บารมีแยกตัวออกมาจากเพื่อนของเขาเมื่อทานอาหารมื้อเที่ยงจนเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มเดินดูข้าวของต่าง ๆ ในห้างสรรพสินค้าด้วยหัวใจที่ไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไร ก็เพราะเหตุการณ์ที่ได้พบเจอใครคนหนึ่งที่สวนสาธารณะเมื่อช่วงเช้า พาให้ใจของเขาล่องลอยกลับไปในอดีตที่แสนหวานชื่นอีกครั้ง
ครั้งหนึ่งกับชีวิตในต่างแดน เขามีโอกาสได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศนิวซีแลนด์ จนได้ไปพบกับรักแรกอย่าง ‘ณัฐกมล’ หญิงสาวคนแรกที่ทำให้หัวใจของเขาโลดเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาเดินหน้ารุกทันทีอย่างเปิดเผยเมื่อรู้สึกว่าเธอคือคนที่ใช่ และท้ายที่สุดเขาก็สมหวังเมื่อเจ้าตัวก็สารภาพว่ามีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเขาเช่นกัน
เส้นทางรักโปรยปรายด้วยกลีบดอกไม้ตลอดมา จนมาถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาถึงกับซวนเซอยู่พักใหญ่ เมื่อณัฐกมลหนีจากเขาไปแล้วทิ้งไว้แค่เพียงจดหมายลาหนึ่งฉบับ
‘มายด์ขอโทษนะคะพี่บูม มายด์มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนี้ เรื่องปัญหาในครอบครัวของมายด์ มายด์ทำใจไม่ได้ที่จะต้องให้พี่บูมมารับรู้และแบกรับมันไว้ด้วย มายด์ทำไม่ลงจริง ๆ มายด์ไม่คู่ควรกับคนดี ๆ อย่างพี่บูมเลย ลาก่อนนะคะ’
เขาคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย สิ่งที่เธอกล่าวมาเป็นเพียงข้ออ้างก็เท่านั้น เพราะหากเธอมีใจรักเขาอย่างแท้จริง ไม่ว่าปัญหาเหล่านั้นจะเป็นเรื่องอะไร ณัฐกมลก็ไม่ควรหนีจากเขาไปอย่างที่เธอเลือกทำ
บารมีพาความรู้สึกนึกคิดกลับมาอยู่ที่ปัจจุบันอีกครั้ง เมื่อดวงตาคมดันเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งในร้านรองเท้าสุภาพสตรี ใครคนหนึ่งที่เขาเพิ่งจะหวนนึกถึงอยู่เมื่อครู่
“มายด์”
ริมฝีปากหนาละเมอเรียกชื่อของเธอออกมาอย่างแผ่วเบา พนักงานสาวร้านรองเท้าก็ราวกับว่ามีสัมผัสพิเศษบางอย่างเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกจับจ้อง หญิงสาวหันไปทางที่มีใครคนหนึ่งกำลังทอดสายตามองมา
“พี่บูม”
สองสายตาสบประสาน ก่อนจะเป็นณัฐกมลที่ต้องละสายตาไปจากเขาเมื่อมีลูกค้าที่มาเลือกซื้อรองเท้าเข้ามาสอบถามข้อมูลสินค้า หญิงสาวบังคับจิตใจให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วให้ความสำคัญกับงานตรงหน้า เดี๋ยวบารมีก็คงเดินจากไปเอง เขาคงไม่มัวมาเสียเวลากับผู้หญิงที่เคยทิ้งขว้างเขามาอย่างแน่นอน
แต่ทว่าณัฐกมลกลับคิดผิดไปอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อบารมีค่อย ๆ ย่างก้าวเข้ามาภายในตัวร้าน ชายหนุ่มหย่อนสะโพกลงนั่งบนเก้าอี้หุ้มเบาะหนานุ่มที่มีไว้สำหรับบริการลูกค้า วงแขนทั้งสองข้างประสานกันไว้ที่ช่วงอก พร้อมกับที่ขายาว ๆ ของเขาวาดขึ้นไขว่ห้างด้วยท่วงท่าที่ดูสมาร์ต และแม้ว่าจะเป็นร้านรองเท้าสำหรับคุณสุภาพสตรี แต่บรรดาลูกค้าสาวก็หาได้สนใจชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่เดินเข้ามาปักหลักอยู่ตรงนั้น หลาย ๆ คนก็คงคิดว่าบารมีเป็นแฟนหนุ่มที่มานั่งรอแฟนสาวเลือกรองเท้าอย่างนั้นกระมัง
ดวงตาคู่คมจดจ้องทุกการกระทำของคนในอดีต ก่อนจะกวาดสายตามองไปโดยรอบจนแน่ใจว่าร้านรองเท้าแห่งนี้มีเพียงณัฐกมลที่เป็นพนักงานขายอยู่เพียงคนเดียว ฉะนั้นก็ไม่แปลกเลยที่หญิงสาวจะต้องหัวหมุนและชุลมุนเช่นนี้
เกือบสามทุ่มของวันผู้คนในห้างสรรพสินค้าก็เริ่มบางตา ณัฐกมลยกมือพนมไหว้ขอบคุณลูกค้าคนสุดท้ายที่เข้ามาอุดหนุนรองเท้าในร้าน หญิงสาวพรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อช่วงเวลาที่แสนเหนื่อยล้าได้ผ่านพ้นไปเสียที แต่ความสบายใจเกิดขึ้นได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น เมื่อใบหน้าหวานค่อย ๆ เอี้ยวหันไปมองชายหนุ่มที่เขายังคงปักหลักอยู่ที่เดิมหลายชั่วโมง
...บารมียังไม่ไปไหน
คนถูกมองละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดแล้วมองสบตากลับไป ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงยียวน
“ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ”
ณัฐกมลกลืนน้ำเหนียว ๆ ลงคออย่างทำตัวไม่ถูก ดูจากท่าทีของเขาก็พอจะรู้ว่าชายหนุ่มยังรู้สึกโกรธเคืองกันอยู่ไม่น้อย
“พอดีว่า...มายด์ยุ่งน่ะค่ะ เลยไม่มีเวลาเข้าไปทักพี่บูม”
บารมียกยิ้มที่มุมปากเมื่อได้ยินสรรพนามที่เคยคุ้นจากเสียงหวาน ๆ ที่เขาไม่เคยลืมเลือน
“หึ...ยังจำชื่อกันได้อยู่เหรอ นึกว่าลืมไปหมดทุกอย่างแล้ว”
ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทุกพื้นที่บริเวณนั้น ณัฐกมลได้แต่ยืนก้มหน้าก้มตาเพราะรู้ดีว่าความสัมพันธ์ครั้งนั้นได้จบลงไปก็เพราะเธอที่เป็นคนทิ้งขว้าง
“ต้องทำอะไรอีกไหม จะปิดร้านหรือยัง”
พอเสียงทุ้มเอ่ยถาม คนถูกถามจึงต้องเงยหน้าขึ้นมาตอบเขากลับไป
“เหลือสรุปยอดขายของวันนี้ค่ะ แล้วก็ปิดร้านกลับบ้านได้เลย”
“งั้นก็รีบทำให้เสร็จ เดี๋ยวจะพาไปกินข้าว”
“คือ...คือว่า...เดี๋ยวมายด์ไปกิน...”
ยังไม่ทันที่ณัฐกมลได้พูดจนจบประโยค หญิงสาวก็ต้องปิดปากเงียบในทันใดเมื่อได้มองสบตาที่ดูจริงจังของเขา น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยบอกออกมาอีกครั้ง
“รีบไปทำอะไรให้เสร็จเถอะ พี่จะนั่งรอ”