม่เบาจากวิถีกระถุนของเขา เขาทั้งรู้สึกผิดโทษตัวเองและเจ็บปวดใจเหมือนมีคมมีดเชือดเฉือนดวงใจ เขาจึงยอมขัดใจรั้งร่างงามผุดผาดขึ้นมาในท่วงท่ากึ่งนอนกึ่งนั่ง ขณะพลับพลึงยังสะลึมสะลือปิดเปลือกตาแน่นสนิท
“ข้าอยากนอนใต้หล้า...” พลับพลึงออดอ้อนเสียงหวานจนใจเขาอ่อนยวบเหมือนแป้งเหลว แต่จนใจที่ต้องทำให้นางอิ่มท้องเสียก่อนจึงฝืนทำใจแข็งไม่ยอมตามใจนาง
ฝ่ามือหนาคว้าถ้วยข้าวต้มอุ่นร้อนกลิ่นหอมควันโขม่งขึ้นมา พลางใช้ช้อนตักข้าวต้มพร้อมเนื้อชิ้นเล็กหั่นพอดีคำเป่าให้หายร้อนก่อนจะนำขึ้นมาจรดริมฝีปากอิ่มเอิบ
ท่าทางถือหางให้ท้ายของเขาไม่ใช่เล่นๆ นี่แค่วันแรกเขายังประเคนแทบทุกสิ่งอยากให้นางโดยที่นางไม่ต้องปริปากร้องขอแม้เพียงประโยคเดียว
“ข้าป้อนนะ เอ็งอ้าปากเคี้ยวแล้วกลืนก็พอในข้าวต้มข้าใส่เนื้อรมควันที่เอ็งชอบไปด้วย กินให้อุ่นท้องจะได้นอนหลับสบาย” ใต้หล้าเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน ตะล่อมให้แมวน้อยจอมเกียจคร้านเผยอริมฝีปากให้เขาป้อน ใบหน้าเย็นชาเผยรอยยิ้มมุมปากยามเหลือบมองนางไม่ต่างอะไรจากหนุ่มน้อยตกอยู่ในภวังค์แห่งความลุ่มหลง
“อืม” พลับพลึงพยักหน้าอ้าปากแต่โดยดี ร่างอ่อนระโหยโรยแรงอิงซบแผงอกกว้างโดยมีริมฝีปากเฉียบคอยพรมจูบหน้าผากกลมมนไม่ห่าง ประหนึ่งเป็นการมอบรางวัลให้เด็กดีเชื่อฟังตามคำสั่ง
“อร่อยไหม ข้าตั้งใจเคี่ยวให้เม็ดข้าวนุ่มเชียวนะ”
“อืม” หญิงสาวกินแทบไม่รู้รสได้แต่พยักหน้ารับคำเพราะอยากจะรีบกินให้เสร็จแล้วรีบเข้านอน ถูกเขาเคี่ยวกรำมาครึ่งค่อนคืนยังถูกปลุกให้มาฟังน้ำเสียงชวนขนหัวลุกนี่อีก
ชีวิตของข้ากำลังเผชิญเคราะห์กรรมอยู่หรือ...
พรหมจรรย์ก็ถูกช่วงชิงจนไม่มีหน้าออกเรือนให้ชายใดได้อีก ยังต้องมาทนฟังบุรุษหยาบกระด้างตะล่อมจนใบหูคันยุบยิบ...
ข้าหายดีเมื่อไหร่ ข้าจะหนี! หนีไปให้ไกลจากบุรุษป่าเถื่ิอนผู้นี้! หากไม่หนีนางคงได้ท้องป่องกำเนิดบุตรให้เขาเป็นโขยงแน่…
น้ำเสียงหมดอาลัยตายอยากรับคำทุกประโยคที่เขาเอ่ยถามเก็บแผนการคิดหนีไว้ให้มิดชิดห้ามให้เขารู้ทันโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นเขาคงดักคอตามจับนางกลับมาแล้วทรมานให้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกอยู่ไม่สู้ตาย
หากใต้หล้าล่วงรู้ความคิดของนางคงหน้าเขียวคล้ำดำทะมึนอย่างแน่นอน จนกระทั่งข้าวต้มเนื้อเนียนละเอียดถูกป้อนจนหมดชามทำให้ร่างเย็นเยียบอบอุ่นขึ้นเป็นกอง
เขาถึงจะยอมปล่อยให้นางมุดหัวหายเข้าไปในผ้าห่มผืนบางเหมือนแมวน้อยขี้เซา เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตที่จะต้องดูแลเขาจึงต้องตระเตรียมเสบียงอาหารเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความเป็นอยู่หน้าหนาวที่ใกล้จะเข้ามาถึงไม่นานนี้
แม้ใจจะไม่อยากห่างไกลภรรยาสาวหมาดๆ อยากจะนอนกอดนางทั้งวันทั้งคืนให้สาสมกับความลำบากกว่าจะได้ตัวมา แต่ความจำเป็นทำให้เขาต้องจากไปพร้อมความอาลัยอาวรณ์ มิเช่นนั้นเขาคงไม่มีเนื้อให้ภรรยาจอมกินจุ กินดื่มเพียงพอในหน้าหนาว เขาอยากให้นางใช้ชีวิตแบบไร้กังวลดั่งใจเขาหวังเป็นดั่งแสงสว่างในใจเขาก็เพียงพอแล้ว
“วันนี้ข้าจะเข้าป่าไปล่าสัตว์ เอ็งอย่าออกมาเดินเผ่นผ่านข้างนอกมันอันตรายนอนพักผ่อนให้เต็มที่ รอข้ากลับมานะ” ใต้หล้ากำชับ สายตาเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดมองนางที่กำลังนอนขดตัวใต้ผ้าห่มไม่กระพริบตา
“ไม่หรอก ไม่มีผู้ใดอันตรายไปมากกว่าเอ็งแล้วล่ะ” พลับพลึงขานตอบเสียงอ่อนอย่างลืมตัว ประโยคนี้ทำให้เขาหน้าบูดบึ้ง ก่อนพลับพลึงจะสะดุ้งโหยงสุดตัวเมื่อผ้าห่มผืนบางถูกดึงกระชากให้ออกห่าง
“หืม” ใต้หล้าเลิกคิ้วเข้มหรี่สายตาอันตรายมองหญิงสาวจนนางเสียวสันหลังวาบ จึงคลี่คลายสถานการณ์ประจบประแจงด้วยรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มอย่างที่เขาชอบ
“อืม ข้าจะรอท่านกลับมา” พลับพลึงรีบเปลี่ยนคำเรียกขานจาก ‘เอ็ง’ กลายเป็น ‘ท่าน’ เรียกได้ว่าเอาตัวรอดไหลลื่นเป็นปลาไหลได้ทันท่วงที
ครั้นได้ยินคำว่าท่านหลุดออกมาจากหญิงยอดดวงใจ ใต้หลันพลันถลาเข้าไปฟัดหญิงสาวจนพวงแก้มเปียกชื้นเต็มไปด้วยน้ำลายทั้งซีกซ้ายและซีกขวา จุมพิตริมฝีปากอิ่มเอิบจนบวมช้ำมอบรางวัลให้นางจนสุขล้น ท่อนแขนกำยำกอดรัดพลับพลึงไม่ต่างอะไรจากงูเหลือมรัดหมา
“ข้าหายใจไม่ออกจะรัดข้าให้ตายเลยหรือยังไง” พลับพลึงบ่นงึมงำ มือแน่งน้อยผลักร่างแกร่งให้ออกห่าง
“ข้าจะทำให้เอ็งตายได้อย่างไร ข้าโปรดปรานเอ็งเพียงนี้” ใต้หล้าหยอดคำหวาน ก่อนจะจุมพิตซ้ำลงบนพวงแก้มป่องน่ารักใคร่
“ถอยห่างออกไปหน่อย ข้าไม่ค่อยสบายตัว” พลับพลึงเน้นย้ำคำว่า ‘ไม่สบายตัว’ นางไม่ได้โป้ปด นางครั่นเนื้อครั่นตัวปวดเมื่อยเอว พาลให้อารมณ์ไม่ดี มิหนำซ้ำช่วงล่างยังปวดหนึบจนแทบจะก้าวขาลงจากเตียงไม่ไหว เรียวขาทั้งสองข้างสั่นระริกชวนอับอายขายขี้หน้า
ครั้งแรกของหญิงสาวควรถูกบุรุษทะนุถนอมผ่อนปรนมากกว่าถูกกระโจนใส่เหมือนหมาบ้าหิวกระหายระบายความบ้าระห่ำ บ้าคลั่งของตนเอง อีกทั้งเขายังเป็นชายหนุ่มเรี่ยวแรงดีเหลือเกินครั้งเดียวไม่เพียงพอสำหรับเขา นางนับจนเลิกนับว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ คิดแล้วมันน่าโมโหหากไม่ใช่เพราะเขานางจะตกอยู่ในสภาพน่าอดสูแบบนี้ได้ไง
เห็นสายตาคาดโทษระคนเจ็บแค้นจนกัดฟันกรอดของนาง ใต้หลัาพลันรู้ถึงความผิดของตนเองคืนวานจึงใช้น้ำเสียงนุ่มนวลปลอบประโลมหญิงสาวแสดงท่าทีจริงใจอย่างหาได้ยาก
“ข้าขอโทษกลับมาข้าจะรีบมาบีบนวดให้ทันทีเลย”
“ดี” พลับพลึงไม่ปฏิเสธรีบตอบรับทันควัน พร้อมรอยยิ้มหยิ่งผยองที่จะได้กดหัวใช้เขาเหมือนบ่าวทาสระบายความขับค้องหมองใจที่เคยได้รับ
“ข้าไปไม่นานตอนเย็นจะรีบกลับ ถ้าหิวก็ตักข้าวต้มที่ข้าต้มทิ้งไว้ในหม้อมากิน อยากกินอะไรเป็นพิเศษข้าจะล่ามาให้” เห็นรอยยิ้มเย็นยะเยือกของนางก็ทำให้เขาได้รู้ว่าต้องรีบหาทางเอาใจให้นางผ่อนปรนความโกรธเคือง ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่ขึ้นเตียงมาเคียงข้างนางเลย แม้แต่ไรผมจะได้ดอมดมหรือเปล่าก็ไม่รู้
เมื่อพูดถึงอาหารใบหน้างามหยาดเยิ้มพลันเปลี่ยนสีเปล่งประกายระยิบระยับ ดวงตาใสกระจ่างฉายแววคาดหวังไม่รีรอให้ครุ่นคิดนางเอ่ยปากถึงสิ่งที่นางคาดหวังอยากจะกินแต่ไม่ได้กินในวันก่อน ได้แต่นั่งสูดดมกลิ่นหอมกรุ่นและฟังเสียงน้ำมันจากเนื้อร้อนระอุและเสียงเปรี้ยะๆ บนระแนงกองไฟ
“อยากกินหมูป่าย่าง” พลับพลึงหันมายิ้มหวานสอพลอชายหนุ่มจนเขาเอาอดใจไม่ไหวยื่นมือไปลูบศรีษระเล็กแผ่วเบา
“อืม เย็นนี้เอ็งจะได้กินหมูป่าย่าง” ใต้หล้าพยักหน้าให้คำมั่นสัญญา
“ข้าอยากได้ขนเป็ดมายัดไส้ผ้าห่มด้วย ผืนนี้บางเกินไปห่มแล้วยังหนาวอยู่” พลับพลึงว่าพลางหยิบยกผ้าห่มผืนบางขึ้นมา มันไม่ช่วยคลายหนาวจริงๆ นะ หาไม่แล้วเมื่อคืนนางคงไม่โผเข้าไปในอ้อมกอดของเขาพร้อมซุกไซร้หาความอบอุ่นจากเรือนกายกำยำ
“ได้ ข้าจะล่าทั้งห่านป่าแล้วก็เป็ดมาให้เอ็งถอนขนห่มทันหน้าหนาว” ใต้หล้าให้คำมั่นสัญญา
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมแสดงสีหน้าซาบซึ้งจริงใจที่เขายอมตกปากรับคำง่ายดายโดยไม่มีอาการหงุดหงิดรำคาญใจ ทั้งที่นางเรียกร้องอยากจะกินนู้นได้นี่ หากเป็นพลับพลายน้องสาวนางคงชักสีหน้าแล้วแสร้งไม่ได้ยิน
“คืนนี้ขอบคุณข้าอย่างซาบซึ้งบนเตียงก็พอ ข้าไม่ต้องการอะไรมากมาย” รอยยิ้มกรุ่มกริ่มคลุมเคลือผุดผาดบนใบหน้าคมคร้ามทำให้นางแทบอยากจะกระชากผ้าห่มปรี่ไปข่วนใบหน้าหล่อเหลาบาดใจนั้นเสียให้เข็ด จะได้เลิกพล่ามเรื่องไร้สาระ!
ทว่าทางทางเหมือนแมวน้อยกางเขี้ยวเล็บยกหางพองขนข่มขู่ตนนั้น ดูน่ารักน่าแกล้งในสายตาชายหนุ่มเสียเหลือเกิน ไม่ว่านางจะกำเริบเสิบสานหรือจองหองพองขนเท่าใดเขาก็ยิ่งอยากจะกอบกุมนางไว้แนบอกแล้วทะนุถนอมดูแลรักใคร่เป็นอย่างดี จะไม่มีทางยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยปล่อยให้ผู้อื่นแย่งชิงคนรักของเขาไปได้
“หน้าไม่อาย!”
