คืนนั้นนิรินกลับห้องดึกกว่าปกติเสื้อผ้าเปียกเหงื่อ ผ้ากันเปื้อนเปื้อนซอส
มือแดงแห้งจากน้ำยาล้างจานแต่ยังยิ้มให้พี่บอยเหมือนเดิม…แม้จะเหนื่อยจนพูดแทบไม่ออก
“วันนี้คนแน่นจังค่ะ...”
“...แต่ได้เงินทิปตั้ง 200 แน่ะ”
เธอยื่นเหรียญกับแบงก์ยับ ๆ ให้เขาดูเหมือนเด็กโชว์ของขวัญหลังสอบเสร็จ
พี่บอยรับมา…แล้วยิ้มนิดเดียวไม่ใช่เพราะดีใจที่เธอได้เงินแต่เพราะเจ็บที่รู้ว่าเธอดีใจแค่ “200 บาท”
คืนนั้นเธออาบน้ำนานเขาเลยเก็บกระเป๋าเธอให้
มือถือของเธอวางคว่ำอยู่บนหมอนแต่เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นติดกัน 2-3 ครั้ง
หน้าจอสว่างขึ้น…แล้วดับ
และขึ้นอีกครั้ง…เขาไม่ได้ตั้งใจจะดูแต่ชื่อที่เด้งขึ้นมาทำให้เขาสะดุดสายตา
“น้องกันต์" (นิวัฒน์)
ไม่รู้ว่าเธอลืมล็อกไว้ หรือฟ้าอยากให้เขารู้มือเขาสั่นน้อย ๆ ขณะกดเข้าแชท
ข้อความล่าสุดจากน้องชายวัย 14 ปีที่ส่งมาตอนเธอเลิกงานประมาณห้าทุ่ม
“พี่ หนูเห็นพวกญาติมาอีกแล้ว บอกจะเอาโฉนดคืน”
“แม่ยังไอไม่หยุดเลย ไม่ยอมกินข้าวด้วย”
“หนูบอกแม่ว่า พี่ไปทำงานรับจ๊อบใกล้มหาลัยร้านกาแฟ…”
“พี่…พอได้มั้ย หนูรู้หมดแล้วว่าพี่ไปที่ไหนทำอะไร”
“แต่หนูไม่พูด เพราะหนูรู้…ว่าพี่ทำเพื่อต่อชีวิตแม่ กับหนี้บ้าน 800,000”
พี่บอยวางมือถือไว้ที่เดิมแต่ใจของเขา…ไม่ได้อยู่ในห้องนี้อีกแล้วเขามองไปที่ประตูห้องน้ำที่ยังมีไอน้ำลอยออกมาเงาของผู้หญิงคนหนึ่งที่อาบน้ำนานเหมือนทุกคืนเหมือนพยายามล้างบางสิ่งที่เธอไม่ได้สร้าง…แต่ต้องรับผิดชอบ
ตอนเธอเดินออกมาในชุดนอนตัวหลวม ผมเปียก กลิ่นสบู่จาง ๆเธอยิ้มอ่อนให้เขา
แต่เขากลับลุกขึ้น…เดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ
“พี่บอย…?”
เธองงเล็กน้อยเขาไม่พูดแค่นั่งลงตรงหน้าเธอ แล้วกอดเธอแน่นจากระดับเอว
แน่นแบบที่เธอไม่เคยโดนใครกอดแบบนี้มาก่อน
“พี่บอย…เป็นอะไรคะ”
“เหนื่อยเหรอ?”
เขาไม่ตอบแต่เสียงในอกเขาหนักและสั่นน้อย ๆมือที่กอดเธอไว้...ไม่ปล่อยเลย
“หนูจะพยายามให้มากกว่านี้นะคะพี่”
“จะหางานใหม่ ไม่ไปที่เดิมแล้ว”
เขาพูดเบา ๆ ใกล้ ๆ หน้าท้องเธอ
“ไม่ต้อง…พยายามขนาดนั้นก็ได้หนู”
“ไม่ต้องเจ็บเพิ่มเพื่อใครอีกแล้ว”
คืนนั้นเขากอดเธอไว้ทั้งคืน ไม่ได้จูบไม่ได้ลูบไม่ได้อะไรเลย
แต่เขากลั้นน้ำตาไว้แน่น
เพราะเขารู้แล้วว่า ผู้หญิงที่ชื่อ นิริน
ไม่ได้ขายตัวเพื่อซื้อของ
แต่ “ขายร่าง เพื่อซื้อเวลาให้แม่มีลมหายใจอีกนิด”
และเขาตัดสินใจแล้วว่าถ้าไม่มีใครช่วยเธอได้ เขาจะช่วยเอง
เย็นนั้นฟ้าครึ้มแปลก ๆ เหมือนฝนจะตกแต่พี่บอยก็ยังไปรอหน้าคณะ…ตามสัญญา
นิรินเดินออกมาช้า ๆหน้าซีด ริมฝีปากซีด มือที่ถือกระเป๋าแน่นเหมือนพยายามประคองตัวเอง
“ขอโทษนะคะพี่...วันนี้หนูขอไปตรงร้านก่อนเลยนะ”
“พรุ่งนี้มีคนลาป่วย หนูเลยขอช่วยล้างจานแทนหนึ่งคืน”
เธอยิ้มให้เขาเหมือนทุกครั้งแต่รอยยิ้มนั้น…มันไม่มีสีเลือดเลย
เขารับกระเป๋าเธอไปถือ ไม่พูดอะไรขี่รถไปส่งเงียบ ๆ
แต่สายตาเขามองกระจกหลังตลอดทาง เห็นเธอกอดเอวเขาเหมือนเดิม
แต่แรงกอดอ่อนลงกว่าเคยมาก
ค่ำวันนั้น
เขาไม่ได้กลับไปวินแต่กลับไปจอดซุ่มรอหลังร้านอาหารแทนแสงสลัวจากหลังร้านเผยให้เห็นเธอในผ้ากันเปื้อน
ยืนล้างจานช้า ๆแต่หัวของเธอเหมือนจะเอียงอยู่ตลอดเวลา
เธอพยายามเงยหน้า แต่ก็ต้องก้มลงทุกครั้งไอน้ำจากอ่างล้างจานลอยขึ้นมาเหมือนหมอก
และเหงื่อที่หน้าผากเธอ…มันไหลทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อน
เขาทนดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้านทันทีโดยไม่สนเสียงห้าม
“นิริน!!”
เธอหันมา
แล้วร่างก็ทรุดลงกับพื้นในทันทีเขาเข้าไปรับเธอไว้ทันมือของเธอร้อนจี๊ด
หน้าผากแดงจัดร่างกายร้อนเหมือนไฟ ไม่ใช่แค่ร้อนธรรมดา
“40 องศา”
เจ้าของร้านบ่นพึมพำตอนเขายื่นเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้
“เด็กคนนี้มันดื้อ! บอกให้พักก็บอกว่าไม่เป็นไร…”
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก
แค่ช้อนตัวเธอขึ้น แล้วขี่รถพากลับทันทีนิรินยังพึมพำเบา ๆ ตลอดทาง
“ไม่เป็นไรค่ะพี่...ขอแค่วันนี้ หนูได้ค่าข้าว…แค่พอจ่ายค่าน้ำตาลแม่…”
“นิริน…พอแล้ว”
เสียงเขาแข็งขึ้นแต่มือที่ประคองเธอกลับสั่นเหมือนจะหักในทุกวินาที
เมื่อถึงห้องเขาวางเธอลงบนเตียงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเธอเงียบ ๆ
ป้อนยาลดไข้เปิดพัดลมอ่อน ๆแล้วนั่งลงข้างเตียง
มองเธอที่หลับตา ใบหน้าซีด แต่ปากยังขยับพูดขอโทษคนที่ไม่มีอยู่ในห้อง
เขากำหมัดแน่น
“พี่ขอโทษ…ขอโทษที่อยู่ตรงนี้ แต่ไม่เคยรู้เลยว่าหนูต้องเจ็บขนาดนี้”
น้ำตาของผู้ชายขรึม ๆ ไหลลงข้างแก้มเงียบ ๆ
เขาไม่เคยได้ยินเธอบ่นไม่เคยเห็นเธอขอเงินไม่เคยเห็นเธอขอความช่วยเหลือ
เธอมีแต่…
“เดี๋ยวหนูหาทางได้ค่ะพี่”
“อีกนิดเดียวก็ใช้หนี้หมดแล้ว”
“ค่าข้าวแม่น่าจะพอถ้าไม่ป่วยเพิ่ม…”
แต่ตอนนี้เธอแทบนอนไม่ได้เพราะร่างกายของเธอ พูดแทนหัวใจที่เธอไม่กล้าเปิดปากบอกใคร
และพี่บอย…เจ็บจนพูดอะไรไม่ออกเลย
หลังจากพาเธอกลับห้อง และเฝ้าไข้ทั้งคืน
พี่บอยยังคงนั่งข้างเตียง ดูเธอนอนหลับอย่างกระสับกระส่าย
หน้าผากยังแดงมือยังร้อนแต่เขาไม่ออกไปไหนเลย
ตอนเช้าแสงแดดลอดเข้ามาในห้องพอให้เขามองเห็นกรอบรูปใบหนึ่งที่เธอวางไว้ข้างหัวเตียง
ภาพนั้นคือแม่นิริน ผู้หญิงหน้าตาอ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยร่องรอยความเหนื่อย
ข้าง ๆ มีเด็กผู้ชายอายุประมาณสิบสี่ คนเดียวกับในแชทที่เขาเห็นคืนนั้น
พี่บอยหลับตาแน่นไม่ใช่เพราะง่วง
แต่เพราะคิดถึงภาพพ่อแม่ของเขา...ที่ไม่ได้อยู่ให้เขาดูแลอีกแล้ว
สิบปีก่อนอุบัติเหตุรถชนทำให้เขาเสียพ่อกับแม่ไปพร้อมกันเขาไม่พูดกับใครเลยเกือบปี
แม้แต่ตอนรับเงินมรดกเขาก็แค่พยักหน้า แล้วเซ็นเอกสารเงินทั้งหมดถูกพักไว้ในบัญชีเงียบ ๆ
ไม่เคยแตะไม่เคยคิดจะใช้เพราะเขาไม่รู้จะใช้ไปเพื่อใคร
แต่ตอนนี้…เขารู้แล้ว
คืนนั้นหลังแน่ใจว่านิรินหลับแน่น
พี่บอยออกจากห้องเงียบ ๆ พร้อมสมุดบัญชีเล่มหนึ่งที่เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อวินมาตลอด
เขาไม่ได้ไปที่วินแต่ไปที่ธนาคารตอนเปิดทำการ
ถอนเงินก้อนแรกในชีวิตเงินที่ไม่เคยขยับยอดรวมในสมุดคือหลักหลายล้าน
เขาถอนออกมา 800,000 บาท พร้อมเอกสารแนบ
แล้วโทรหาเพื่อนสนิทที่ย้ายกลับไปอยู่ต่างจังหวัด คนที่เขาไว้ใจที่สุดในชีวิต
“มีงานให้มึงช่วยว่ะ”
“เรื่องโฉนดบ้านคนหนึ่ง...ญาติเขากดไว้ กูจะให้มึงจัดการทุกอย่าง เอาเงินไปปิดหนี้ให้หมด”
ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง
“คนนี้สำคัญมากเหรอวะ?”
“กูไม่เคยให้ใครใช้เงินพ่อแม่กูมาก่อนเลย”
“แต่นี่…กูยกให้เลยก็ยังได้”
เขาไม่พูดว่าเธอชื่ออะไร
ไม่บอกว่าเธอทำงานอะไร
ไม่บอกว่าเธอเจออะไรมา
แต่เสียงของเขาหนักแน่นพอจะบอกว่า
นี่คือผู้หญิงที่เขาจะไม่ยอมให้ใครกดหัวอีก
เขากลับมาถึงห้องเธอยังหลับเหงื่อเริ่มลดไข้เริ่มลง
เขานั่งลงข้างเตียงจับมือนิ่ม ๆ นั้นไว้ แล้วกระซิบเบา ๆ ทั้งที่เธอฟังไม่รู้เรื่อง
“จากนี้ไป...หนูไม่ต้องทำเพื่อต่อเวลาให้ใครแล้ว”
“เพราะพี่จะอยู่…เพื่อให้หนูได้พักซะที”