บทที่ 5 จำยอม (2)

1086 Words
“อ้าว...น้องกุลวันนี้หยุดไม่ใช่เหรอ” “ใช่ค่ะ แต่คือ...กุลอยากรู้ว่าวันนี้คุณวินจะเข้าร้านหรือเปล่า” “วันนี้เหรอ ? ไม่แน่ใจนะ เดี๋ยวพี่ลองถามให้แปบหนึ่ง” คุณภัทรกดโทรออกหาเจ้าของร้านโดยมีพิกุลยืนรออย่างใจจดใจจ่อ และไม่นานผู้จัดการร้านก็วางสายแล้วหันมาคุยกับเธอ “คุณวินให้เข้าไปหาที่ผับได้เลย” “ที่ผับเหรอคะ” “ใช่ น้องกุลรู้จักหรือเปล่า” “พอรู้จักอยู่ค่ะ ขอบคุณนะคะ” พิกุลพนมมือไหว้คนตรงหน้าก่อนจะเดินทางไปยังผับชื่อดังทันที ทำไมเธอจะไม่รู้จักผับชื่อดังที่อัศวินเป็นเจ้าของ เขาเปิดมันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยจนเป็นที่โด่งดังไปทั่ว ถึงขนาดที่เธอไม่ค่อยสนใจเรื่องพรรคนี้ยังรู้เลย ไม่นานเธอก็เดินทางมาถึงผับดีไซน์สวยแปลกตาท่ามกลางย่านรื่นเริง “มาหาคุณวินค่ะ” พิกุลบอกกับการ์ดหน้าร้านด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ “ชื่ออะไรครับ” “พิกุลค่ะ” การ์ดหน้าร้านพูดบางอย่างกับคนในหูฟังก่อนจะเดินนำเธอขึ้นไปยังชั้นสามของผับ เพราะช่วงเวลาที่เธอมาเป็นช่วงเย็นย่ำทำให้ทั้งร้านมีเพียงพนักงานเท่านั้น คนตัวเล็กเดินตามไปเงียบ ๆ กระทั่งชายคนนั้นพาเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่งก่อนที่เขาจะหันมาก้มศีรษะให้เธอเล็กน้อยและเดินออกไป พิกุลสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเคาะประตูเป็นสัญญาณให้คนในห้องรับรู้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีเสียงตอบรับ เธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเอง “ขออนุญาต- อ๊ะ ! ขอโทษค่ะ” แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเธอเปิดประตูออกแล้วจะต้องเจอกับภาพนัวเนียแสนเร่าร้อนของเขากับหญิงสาวคนหนึ่งที่เธอพอจะคุ้นหน้าอยู่บ้างแต่ก็นึกไม่ออกว่าคือใคร พิกุลยกมือปิดตาโดยอัตโนมัติพร้อมกับร่างกายที่แข็งทื่ออยู่อย่างนั้น “ออกไป” “ค่ะ” คนมาใหม่ตอบรับเสียงเข้มของเจ้าของห้องเพราะคิดว่าอัศวินคงบอกเธอที่บังอาจเข้ามาขัดจังหวะเขากับผู้หญิงคนนั้น “ไม่ใช่ เธอออกไปก่อน” “แต่วินคะ-” จีน่าพูดไม่ทันจบประโยคก็ได้รับสายตาเย็นชาจากชายหนุ่มจนต้องรีบสวมใส่เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของตัวเองแม้จะไม่พอใจนัก แต่เธอรู้ดีว่าถ้าให้อัศวินพูดซ้ำเป็นรอบที่สองคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ และในตอนที่เดินสวนกับคนที่เข้ามาขัดจังหวะจีน่าก็ไม่ลืมตวัดสายตามออย่างไม่พอใจ “เข้ามาแล้วปิดประตูด้วย” “เอ่อ...