“คนสัปดน! ข้ายังเจ็บอยู่เลยนะ ยังไม่ทันคิดบัญชีเก่าก็จะเพิ่มบัญชีใหม่แล้ว มันน่าโดนตะกุยหน้าสักแผล รอให้ข้าหายดีก่อนเถอะ ข้าไม่ปล่อยเอ็งไว้แน่!” พลับพลึงตวาดเสียงสั่นเคลือเจือสะอื้น ดวงตากระจ่างใสวาววับหยาดน้ำสีใสกลิ้งกลอกอยู่ภายใน พวงแก้มร้อนผ่าวสลับอิ่มแดงระเรื่อลามลงมาถึงลำคอระหงขาวผ่อง ยามนึกถึงความสนิทแนบชิดแนบเนื้ออันดุดันเร่าร้อนของเขาทำให้นางอับอายจนอยากจะทรุดหน้าแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด
“ไม่เรียกท่านแล้วหรือ” ใต้หล้าใช้ลิ้นสากดันกระพุ้งแก้มสลัดคราบเย็นชาเงียบขรึมกลายเป็นบุรุษยียวนกวนโมโห
สายตาล้ำลึกดำทะมึนส่อแววอันตรายมองไล่หัวไหล่เกลี้ยงเกลาจรดทรวงอกอวบอิ่มล้นมือที่เคยสัมผัสความนุ่มหยุ่นเต่งตึง ริมฝีปากพลันแห้งผากจนเขาลอบเลียริมฝีปากอย่างไม่ทันระวัง
อากัปกิริยาไม่น่าไว้วางใจนั้นตกอยู่ในสายตาระแวดระวังของพลับพลึงตั้งแต่ต้นจนจบ บรรยากาศรอบตัวพลันเงียบเชียบทำให้หญิงสาวหยุดต่อปากต่อคำรีบมุดผ้าห่มคลุมโปงหนีสายตาหื่นกระหาย
“......”
“กลัวข้าเพียงนั้นเชียวหรือ” ใต้หล้ายิ้มหยันพลางส่ายศรีษระท่าทางอิดหนาระอาใจไม่น้อย ส่วนพลับพลึงรีบตัดบทไล่เขาออกไปไวๆ จะได้หายใจหายคอได้บ้าง ด้วยเสียงหวานชวนเคลิบเคลิ้ม
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาดูโลกแล้วรู้สึกว่ารูปโฉมโนมพรรณของตนเองนำพามาซึ่งเภทภัยหายนะ แม้จะถูกผู้คนในเกาะพานเร้นจับจ้องไม่วางตานางยังรู้สึกภูมิใจจนเชิ่ดหน้าชูคอแทบหัก
ถูกเจ้า ‘พนาสูร’ ผู้นำเผ่าอีกาฆาตหมายหัวจับไปเป็นนางบำเรอก็ยิ่งชอบอกชอบใจคิดว่าตนเองเลอโฉมแสนสง่า เมื่อก่อนนางค่อนข้างลุ่มหลงรูปโฉมของตนเองจนเย่อหยิ่งผยอง แต่ละวันส่องคันฉ่องไม่ต่ำกว่าวันละสิบหนแต่ครานี้นางสุดแสนจะเศร้าโศกเสียใจแต่ระบายความทุกข์กับผู้ใดไม่ได้
ไม่คิดว่าสุดท้ายนางจะต้องมาตกล่องปล่องชิ้นกับนายพรายหยาบกระด้างหน้าตายที่มักจะหว่านเสน่ห์ใส่นางหลอกล่อด้วยรอยยิ้มแสนหวานชวนขนลุกนั่น...
เอาเถอะอย่างน้อยพรหมจรรย์ที่นางเก็บรักษามาเป็นอย่างดีก็ถูกบุรุษหล่อเหลาบาดใจกลืนกินไป ถึงจะใช้วิธีการไร้ยางอายหน้าหนาก็ดีกว่าไปมอบให้ใครก็ไม่รู้ รูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ ถือซะว่าฝากไว้ที่เขาชั่วคราวละกัน
“ข้าจะรอท่านกลับมา” พลับพลึงโผล่ศรีษระออกมาทางขอบผ้าห่มจ้องมองเขาตาปริบๆ
ทำไมไม่ไปสักทีจะรอให้ข้าแบกแคร่ไปส่งถึงที่หรือ?
“ตัดใจรอข้าไม่นานหรอกไม่ต้องอาวรณ์ถึงเพียงนั้นก็ได้ ข้ากลัวตัวเองจะอดใจไม่ไหวแล้วมุดผ้าห่มไปนอนคลุมโปงกับเอ็งซะเดี๋ยวนี้”
“อืม ข้าจะรีบตัดใจไม่รอท่าน ท่านรีบไปเถอะเดี๋ยวจะสาย”
“หึ...”