ผ่านไปสี่ห้่าวันเต็ม เสียงเลื่อยไม้ เสียงตอกค้อน และเสียงหัวเราะจากลานหน้าบ้านสวนกลายเป็นเรื่องคุ้นหูของทุกคน โครงคาเฟ่ “รั้วเอียง” ที่เคยเป็นเพียงเสาไม้ตั้งตระหง่าน ตอนนี้กลายเป็นเรือนเล็ก ๆ ที่มีหลังคา ฝา และประตูหน้าต่างครบถ้วน กันต์ยังคงเป็นลูกมือประจำ วิ่งหยิบตะปูบ้าง จับไม้บ้าง จนช่างมานพหัวเราะบอกว่า “ถ้าเปิดคาเฟ่เมื่อไหร่ ต้องจ้างกันต์เป็นเด็กเสิร์ฟแล้วล่ะ” ทำเอาเด็กชายยืดอกยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ พี่บอยยืนเช็ดเหงื่อ มองตัวร้านที่แทบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ใบหน้าเงียบขรึมตามเคย แต่ดวงตากลับทอประกายที่คนรอบข้างมองออกว่ามีความสุข “เหลือแค่ลงของเฟอร์นิเจอร์ ข้างในก็จัดได้เลย” มานพพูดพลางเก็บค้อนเข้ากล่อง “เดี๋ยวผมจะมาช่วยขนโต๊ะเก้าอี้ให้ก็ได้ จะได้ไวขึ้น” “อืม ขอบคุณครับ” พี่บอยตอบสั้น ๆ แต่รอยยิ้มที่มุมปากชัดเจน หลังเสร็จงาน พวกเขานั่งพักใต้ต้นมะม่วง ลมเย็นพัดเอื่อย มานพเปิดขวดน้ำอัดลมส่ง