คุณใส่เสื้อดี ๆ ก่อนไหม” พิกุลเดินกระมิดกระเมี้ยนเข้ามาในห้องเย็นเฉียบตามคำสั่ง แต่ก็ยังไม่ยอมเอามือออกจากดวงตาเนื่องจากคนตรงหน้ายังทำตัวกึ่งชีเปลือย เพราะกระดุมทั้งแผงของเขาดันถูกปลดออกเผยให้เห็นกล้ามท้องแน่นเป็นลอนเต็มสายตา “อย่าเรื่องมากน่า” “แต่มัน-” เธอไม่รู้จะพูดหรือทำตัวอย่างไรเพราะเจ้าของผับแห่งนี้ไม่มีท่าทีจะยกมือขึ้นมาติดกระดุมเสียด้วยซ้ำ “ไม่งั้นเธอก็มาติดมัน” “ไม่เอาหรอก” จะให้เธอไปติดกระดุมทั้งที่เขาเพิ่งปลดมันกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งนะเนี่ย บ้าไปแล้ว ! “หึ งั้นก็มานั่งตรงนี้” อัศวินไม่พูดเปล่า เขามองเธอพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อเห็นอย่างนั้นพิกุลก็ค่อย ๆ เดินมายังเก้าอี้ตรงข้ามร่างสูง ดวงตาคู่สวยพยายามจับจ้องอยู่ที่สองมือของตัวเอง เพราะกล้ามเนื้องดงามของเขามันล่อตาให้เหลือบลงไปมองชะมัด “เรื่องที่คุณเคยเสนอ” “เรื่อง ?” “เรื่องเงิน...แลกกับการที่เราต้องนอนด้วยกัน” พิกุลพูดเสียงเบา เธอไม่คิดว่าชีวิตจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ พิกุลที่เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรียิ่งกว่าสิ่งใดกำลังเอาตัวเข้าแลกเงินก้อนหนึ่งเพื่อชีวิตที่สงบสุขของครอบครัว เธอนอนกับอัศวินเพียงครั้งเดียวแล้วค่อยมาผ่อนชำระเงินกับเขายังดีเสียกว่าให้น้องชายและแม่ ถูกรังแกและต้องอยู่อย่างหวาดระแวง “ทำไมล่ะ วันนั้นเห็นเดินออกไปไม่ทิ้งฝุ่นเลยนี่” “...” เมื่อถูกยอกย้อนพิกุลก็ได้แต่กลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ และนั่งก้มแทบชิดอก “ร้อนเงิน ?” “ค่ะ ก็ประมาณนั้น” “กี่บาทล่ะ” “ห้าล้านค่ะ “มากไปหรือเปล่า” อัศวินถามกลับเสียงเรียบ จริง ๆ แล้วเงินห้าล้านไม่ได้มากมายสำหรับเขาด้วย แต่คนที่เป็นนักธุรกิจมีหรือจะยอมควักเงินออกจากกระเป๋าง่าย ๆ “ฉันรู้ว่ามันมากแต่คุณไม่ต้องกลัวฉันจะหนีหนี้หรือคืนไม่ครบนะคะ หรือคุณจะหักหนี้ออกจากเงินเดือนฉันเลยก็ได้” พิกุลเสนอสุดตัวเพราะเธอมาถึงขนาดนี้แล้ว อีกอย่างเธอก็ต้องการเงินก้อนนี้มากจริง ๆ “...” “ฉันจะเชื่อเธอได้ยังไง หรือเธอมีหลักประกันอะไรไหมล่ะ” “ฉัน-” พิกุลอึกอักเพราะเธอไม่มีอะไรสักอย่าง “...” “คือฉันไม่มี” “คิดดี ๆ สิพิกุลเธอมีบางอย่างพอจะค้ำประกันฉันได้อยู่นะ” เสียงเข้มไม่พูดเปล่า ดวงตาสีดำสนิทของเขาจับจ้องที่ดวงหน้าหวานก่อนที่ลากไล้ไปทั้งตัว และมันทำให้เธอพอจะรู้แล้วว่า สิ่งที่พอจะค่ำประกันเขาได้คืออะไร “เอาไง ฉันไม่มีเวลามารอเธอคิดหรอกนะ” “...” สมองกำลังประมวลผลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหนักเพราะไม่แน่ใจว่าการเอาร่างกายเป็นหลักประกันนี้หมายความว่าอย่างไร “หรือถ้าไม่โอเคก็ออกไปซะ” คงเพราะหญิงสาวคิดนานเกินไปคนที่รอคำตอบจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ และประโยคเร่งเร้าของเขามันช่วยให้เธอตัดสินใจได้เร็วขึ้น “คือว่าฉันต้องทำอะไรบ้างคะ” แม้จะไม่ได้ตอบคำถามตรง ๆ แต่การที่เธอเอ่ยปากอย่างนั้นก็ไม่ต่างจากกันตกลงแล้ว และมันเรียกรอยยิ้มที่มุมปากของชายหนุ่มได้ดีเหลือเกิน “อย่างแรกเลยนะ” “...” “ถอดเสื้อผ้าออกแล้วมาตรงนี้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD