"หนูรัก" น้ำเสียงอิ่มเอมของผู้หญิงที่สวยที่สุดในบ้าน อัศวราช นั่นคือคุณหญิง เบญญา เอ่ยขึ้นขณะมองสะใภ้สาวคนสวยที่อยู่ในชุดเจ้าสาวหรูหรา สมกับเป็นสะใภ้คนแรกที่เบญญาและสามีอย่าง ภีมพล ตบแต่งเข้าบ้าน
เบญญาหมุนร่างแบบบางของสะใภ้สาว ดวงตาคมสวยหรี่มองความงดงามของ เปี่ยมรัก ด้วยสายตาชื่นชม
"วันนี้หนูสวยมากเลยนะลูก สวยมากที่สุด แขกของแม่ชมเปราะไม่ขาดปาก เชื่อว่า หากมีหลานให้แม่ หลานของแม่คงน่ารักน่าชัง ไม่ว่าจะไปทางฝั่งของพ่อหรือฝั่งของแม่ สุดท้ายก็ล้วนแต่ดูดี"
"คุณป้าชมรัก เอ่อ..."
"เรียกแม่ได้แล้วจ้ะ แม่เบญ หนูลองเรียกดูสิ"
"...ค่ะ แม่เบญ" เบญญายิ้มกว้าง วันนี้คือที่สุดของที่สุด เธอมีความสุขมาก สมหวัง ทุกอย่างล้วนได้ดั่งใจไปซะหมดเลย
"แก้มแดงเชียว หัวใจยังเต้นแรงอยู่เหรอลูก"
"ตื่นเต้นอยู่เลยค่ะแม่เบญ"
"พยายามทำตัวให้ชินนะลูกนะ ต่อจากนี้เปี่ยมรักคือภรรยาของภูมิรพี บุตรชายคนโตของแม่และพ่อภีม หนูเป็นที่รักของพ่อกับแม่ อย่าสนว่าคนรอบข้างจะมองแบบไหน แค่ยืนสวยๆ ในฐานะเมียของตาภูมิเท่านั้นก็พอ" คำพูดของแม่สามีหมาดๆ ทำเปี่ยมรักที่อยู่ในชุดเจ้าสาวระบายรอยยิ้มให้เปื้อนแก้ม
เปี่ยมรัก ดานุกุลในวัยยี่สิบหกปี ก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตอิสระมาโดยตลอด พอมาอยู่ในจุดที่เรียกว่าอิ่มตัว เลยอยากตามใจพ่อแม่สักครั้งในชีวิต ทว่าสิ่งที่นรินทร์และ ดาริน พ่อแม่ของเธอต้องการ นั่นคือการเห็นบุตรสาวคนโตแต่งงานให้เป็นฝั่งเป็นฝา มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับผู้ชายที่พ่อกับแม่ยืนยันว่าดี อย่าง ภูมิรพี
@อีกด้าน
"จะว่าไปแล้ว เจ้าสาวของเฮียก็สวยอยู่นะ อย่าว่าแต่สวยเลย โคตรแจ่มเชียวแหละ" ภูพิงค์ บุตรชายคนเล็กของตะกูลอัศวราชแซวพี่ชายพลางยกยิ้มที่มุมปาก
ขณะเดียวกัน บุตรชายคนกลางของตะกูลอัศวราช อย่าง ภพนิพิฐ เองก็หยุดมองพี่สะใภ้ของตนไม่วางตา
"ฮันแน่ มองเมียตาไม่กระพริบ ที่ไม่ปฏิเสธงานแต่งงานเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าได้เมียแจ่มสินะ" ภูพิงค์หยอกต่อ ไม่วายเลื่อนมือไปสะกิดพี่ชายอีกคนเร็วๆ
ภพนิพิฐเลิกคิ้วมอง ไม่นานผู้ชายเจ้าสำราญอย่างน้องคนเล็กก็ขยับตัวเข้ากระซิบกระซาบ
"ผมว่านะ ไม่เกินหนึ่งเดือน"
"คือ?"
"ป่องไง"
"ป่อง?"
"ปัดโถ่เอ๊ยเฮียภพ ป่องที่แปลว่าท้องไง"
"อยากวางแก้ววอสก้าแล้วกินฝ่ามือแทนสินะ" คำพูดของคนที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวทำคนที่หาเรื่องถึงกับสะดุ้งโหยง ขายาวของผู้ที่เป็นพี่ชายที่ตั้งท่าจะขยับเข้าใส่ ภูพิงค์กระโดดหลบที่หลังของพี่ชายอีกคนทันที
"คิดว่าจะได้กินผมเหรอเฮีย"
"กวนตีนเหรอ?"
"โถ่ น้องหยอก" ภพนิพิฐยกยิ้มขำ ต่อให้จะโตแค่ไหน สุดท้ายความสนิทสนมและเล่นกันในแบบเด็กๆ ก็ไม่เคยหายไป
"ผมดีใจกับเฮียด้วยนะ เท่าที่ดูแล้ว เมียเฮียถูกใจพ่อกับแม่มากเลยเหรอ"
"อือ ขอบใจ" ภูมิรพีปรายตาไปหาหญิงสาวที่เข้าพิธีวิวาห์กับเขาตั้งนานสองนาน เป็นคนที่จดทะเบียนสมรสกับเขาแล้ว สรุปคือเป็นคนที่เขายอมรับว่าเป็นภรรยาเรียบร้อยแล้ว
รอยยิ้มสดใสสะดุดตาไม่เคยเปลี่ยน และเหมือนว่าตั้งแต่โตเป็นสาวเต็มตัว เธอดูดีกว่าเดิมเยอะเลย
เพล้ง!
"สัส!" เสียงสบถหยาบดังจากเรียวปากหยักได้รูป ท่อนแขนแกร่งปัดโดนแก้ววอสก้าในมือน้องชายคนกลางจนแก้วร่วงแตกกระจาย
"ซุ่มซ่ามอยู่นะเฮีย ตกใจอะไรครับ" เจ้าบ่าวหมาดๆ พ่นลมออกจากปาก จะให้ตอบน้องชายแบบไหนว่าเหตุผลที่ซุ่มซ่ามเพราะเขาลนลานในตอนที่รีบดึงสายตากลับ
กำลังแอบมองคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมีย ทว่าคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียกลับตวัดสายตามองมาทางเขาพอดิบพอดี
"โทษทีนะภพ ตาลายว่ะ"
"ผมไม่เป็นไร แต่เสื้อเฮียเปียกนะ"
"เป็นอะไรรึเปล่าคะ" เสียงหวานจากทางด้านหลังส่งผลให้คนตัวโตชะงัก
ภูพิงค์เบิกตาโพลง ห่อปากเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่สะใภ้ในระยะใกล้ ขณะที่ภพนิพิฐเองก็ส่งยิ้มแบบเป็นมิตรกลับไป
"เฮียซุ่มซ่ามน่ะเจ้" เจ้าบ่าวหมาดๆ ถลึงตาใส่น้องชายคนเล็กสุด ไม่นานก็หมุนตัวกลับไปหาเจ้าของคำถาม และเป็นคนคนเดียวกับที่ทำให้เขาตกใจ
ภูมิรพีชะงักเล็กน้อย สบตากับดวงตากลมกระปุกของสาวเจ้าที่อยู่ในชุดเจ้าสาว
"ไม่มีอะไร แค่แขนปัดโดนแก้ววอสก้า" คนฟังพยักหน้าหงึกหงัก ใจจริงหญิงสาวอยากจะเดินกลับไปที่เก่า ทว่า คนที่รบเร้าให้เธอเดินมาตรงนี้คงกำลังมองการกระทำของเธออยู่แน่ๆ
"เอ่อ คือ..."
"ดื่มด้วยกันไหมเจ้" คำถามของภูพิงค์ทำให้หญิงสาวยิ้มออก แน่นอนว่าการเดินออกไปจากตรงนี้เพียงลำพังไม่ใช่สิ่งที่เธอควรทำแน่ๆ
นั่นหมายความว่า เธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เหมือนว่าสวรรค์จะเข้าข้าง น้องชายของสามีหมาดๆ ชวนเธอพอดิบพอดี
"นิดหน่อยก็ได้ค่ะ"
"แฮ่ เจ้อย่าพูดคะพูดขาเลยครับ ไอ้ภูพิงค์มันเห็นคนสวยแล้วใจสั่น ขืนหวั่นไหวกับเมียเฮียเข้า เดี๋ยวเฮียมันหัวร้อนขึ้นมา" เปี่ยมรักยิ้มกว้างให้กับความเป็นกันเองของน้องชายคนเล็กของผู้ที่เป็นสามี
แม้จะแอบเห็นอยู่ว่าพี่กับน้องแอบเขม่นกันทางสายตาก็ตาม
"วอสก้าได้ใช่ไหมครับ?" ภพนิพิฐเอ่ยถาม เปี่ยมรักพยักหน้ารับทันที
แวบหนึ่งที่หญิงสางแอบมองใบหน้าคมคายของผู้ที่เป็นสามี หน้าหล่อๆ ตึงเฉียบ
พ่อสามีรัก แม่สามีหลง สิ่งหนึ่งที่เจ้าสาวป้ายแดงแบบเธอควรทำ คงต้องรีบเร่งมือ ทำให้ผู้ที่เป็นสามี ทั้งรักทั้งหลงเธอจนหัวปักหัวปำ
ไม่สิ! แค่เขารู้สึกพิศวาสเธอสักนิด นั่นก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายเพียงพอ!
"เมื่อไหร่แขกจะทยอยกลับนะ อยากสังสรรค์กันแบบครอบครัวบ้างคงมีความสุขมากกว่าการต้องยกมือไหว้ใครต่อใครและทักทายใครต่อใครแบบนี้อ่ะ" ภูพิงค์เอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ตอนนี้พวกเขาทั้งสี่คนเคลื่อนตัวมานั่งบนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องทำแบบที่พูดกับใครต่อใครในรอบข้างลำตัวอยู่ดี
"อือ จริงด้วย" ชายหนุ่มทั้งสามอ้าปากค้าง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าภูพิงค์ก็แค่ปากรั่วพูดออกมาตามประสา ไม่คิดว่าหญิงสาวที่หุ่นเป๊ะหน้าปัง ยิ้มกว้างให้ทุกคน อ่อนน้อมถ่อมตนกับทุกคนจะกล้ายอมรับออกมาตรงๆ
"เอ่อ รักพูดอะไรผิดรึเปล่าคะ..." หญิงสาวยิ้มเจือน เมื่อไม่มีใครตอบคำถามหญิงสาวจึงเลือกที่จะหยุดสายตาที่ใบหน้าหล่อเหลาของผู้ที่เป็นสามีแทน
"คุณภูมิ..."
"เฮีย"
"คะ?"
"เรียกฉันว่าเฮีย!"