ชิบหายแล้วไหม ไอ้เต้! ผมจำได้ว่าตัวเองหนีไอ้พวกนั้นมาเข้าห้องน้ำ ก็เห็นเจ๊ก็กำลังแดกเหล้า ทะเลาะอยู่กับน้องตัวเอง เลยเดินมาเข้าห้องน้ำโดยที่ไม่ได้บอกพวกมัน แต่ไปไงมาไง แล้วมาอยู่ตรงนี่ว่ะ! มาอยู่ตรงนี่ได้ไงว่ะ! มาอยู่ไม่พอ อื้อหื้อ...ไม่เท่านั้น มีการทะลวงดินแดนของกันและกันด้วย ทำเชี้ย! อะไรไปว่ะ!
“อรุณสวัสดิ์” ตัวก็ยังชา และก็กลัวเจ๊นาเนียจะวีนแตก เลยได้แต่ทักทายตามภาษาของยุคโรมัน
“หลับสบายดีไหม” และยังคงทำตัวเนียน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่พยายามทำตัวปกติก็เท่านั้น ส่วนเจ๊ นิ่ง! จนผมกลัว
“อรุณสวัสดิ์ (^_^)”
“(O_o?)” มีความตกใจระดับล้านแปด เจ๊นาเนีย นิ่งสะจนใจหาย ไม่เท่านั้น ยังยิ้มให้ผมด้วย กรมอุตุต้องเตรียมพยากรณ์อากาศใหม่ บางที ประเทศไทยอาจจะมีฤดูที่สี่ ผมก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ตอบกลับเจ๊แกไป
“รีบไปแต่งตัวสิ จะมานั่งอยู่แบบนี่หรอ”
“เอ่อ! นั้นสิเจ๊! ผมขอตัวไปแต่งตัวก่อนนะ” ผมรีบวิ่งพรวดพราดลงมาจากเตียงตะเกียดตะกายอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะหอบเสื้อผ้ามาใส่ในห้องน้ำทันที
“มันเกิดอะไรขึ้นว่ะ! นี่กูหนีงานดูตัว เพื่อมา...เล่นจ้ำจี้เนี่ยนะ” ผมพูดกับตัวเองที่หน้ากระจก สายตามองไปที่หน้ากระจก เพื่อรื้อฟื้นความจำของตัวเอง โอ้ย! เอาไงต่อดีว่ะเนี่ย
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ผมกดโทรศัพท์โทรหาพี่ชายตัวเองทันที ก็มันทำอะไรไม่ถูกนี่หว่า...
“ไอ้ต้า!!!”
(“มึงตะโกนทำไม หูแทบแตก”)
“คือ...กู...”
(“เอ่อ...เมื่อวานมึงหนีงานดูตัวใช่ไหม แสบมาก วันนี่พ่อเลยให้พี่ต้นพามึงไปดูตัวอีกรอบ”)
“อะไรน่ะ!” ผมว่าปีนี่คงเป็นปีชงผมจริงๆ (-_-) พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก
(“มึงห้ามหนีเด็ดขาด”) นี่กะว่าจะเล่าให้มันฟัง เรื่ิองเมื่อคืน แต่ก็ต้องมาปิดปากเงียบ เพราะยังไม่กล้าเอ่ยปากบอกมันอีก แล้วผู้หญิงที่จะมาดูด้วย นี่...จะรับได้ไหม ถ้ารู้ว่าผม...จ้ำจี้กับคนอื่นไปแล้ว แต่บางทีมันคงจะเป็นข้ออ้างที่ดี ให้เธอปฏิเสธงานดูตัวก็ได้
(“แล้วสรุปมึงมีอะไร”)
“ปล่าว แค่เมื่ิอคืนหลงเข้ามาในมุมมืด แล้วบังเอิญหาทางออกไม่เจอ”
(“ปัญญาอ่อน”)
“เออ! แค่นี้แหละ” สรุปผมก็ไม่ได้บอกมัน (-_-) กลายเป็นเรื่องหนักอกที่ไม่กล้าบอกใครไปซะงั้น จิตตกโว้ยย!