ตอนที่ 8 เบื้องหลังรอยยิ้ม...คือโฉนดหนึ่งใบ กับแม่ที่ใกล้ตาย

1471 Words
คืนนั้นนิรินกลับห้องดึกกว่าปกติเสื้อผ้าเปียกเหงื่อ ผ้ากันเปื้อนเปื้อนซอส มือแดงแห้งจากน้ำยาล้างจานแต่ยังยิ้มให้พี่บอยเหมือนเดิม…แม้จะเหนื่อยจนพูดแทบไม่ออก “วันนี้คนแน่นจังค่ะ...” “...แต่ได้เงินทิปตั้ง 200 แน่ะ” เธอยื่นเหรียญกับแบงก์ยับ ๆ ให้เขาดูเหมือนเด็กโชว์ของขวัญหลังสอบเสร็จ พี่บอยรับมา…แล้วยิ้มนิดเดียวไม่ใช่เพราะดีใจที่เธอได้เงินแต่เพราะเจ็บที่รู้ว่าเธอดีใจแค่ “200 บาท” คืนนั้นเธออาบน้ำนานเขาเลยเก็บกระเป๋าเธอให้ มือถือของเธอวางคว่ำอยู่บนหมอนแต่เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นติดกัน 2-3 ครั้ง หน้าจอสว่างขึ้น…แล้วดับ และขึ้นอีกครั้ง…เขาไม่ได้ตั้งใจจะดูแต่ชื่อที่เด้งขึ้นมาทำให้เขาสะดุดสายตา “น้องกันต์" (นิวัฒน์) ไม่รู้ว่าเธอลืมล็อกไว้ หรือฟ้าอยากให้เขารู้มือเขาสั่นน้อย ๆ ขณะกดเข้าแชท ข้อความล่าสุดจากน้องชายวัย 14 ปีที่ส่งมาตอนเธอเลิกงานประมาณห้าทุ่ม “พี่ หนูเห็นพวกญาติมาอีกแล้ว บอกจะเอาโฉนดคืน” “แม่ยังไอไม่หยุดเลย ไม่ยอมกินข้าวด้วย” “หนูบอกแม่ว่า พี่ไปทำงานรับจ๊อบใกล้มหาลัยร้านกาแฟ…” “พี่…พอได้มั้ย หนูรู้หมดแล้วว่าพี่ไปที่ไหนทำอะไร” “แต่หนูไม่พูด เพราะหนูรู้…ว่าพี่ทำเพื่อต่อชีวิตแม่ กับหนี้บ้าน 800,000” พี่บอยวางมือถือไว้ที่เดิมแต่ใจของเขา…ไม่ได้อยู่ในห้องนี้อีกแล้วเขามองไปที่ประตูห้องน้ำที่ยังมีไอน้ำลอยออกมาเงาของผู้หญิงคนหนึ่งที่อาบน้ำนานเหมือนทุกคืนเหมือนพยายามล้างบางสิ่งที่เธอไม่ได้สร้าง…แต่ต้องรับผิดชอบ ตอนเธอเดินออกมาในชุดนอนตัวหลวม ผมเปียก กลิ่นสบู่จาง ๆเธอยิ้มอ่อนให้เขา แต่เขากลับลุกขึ้น…เดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ “พี่บอย…?” เธองงเล็กน้อยเขาไม่พูดแค่นั่งลงตรงหน้าเธอ แล้วกอดเธอแน่นจากระดับเอว แน่นแบบที่เธอไม่เคยโดนใครกอดแบบนี้มาก่อน “พี่บอย…เป็นอะไรคะ” “เหนื่อยเหรอ?” เขาไม่ตอบแต่เสียงในอกเขาหนักและสั่นน้อย ๆมือที่กอดเธอไว้...ไม่ปล่อยเลย “หนูจะพยายามให้มากกว่านี้นะคะพี่” “จะหางานใหม่ ไม่ไปที่เดิมแล้ว” เขาพูดเบา ๆ ใกล้ ๆ หน้าท้องเธอ “ไม่ต้อง…พยายามขนาดนั้นก็ได้หนู” “ไม่ต้องเจ็บเพิ่มเพื่อใครอีกแล้ว” คืนนั้นเขากอดเธอไว้ทั้งคืน ไม่ได้จูบไม่ได้ลูบไม่ได้อะไรเลย แต่เขากลั้นน้ำตาไว้แน่น เพราะเขารู้แล้วว่า ผู้หญิงที่ชื่อ นิริน ไม่ได้ขายตัวเพื่อซื้อของ แต่ “ขายร่าง เพื่อซื้อเวลาให้แม่มีลมหายใจอีกนิด” และเขาตัดสินใจแล้วว่าถ้าไม่มีใครช่วยเธอได้ เขาจะช่วยเอง เย็นนั้นฟ้าครึ้มแปลก ๆ เหมือนฝนจะตกแต่พี่บอยก็ยังไปรอหน้าคณะ…ตามสัญญา นิรินเดินออกมาช้า ๆหน้าซีด ริมฝีปากซีด มือที่ถือกระเป๋าแน่นเหมือนพยายามประคองตัวเอง “ขอโทษนะคะพี่...วันนี้หนูขอไปตรงร้านก่อนเลยนะ” “พรุ่งนี้มีคนลาป่วย หนูเลยขอช่วยล้างจานแทนหนึ่งคืน” เธอยิ้มให้เขาเหมือนทุกครั้งแต่รอยยิ้มนั้น…มันไม่มีสีเลือดเลย เขารับกระเป๋าเธอไปถือ ไม่พูดอะไรขี่รถไปส่งเงียบ ๆ แต่สายตาเขามองกระจกหลังตลอดทาง เห็นเธอกอดเอวเขาเหมือนเดิม แต่แรงกอดอ่อนลงกว่าเคยมาก ค่ำวันนั้น เขาไม่ได้กลับไปวินแต่กลับไปจอดซุ่มรอหลังร้านอาหารแทนแสงสลัวจากหลังร้านเผยให้เห็นเธอในผ้ากันเปื้อน ยืนล้างจานช้า ๆแต่หัวของเธอเหมือนจะเอียงอยู่ตลอดเวลา เธอพยายามเงยหน้า แต่ก็ต้องก้มลงทุกครั้งไอน้ำจากอ่างล้างจานลอยขึ้นมาเหมือนหมอก และเหงื่อที่หน้าผากเธอ…มันไหลทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อน เขาทนดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้านทันทีโดยไม่สนเสียงห้าม “นิริน!!” เธอหันมา แล้วร่างก็ทรุดลงกับพื้นในทันทีเขาเข้าไปรับเธอไว้ทันมือของเธอร้อนจี๊ด หน้าผากแดงจัดร่างกายร้อนเหมือนไฟ ไม่ใช่แค่ร้อนธรรมดา “40 องศา” เจ้าของร้านบ่นพึมพำตอนเขายื่นเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ “เด็กคนนี้มันดื้อ! บอกให้พักก็บอกว่าไม่เป็นไร…” เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แค่ช้อนตัวเธอขึ้น แล้วขี่รถพากลับทันทีนิรินยังพึมพำเบา ๆ ตลอดทาง “ไม่เป็นไรค่ะพี่...ขอแค่วันนี้ หนูได้ค่าข้าว…แค่พอจ่ายค่าน้ำตาลแม่…” “นิริน…พอแล้ว” เสียงเขาแข็งขึ้นแต่มือที่ประคองเธอกลับสั่นเหมือนจะหักในทุกวินาที เมื่อถึงห้องเขาวางเธอลงบนเตียงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเธอเงียบ ๆ ป้อนยาลดไข้เปิดพัดลมอ่อน ๆแล้วนั่งลงข้างเตียง มองเธอที่หลับตา ใบหน้าซีด แต่ปากยังขยับพูดขอโทษคนที่ไม่มีอยู่ในห้อง เขากำหมัดแน่น “พี่ขอโทษ…ขอโทษที่อยู่ตรงนี้ แต่ไม่เคยรู้เลยว่าหนูต้องเจ็บขนาดนี้” น้ำตาของผู้ชายขรึม ๆ ไหลลงข้างแก้มเงียบ ๆ เขาไม่เคยได้ยินเธอบ่นไม่เคยเห็นเธอขอเงินไม่เคยเห็นเธอขอความช่วยเหลือ เธอมีแต่… “เดี๋ยวหนูหาทางได้ค่ะพี่” “อีกนิดเดียวก็ใช้หนี้หมดแล้ว” “ค่าข้าวแม่น่าจะพอถ้าไม่ป่วยเพิ่ม…” แต่ตอนนี้เธอแทบนอนไม่ได้เพราะร่างกายของเธอ พูดแทนหัวใจที่เธอไม่กล้าเปิดปากบอกใคร และพี่บอย…เจ็บจนพูดอะไรไม่ออกเลย หลังจากพาเธอกลับห้อง และเฝ้าไข้ทั้งคืน พี่บอยยังคงนั่งข้างเตียง ดูเธอนอนหลับอย่างกระสับกระส่าย หน้าผากยังแดงมือยังร้อนแต่เขาไม่ออกไปไหนเลย ตอนเช้าแสงแดดลอดเข้ามาในห้องพอให้เขามองเห็นกรอบรูปใบหนึ่งที่เธอวางไว้ข้างหัวเตียง ภาพนั้นคือแม่นิริน ผู้หญิงหน้าตาอ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยร่องรอยความเหนื่อย ข้าง ๆ มีเด็กผู้ชายอายุประมาณสิบสี่ คนเดียวกับในแชทที่เขาเห็นคืนนั้น พี่บอยหลับตาแน่นไม่ใช่เพราะง่วง แต่เพราะคิดถึงภาพพ่อแม่ของเขา...ที่ไม่ได้อยู่ให้เขาดูแลอีกแล้ว สิบปีก่อนอุบัติเหตุรถชนทำให้เขาเสียพ่อกับแม่ไปพร้อมกันเขาไม่พูดกับใครเลยเกือบปี แม้แต่ตอนรับเงินมรดกเขาก็แค่พยักหน้า แล้วเซ็นเอกสารเงินทั้งหมดถูกพักไว้ในบัญชีเงียบ ๆ ไม่เคยแตะไม่เคยคิดจะใช้เพราะเขาไม่รู้จะใช้ไปเพื่อใคร แต่ตอนนี้…เขารู้แล้ว คืนนั้นหลังแน่ใจว่านิรินหลับแน่น พี่บอยออกจากห้องเงียบ ๆ พร้อมสมุดบัญชีเล่มหนึ่งที่เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อวินมาตลอด เขาไม่ได้ไปที่วินแต่ไปที่ธนาคารตอนเปิดทำการ ถอนเงินก้อนแรกในชีวิตเงินที่ไม่เคยขยับยอดรวมในสมุดคือหลักหลายล้าน เขาถอนออกมา 800,000 บาท พร้อมเอกสารแนบ แล้วโทรหาเพื่อนสนิทที่ย้ายกลับไปอยู่ต่างจังหวัด คนที่เขาไว้ใจที่สุดในชีวิต “มีงานให้มึงช่วยว่ะ” “เรื่องโฉนดบ้านคนหนึ่ง...ญาติเขากดไว้ กูจะให้มึงจัดการทุกอย่าง เอาเงินไปปิดหนี้ให้หมด” ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง “คนนี้สำคัญมากเหรอวะ?” “กูไม่เคยให้ใครใช้เงินพ่อแม่กูมาก่อนเลย” “แต่นี่…กูยกให้เลยก็ยังได้” เขาไม่พูดว่าเธอชื่ออะไร ไม่บอกว่าเธอทำงานอะไร ไม่บอกว่าเธอเจออะไรมา แต่เสียงของเขาหนักแน่นพอจะบอกว่า นี่คือผู้หญิงที่เขาจะไม่ยอมให้ใครกดหัวอีก เขากลับมาถึงห้องเธอยังหลับเหงื่อเริ่มลดไข้เริ่มลง เขานั่งลงข้างเตียงจับมือนิ่ม ๆ นั้นไว้ แล้วกระซิบเบา ๆ ทั้งที่เธอฟังไม่รู้เรื่อง “จากนี้ไป...หนูไม่ต้องทำเพื่อต่อเวลาให้ใครแล้ว” “เพราะพี่จะอยู่…เพื่อให้หนูได้พักซะที”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD