บัญชารักพยัคฆ์ร้าย EP.03 เมื่อความซวยเข้ามาเยือน (2)

1538 Words
ปิ่นมณีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดวงตาฉายแววกังวลออกมาอย่างเปิดเผย เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของโยธกาที่เอาแต่จ้องหน้ากชกร เธอรู้สึกว่าเรื่องมันชักวุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว หวังว่ากลุ่มคงไม่แตกเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องหรอกนะ โยธกาเม้มปากแน่น ขณะดวงตาคู่สวยมองกชกร ความเจ็บปวด เสียใจและโมโหปนเปกันไปหมด กชกรทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไร ก่อนหน้านี้เธอก็เคยบอกไปแล้วว่าเธอรักมนตรี และขอให้กชกรหลีกทางให้ แล้วทำไมมนตรีถึงยังขอกชกรแต่งงานอีก “เราแต่งงานกับตรีไม่ได้หรอก เพราะเราไม่ได้รักตรี” กชกรตัดบทอย่างอึดอัด ยิ่งเห็นสายตาไม่พอใจกับสีหน้าเจ็บปวดของโยธกา เธอก็ยิ่งไม่สบายใจ ก่อนหน้านี้เธอก็เคยปฏิเสธคำขอแต่งงานจากมนตรีไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่นึกว่ามนตรีจะขอเธอแต่งงานอีก “เราตัดสินใจที่จะไปทำงานกับพี่วดีแล้ว ได้งานแถมยังได้เงินไปปลดหนี้อีก เราคิดว่าวิธีนี้แหละดีที่สุดแล้ว” “แล้วหยกจะไปลำบากทำไม แค่หยกแต่งงานกับเรา ที่เหลือเราจะจัดการให้เอง” มนตรีถามออกไปด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย แค่ตกลงแต่งงานกับเขาเท่านั้น มันจะยากอะไรหนักหนา เขาไม่เข้าใจความคิดของกชกรเลยจริงๆ สองปีที่ผ่านมาเขาก็ทำตัวดีมาตลอด ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้กชกรยอมรับในตัวของเขา แล้วเพราะอะไรกชกรถึงไม่ยอมรับรักจากเขาเสียที “เราขอยืนยันคำเดิมนะตรี เราไม่ได้รักตรี แล้วเราก็ไม่อยากถูกตราหน้าว่าแย่งคนรักของใครด้วย ถ้าตรียังไม่เลิกคิดที่จะแต่งงานกับเราอีก เราคงต้องตัดตรีออกไปจากชีวิต” “หยก” มนตรีตกใจจนหน้าซีดกับคำพูดของกชกร “ตรีควรรักคนที่เขารักตรีนะ อย่ามาเสียเวลากับเราเลย เราว่าตรีก็น่าจะรู้นะว่าโยรักตรี แล้วเราก็เบื่อที่ต้องทำสงครามประสาทกับโยแล้วด้วย บอกตรงๆ เราเบื่อ” กชกรกล่าวด้วยน้ำเสียงติดจะเย็นชาเล็กน้อย ก่อนหันไปมองโยธกา เธอเหนื่อยที่ต้องมานั่งอธิบายกับโยธกาเหมือนกัน พูดให้จบลงไปในวันนี้เลยดีกว่า ถึงจะเป็นเพื่อนกันมาหลายปี แต่นิสัยโยธกาก็ยังไม่เคยเปลี่ยน เอาแต่ใจและเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ บางทีเวลาแค่สี่ปี อาจยังน้อยไปสำหรับคำว่าเพื่อนแท้ โยธกาถึงหน้าเหวอไปทันทีเมื่อกชกรพูดจบ เธอไม่คิดว่ากชกรจะพูดออกมาต่อหน้าเพื่อนๆ ธีรเดชกับปิ่นมณีต่างก็หันไปมองหน้าโยธกาทันที พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่ากชกรกับโยธกามีปัญหากัน ถึงจะเคยเป็นทั้งสองทะเลาะกันบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้ มนตรีได้แต่นั่งอึ้งไปกับคำพูดของกชกร เพราะเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าโยธการักเขา หลายปีที่ผ่านมาโยธกาคอยช่วยเหลือเขาให้ใกล้ชิดกับกชกร คอยวางแผนให้เขากับกชกรได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองเสมอ แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่โยธกาจะรักเขา “ตอนนี้โยคงจะเข้าใจที่หยกพูดแล้วนะ หยกไม่ได้รักตรีและจะไม่มีวันรักด้วย” “เอ่อ...คือ...” โยธกาอึกอัก “ที่เหลือโยกับตรีก็คุยกันเอาเองก็แล้วกัน หยกกลับก่อน” กชกรตัดบท ก่อนจะหันไปมองธีรเดช แล้วถามเรื่องงานที่เขาอยากให้เธอเข้าไปทำในบริษัทของพี่วดีต่อทันที “เราจะเข้าไปทำงานที่บริษัทพี่วดีได้เมื่อไรธี” เธอยอมรับความช่วยเหลือจากธีรเดชดีกว่ายอมรับความช่วยเหลือจากมนตรี ไม่ต้องกังวลและเครียดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก “พรุ่งนี้เราไปรับหยกที่บ้านก็แล้วกัน เราจะพาหยกเข้าไปคุยกับพี่วดี” “ได้” กชกรพยักหน้าตอบ “เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปเป็นเพื่อนหยกด้วย” ปิ่นมณีเอ่ยขึ้นหลังจากที่กชกรยอมรับความช่วยเหลือจากธีรเดช แล้วเธอก็เห็นด้วยอย่างยิ่งกับสิ่งที่กชกรตัดสินใจในครั้งนี้ และหลังจากนี้เธอคงต้องคุยกับโยธกาอย่างจริงจังเสียที “ขอบใจมากนะปิ่น แต่ปิ่นไม่ต้องทำงานเหรอ” “ไม่ต้องห่วงหรอก ที่ร้านดอกไม้มีทั้งแม่สร้อยและพนักงานอยู่อีกสองคน เราหยุดแค่วันเดียว แม่สร้อยไม่ว่าหรอก” “ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้เรากับปิ่นจะไปรับหยกที่บ้านตอนเช้า” ธีรเดชตัดบท เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเคลียร์แล้ว ใช่แล้วเรื่องงานของกชกรนะเคลียร์แล้ว แต่เรื่องของมนตรี กชกรและโยธกา ยังไม่เคลียร์ เขาคิดว่าคุยให้จบกันไปเลยในวันนี้ดีกว่า ขืนปล่อยเอาไว้ โยธกากับกชกรอาจจะมีปัญหาขึ้นมาอีก “โย เธอยังมีอะไรที่อยากจะเคลียร์กับหยกอีกไหม” “ไม่มี” โยธกาตอบเสียงแข็ง “แล้วแกล่ะไอ้ตรี มีอะไรจะพูดกับหยกอีกไหม” ธีรเดชถามเพื่อนสนิทขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่เห็นมันเอาแต่นั่งเงียบมองกชกรที มองโยธกาที ยิ่งไปกว่านั้นสายตาที่มันมองโยธกาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ สี่ปีที่คบกันมา มันไม่รู้เลยหรือไงว่าโยธกาคิดยังไงกับมัน หรือว่ามันสนใจแต่กชกร เลยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง มนตรีเงียบไปเมื่อเจอคำถามของเพื่อนสนิท เวลานี้เขาสับสนไปหมด โยธกาก็เอาแต่เงียบ พยายามหลบหน้าหลบตาเขาตลอด กชกรก็ไม่ยอมมองเขาอีกเลย ตั้งแต่ที่เธอปฏิเสธที่จะยอมรับความช่วยเหลือจากเขา “ถ้าไม่มี ฉันจะพาหยกกับปิ่นกลับเลย” ธีรเดชตัดบท เมื่อเห็นทุกคนทำหน้าเครียด “ก็ดีเหมือนกันนะธี นี่ก็เย็นมากแล้ว” ปิ่นมณีเห็นด้วยกับความคิดของธีรเดช ถึงจะนั่งอยู่ตรงนี้ต่อไป ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ความจริงบรรยากาศเริ่มตึงเครียดและอึดอัดตั้งแต่ที่กชกรพูดเรื่องที่โยธการักมนตรีแล้ว และเธอก็ไม่ชอบบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ซะด้วย “งั้นเรากลับกันเถอะ” กชกรตัดบท แล้วหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมา แล้วลุกเดินออกมาจากห้องรับแขก พร้อมกับบอกตัวเองในใจว่าต่อจากนี้ไป เธอควรอยู่ให้ห่างจากมนตรีอีกสักหน่อย เพื่อไม่ให้โยธกาเข้าใจเธอผิดๆ อีก เมื่อเห็นว่ากชกรลุกเดินออกจากห้องรับแขก ปิ่นมณีไม่ได้พูดอะไรกับมนตรีและโยธกาอีก หญิงสาวเพียงแต่หยิบกระเป๋าสะพายและลุกเดินตามกชกรออกมาจากห้องรับแขกอีกคน “ฉันกลับก่อนนะโย” ธีรเดชหันมาบอกลาโยธกา แล้วรีบลุกเดินตามกชกรกับปิ่นมณีไปติดๆ ทิ้งให้มนตรีและโยธกาจัดการเคลียร์ปัญหากันเอง เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของเพื่อน เขาไม่อยากเข้าไปยุ่ง ปล่อยให้เคลียร์กันเองดีกว่า อีกอย่างเรื่องของกชกรก็สำคัญกว่าเรื่องความรักของมนตรีกับโยธกา หลังจากธีรเดช กชกรและปิ่นมณีกลับไป ภายในห้องรับแขกก็ตกอยู่ในความเงียบ มนตรีมองโยธกาด้วยสายตาเย็นชา หลายปีที่ผ่านมาเขาเชื่อใจโยธกามาตลอด เชื่อว่าเธอหวังดีกับเขาเสมอ แต่ความจริงไม่ใช่เลย ที่กชกรไม่ยอมคบกับเขา สาเหตุก็มาจากผู้หญิงที่เขาเชื่อใจมากที่สุด โยธกาเริ่มหน้าเสีย หัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อผู้ชายที่เธอแอบรักมาหลายปี เอาแต่นั่งเงียบ สายตาคู่คมกล้าจ้องมองเธอนิ่ง ถ้าเขาเอะอะโวยวาย เธอจะรู้สึกดีกว่านี้ แต่เขากลับนิ่งเงียบจนเธอกลัว “โยมีคำอธิบายนะตรี” “ฉันไม่พร้อมที่จะรับฟังคำอธิบายของเธอตอนนี้หรอกโย” มนตรีตัดบทแล้วลุกเดินออกมาจากห้องรับแขกด้วยความโกรธ ณ เวลานี้เขาไม่พร้อมที่จะรับฟังคำอธิบายอะไรทั้งนั้น เขาพลาดเองที่เชื่อใจโยธกา คิดว่าเธอหวังดีกับเขาจริงๆ ทุกคำพูดของโยธกาเชื่อถือไม่ได้เลย ชายหนุ่มขับรถออกมาจากบ้านของโยธกาอย่างหัวเสีย ตอนนี้เขาไม่ใช่แค่โกรธโยธกาเท่านั้น แต่เขายังโกรธธีรเดชด้วยที่ยื่นมือเข้ามาช่วยกชกร เขาพยายามแทบตายกว่าบิดามารดาจะยอมให้เขาแต่งงานกับกชกร แต่สุดท้ายก็ล้มไม่เป็นท่า แต่เขาไม่ยอมแพ้เพียงแค่นี้แน่ ยังไงเขาก็ต้องหาทางทำให้กชกรยอมแต่งงานกับเขาให้ได้ /////////////// ...โปรดติดตามตอนต่อไป...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD