บทนำ

1525 Words
สายตาเศร้าของเด็กหญิงตัวน้อยวัยสิบกว่าปีเธอมองเขม่าควันไฟที่ลอยออกมาจากปล่องเมรุด้วยสายตาของความเสียใจ บริเวณศีรษะของเธอมีผ้าพันแผลเอาไว้เหมือนบ่งบอกให้ทุกคนรับรู้ว่าเธอผ่านความเป็นความตายมาก่อน หฤทัย เธอกลายเป็นเด็กกำพร้าชั่วข้ามคืนเพราะทั้งพ่อและแม่ของเธอเสียชีวิตไปเพราะอุบัติเหตุ ในตอนนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ไม่รู้เลยว่าชีวิตของเธอจะเป็นยังไงต่อไป เธอไม่รู้เลยว่าจะอยู่ยังไงเมื่อไร้ที่พึ่ง พ่อแม่ไม่มีและก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ในตอนนี้เธอก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการเพียงเท่านั้น "ฮึกฮือ พ่อจ๋าแม่จ๋าแล้วหนูจะอยู่ยังไง ทำไมไม่พาหนูไปอยู่ด้วยฮือ"คำพูดแสนเศร้าของเธอดังออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ คำพูดของเด็กหญิงตัวน้อยทำให้ชายชราอย่างท่านกิตติศักดิ์มองด้วยความสงสารจับใจ เขาเป็นญาติของคู่กรณีที่ขับรถชนจนทำให้สองสามีภรรยาคู่นี้เสียชีวิตลง ส่วนทางด้านเขาเองก็สูญเสียบุตรชายกับลูกสะใภ้ไปเหมือนกัน "ไม่ต้องร้องไห้ ในตอนนี้พ่อแม่ของหนูเขาไปสบายแล้วนะ ถ้าหากหนูเอาแต่ร้องไห้แบบนี้พ่อแม่ของหนูเขาจะเป็นห่วงเอาได้นะ"เสียงของชายชราทำให้เด็กหญิงหันหน้าไปมอง งานศพในวันนี้ที่เสร็จลุล่วงไปได้ก็เพราะมีชายชราคนนี้คอยจัดการให้ทุกอย่าง หฤทัยรู้เพียงว่าเขาคือญาติของคู่กรณีในอุบัติเหตุในครั้งนี้ เธอไม่ได้รู้จักอะไรชายชราคนนี้อีกเลย ตลอดหลายวันนับแต่เกิดเรื่องเธอรู้สึกขอบคุณเขาไม่น้อยที่จัดการทุกอย่างให้ เด็กน้อยตาดำๆ อย่างเธอคงไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำยังไงต่อไป ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนอะไรยังไง อย่างน้อยครอบครัวฝั่งทางคู่กรณีก็ยังช่วยเหลือเธอ เด็กหญิงพยักหน้าให้กับชายชราเธอพยายามไม่ร้องไห้ออกมาแต่ก็ไม่ง่ายเลยสักนิด ท่านกิตติศักดิ์ยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของเด็กหญิงตัวน้อยด้วยความเอ็นดูปนสงสาร เหตุการณ์ในครั้งนี้ เขาเองก็เสียใจไม่ต่างกันที่สูญเสียลูกชายและลูกสะใภ้กัน หลานๆ ทั้งสามของเขาก็กำลังเติบโตมาเจอเรื่องแบบนี้พวกเขาก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน แต่พอมาเจอเด็กคนนี้เขารู้สึกเอ็นดูเธอ อยากให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะแบบนี้ท่านกิตติศักดิ์เลยตัดสินใจที่จะรับเลี้ยงเธอ หลังจากที่เสร็จสิ้นงานศพของพ่อแม่ หฤทัยก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ของชายชรา เธอไม่อยากไปอยู่สถานสงเคราะห์ จึงตัดสินใจที่จะมาอยู่กับเขาคนนี้ ด้วยท่าทางใจดีของชายชราทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่ทว่าทันทีที่หฤทัยก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนั้นชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปทันที หลายปีต่อมา หญิงสาวในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งที่ครอบครัวกุลจันดามีหุ้นส่วนอยู่ที่นี่ การที่เธอเข้ามาอยู่ที่นี่ถึงได้รู้ว่าครอบครัวของท่านกิตติศักดิ์ชายชราที่ช่วยเหลือเธอเป็นมหาเศรษฐี ร่ำรวยติดอันดับในประเทศ แต่หฤทัยก็รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวทำงานบ้านช่วยแม่บ้านถึงแม้จะโดนท่านกิตติศักดิ์บ่อยทุกวันก็ตาม "ขวัญ แต่งตัวเสร็จรึยังจ๊ะ?"เสียงของหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเธอเอ่ยขึ้น กานต์ชนก หลานสาวคนเดียวของคุณปู่กิตติศักดิ์ การที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ผู้หญิงคนนี้ดีกับเธอมากๆ ทั้งสองกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันและกัน สำหรับกานต์ชนกเองก็ดีใจเหมือนกันที่ได้มีเพื่อน ในตอนนั้นเธอก็ยังเด็กแต่ก็เข้าใจว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุไม่ไม่ใครอยากให้เกิด ตอนที่เธอเสียใจผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ต่างจากเธอ เราทั้งสองสูญเสียพ่อแม่ไปเหมือนกัน "คุณกานต์ ขวัญแต่งตัวเสร็จพอดีเลยค่ะ" "เรียกคุณกานต์อีกแล้ว บอกกี่ครั้งว่าให้เรียกการต์เฉยๆ เราเป็นเพื่อนกันนะ"คำพูดบวกรอยยิ้มของกานต์ชนกทำให้คนตัวเล็กอย่างหฤทัยยิ้มแห้งๆ ออกมา เธอรู้ตัวดีว่าไม่ควรกล้าไปเทียบกับผู้หญิงคนนี้ ถึงแม้กานต์ชนกจะบอกให้เธอทำก็เถอะแต่มีคนสั่งห้ามเธอไม่ให้ตีตัวเสมอกานต์ชนก คนๆ นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือกิตติภพ พี่ชายคนโตของกานต์ชนกนั่นเอง "ขวัญชินปากค่ะ" "ชินหรือกลัวพี่ภพมาได้ยินกัน ฉันบอกเธอแล้วไงว่าอย่าไปกลัว พี่ภพพูดอะไรไม่ต้องสนใจหรอก" "จะไม่สนใจได้ไงกัน"หฤทัยบ่นอุบอิบออกมาเบาๆ การเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ทุกคนดีกับเธอมากๆ ยกเว้นเขาคนเดียว กิตติภพ ผู้ชายที่ไม่ชอบขี้หน้าเธอตั้งแต่แรกพบ เหตุผลก็เพราะครอบครัวเธอมีผลทำให้พ่อแม่ของชายหนุ่มเสียชีวิตไป ทั้งๆ มันเป็นอุบัติเหตุแต่ทว่าชายหนุ่มก็ไม่พอใจตัวเธออยู่ดี "ไปทานข้าวกันเถอะเดี๋ยวไปเรียนสายเอา"หฤทัยพยักหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องนอนเดินตามกานต์ชนกไป บนโต๊ะอาหารในมื้อนี้มีผู้ร่วมโต๊ะห้าคนโดยมีประมุขของบ้านอย่างท่านกิตติศักดิ์นั่งอยู่หัวโต๊ะถัดมาคือกิตติภพลูกชายคนโตของกิตติภูมิและคุณหญิงณัฐิกาผู้ล่วงลับไปเมื่อหลายปีก่อน ถัดมาอีกคนคือชายหนุ่มที่อายุมากกว่าหฤทัยเพียงแค่สองปีเท่านั้น กิตติพงษ์ อีกทางด้านก็คือกานต์ชนกและก็เธอ ไม่ว่าจะเป็นมื้อไหนๆ หฤทัยก็รู้สึกเกร็งไม่น้อยที่ต้องเห็นสายตาดุดันไม่พอใจผ่านสายตาของชายหนุ่มอีกคน เธอรู้ดีว่ากิตติภพไม่ชอบขี้หน้าเธอ ไม่อยากทานข้าวร่วมโต๊ะกับเธอ แต่เพราะคำสั่งของคุณปู่กิตติศักดิ์ทำให้ชายหนุ่มไม่อาจไล่เธอเหมือนแต่ก่อนได้ ทำให้ชายหนุ่มต้องฝืนทนรีบกินรีบเสร็จ "วันนี้ไปเรียนวันแรกใช่ไหมลูก?" "ค่ะคุณปู่ กานต์ตื่นเต้นมากๆ แต่ดีหน่อยที่มีขวัญไปเรียนด้วย อย่างน้อยกานต์ก็มีเพื่อนแล้วหนึ่ง"เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังออกมาตามนิสัยสดใสของกานต์ชนก คำพูดของเธอทำให้หฤทัยอมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเธอไม่กล้ายิ้มออกมามากมายอะไรเพราะมีสายตาไม่พอใจของใครอีกคนมองอยู่ "ขึ้นมหาลัยแล้วก็หัดหาเพื่อนใหม่บ้างนะยัยกานต์ จะได้รู้ว่าคนไหนควรเป็นเพื่อนคนไหนควรเป็นแม่คนใช้" "ภพ! พูดอะไรออกมาน่ะ" "ก็พูดเรื่องจริงไงครับ คนบางคนจะได้รู้จักเจียมตัวไว้บ้าง"คำพูดของชายหนุ่มทำให้หฤทัยก้มหน้าลง สีหน้าของเธอทำให้ทุกคนรู้ได้ในทันทีว่าเธอเสียใจมากแค่ไหนกับคำพูดของอีกฝ่าย ถึงแม้หญิงสาวจะบอกว่าไม่เป็นไร เพราะคำพูดของเขาก็ไม่ผิด แต่มันก็อดไม่ได้เลยจริงๆ "พี่ภพ! คนใจร้ายขวัญไม่ต้องไปฟังนะสำหรับฉัน เธอไม่ใช่คนใช้เธอเป็นเพื่อนของฉัน"กานต์ชนกยู่หน้าใส่คนเป็นพี่ ก่อนจะหันหน้าไปบอกหญิงสาวข้างกาย "ที่คุณภพพูดก็ไม่ผิดเสียหน่อย เราไม่เป็นไรหรอก"หฤทัยพูดพร้อมเผยรอยยิ้มออกมา รอยยิ้มที่ปรากฏบนหน้าของหญิงสาวมันเป็นรอยยิ้มที่กิตติภพแสนเกลียดชัง เขาเกลียดเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะครอบครัวของผู้หญิงคนนี้เขาก็คงไม่สูบเสียพ่อแม่ไปแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้เขาก็คงมีอิสระมากกว่านี้ แต่นี่เพราะเธอคนเดียว คนเดียวเลยจริงๆ "น่ารำคาญ!"ชายหนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะลุกพรวดขึ้น "ผมเข้าบริษัทก่อนนะครับปู่ คงกระเดือกไม่ลงแล้ว!"กิตติภพเอ่ยบอกก่อนจะเดินออกไปด้วยสีหน้าดุดัน การกระทำของหลานชายคนโตทำให้ชายชราส่านหัวไปมา "อย่าไปสนใจเลยนะหนูขวัญมันก็เป็นแบบนี้"คนตัวเล็กพยักหน้าเธอไม่ได้เพิ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้ครั้งแรกเสียหน่อย กิตติภพก็เหมือนเดิมใจร้ายกับเธอเหมือนเดิมตั้งแต่แรกเริ่ม "กินข้าวก่อนเถอะ พงษ์วันนี้ก็ส่งน้องด้วยนะเรียนที่เดียวกัน แต่ถ้าวันไหนไม่มีเรียนก็ให้คนขับรถไปส่ง" "ครับ"กิตติพงษ์รับคำ ชายหนุ่มคนนี้แตกต่างกับคนเป็นพี่ตรงที่เขาไม่ค่อยพูด ไม่ใจร้ายเท่ากับกิตติภพ เอาเป็นว่าเขาดูใจเย็นมีเหตุผลมากกว่าพี่ชายของเขาเสียอีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD