ไข้ของนิรินลดลงแล้วแต่ร่างกายยังอ่อนแรงเธอพยายามจะลุกขึ้นทำอะไรด้วยตัวเอง
แต่ก็ถูกเสียงดุ ๆ ของคนขรึม ๆ คนหนึ่งขัดไว้ก่อน
“จะรีบตายเลยมั้ยล่ะ”
“นั่งนิ่ง ๆ เดี๋ยวพี่ทำให้”
พี่บอยเดินออกจากห้องไปช่วงบ่าย
แล้วกลับมาพร้อมถุงพลาสติกสองสามใบ ยา นมอุ่น ข้าวต้ม กล่องยาดมและเจลลดไข้
“ของกิน?”
“ยา?”
“ทำไมพี่ซื้อเยอะขนาดนี้คะ…”
“พี่ไม่ได้ทำแค่วันนี้”
เขาตอบสั้น ๆแล้วก็แกะกล่องข้าวต้มมาเป่าให้ตลอดบ่ายนั้นเขานั่งข้างเตียงดูแลเธอเหมือนเป็นคนในบ้าน
เธอกินได้มากขึ้น หายใจโล่งขึ้นแต่ยังไม่รู้เลยว่า...นั่นเป็นแค่ครึ่งหนึ่งของสิ่งที่เขาทำ
คืนนั้นหลังจากเธอหลับพี่บอยนั่งเงียบที่ปลายเตียงหยิบมือถือขึ้นมา แล้วส่งข้อความหาเพื่อนสนิทคนเดิม
“โอนให้เด็ก 14 ตามเลขบัญชีที่เคยให้ไปนะ”
“หมื่นห้า ค่าเทอม กับยารักษาแม่”
ปลายสายตอบกลับมาแค่
“เรียบร้อย กูจัดให้หมดแล้ว เด็กคนนั้นพิมพ์มาว่าขอบคุณ ‘พี่คนนั้น’ ด้วย”
พี่บอยมองหน้าจอเงียบ ๆไม่ได้ยิ้มไม่ได้ดีใจแต่เขาแค่หลับตาแน่น...แล้วถอนหายใจยาว
เหมือนปล่อยความเจ็บในอกให้ไหลออกไปพร้อมลมหายใจนั้น
“พี่คนนั้น…”
เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“ไม่ต้องรู้จักชื่อพี่ก็ได้ แค่รู้ว่า…มีคนอยู่ข้างหนูก็พอแล้ว”รุ่งเช้านิรินตื่นขึ้นมาพบไข่ต้มสองฟองกับโจ๊กอุ่น ๆ
ยาเรียงบนโต๊ะมีโพสต์อิทแปะไว้ว่า
“พี่ไปวิน ไม่ต้องออกไปไหน ถ้าจะออกโทรเรียก”
ตัวหนังสือแข็ง ๆ แต่เธอกลับรู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจเธอไม่รู้เลยว่า
ขณะที่เธอนอนหลับ
มีคนหนึ่งกำลัง “ใช้ชีวิตทั้งชีวิตที่เหลืออยู่” เพื่อห่มให้เธออุ่น...แม้เธอจะไม่เคยขอเลยสักครั้ง
บ่ายวันนั้นแสงแดดลอดเข้ามาในห้องอย่างอ่อนแรงเหมือนเจ้าของห้อง
นิรินกำลังเก็บเสื้อผ้าลงตะกร้าในมือเธอคือโทรศัพท์ที่เปิดแชท “น้องกันต์” ค้างไว้
เธอแค่กะจะตอบแต่ข้อความล่าสุดที่เพิ่งเด้งเข้ามากลับทำให้มือของเธอหยุดนิ่งทันที
“พี่ หนูได้ค่าเทอมกับค่ายาแม่แล้วนะ”
“คนที่ชื่อ ‘พี่คนนั้น’ โอนมาให้…ผ่านพี่ผู้ชายที่เคยโทรหาแม่เมื่อก่อนนู้น”
“แม่ถามว่าใช่พี่ไหม แต่หนูตอบไม่ได้”
“หนูแค่รู้ว่า เขาไม่ได้หวังอะไรจากพี่เลย…”
นิรินยืนนิ่งในมือยังถือเสื้อที่พับค้างไว้ขอบตาเธอเริ่มร้อนใจเต้นแรงอย่างไม่เข้าใจ
“พี่คนนั้น…”
เธอเริ่มต่อภาพเริ่มเห็นทุกอย่างที่เขาทำการซื้อของกิน การอยู่เงียบ ๆ ข้างเตียง
การไม่เคยถาม ไม่เคยห้ามแต่กลับอยู่ตรงนั้น…เสมอเสียงประตูเปิดออกเบา ๆ
พี่บอยกลับมาพอดีในมือเขามีถุงน้ำเต้าหู้กับขนมปังสองชิ้นแต่สิ่งที่เขาเห็นเมื่อเข้ามา คือนิรินยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง
น้ำตาคลอเต็มสองตามือถือสั่นน้อย ๆ ในมือเธอเขาวางถุงของลงช้า ๆเดินเข้าไปหา
“เป็นอะไร”
เธอส่ายหน้าแต่สีหน้ากลับแสดงออกทุกอย่าง
“หนูเพิ่งรู้…”
เสียงเธอสั่น
“ว่าทุกอย่างที่หนูพยายามแบก…พี่กำลังแบกให้หนูทั้งหมด”
เขาไม่ตอบไม่แก้ตัวไม่ปฏิเสธเขาแค่เดินเข้าไปใกล้
แล้วกอดเธอไว้แน่น แน่นแบบที่เธอไม่ต้องยืนแกร่งคนเดียวอีกต่อไป
“พี่บอย…หนูจะหาเงินคืนให้”
“ไม่ต้อง”
เขาพูดเสียงหนักแน่นขึ้น
“พี่มีพอ…แล้วพี่เลือกเอง”
เธอสั่นมือกำเสื้อเขาแน่น
“พี่อย่าให้หนูเลย...หนูไม่อยากเป็นคนที่เอาเปรียบ”
เขาดึงตัวเธอออกมาสบตา
ดวงตานิ่ง ๆ ที่ไม่เคยพูดมากเกินคำว่า “โอเค” ตอนนี้กลับเปล่งประกายหนักแน่นที่สุดในชีวิต
“หนูแค่เรียนก็พอ”
“ไม่ต้องไปทำงาน ไม่ต้องล้างจาน ไม่ต้องฝืนหัวเราะใส่ใครอีกแล้ว”
“แค่เรียน…แล้วใช้ชีวิตให้มีความสุข”
“ที่เหลือ...พี่ดูแลเอง”
เธอกัดริมฝีปากแน่นพยักหน้าช้า ๆแล้วโผเข้ากอดเขาอีกครั้ง
ครั้งนี้...เธอกอดแน่นก่อนและน้ำตาเธอก็ไหลเต็มแก้ม โดยไม่มีคำว่า “ขอโทษ” หรือ “ขอบคุณ”
มีแค่คำหนึ่ง...ที่เธอพูดในใจซ้ำ ๆ
“หนูไม่ต้องลำพังอีกต่อไปแล้ว”
หลังจากที่พี่บอยพูดคำว่า
“แค่เรียน…ที่เหลือพี่ดูแลเอง”
ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบนิรินยืนนิ่งเหมือนโลกหยุดหมุน
หัวใจของเธอสั่น…แต่กลับสงบมือยังจับชายเสื้อเขาไว้แต่น้ำตาไม่ได้ไหลเพราะเจ็บอีกต่อไป
เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาเงียบ ๆพี่บอยยังคงนิ่งเหมือนทุกครั้ง
ไม่พูดอะไรต่อไม่ทวงคำขอบคุณไม่แม้แต่จะก้มลงมาหา
เขาแค่ อยู่ตรงนั้นให้เธอได้เลือกว่าจะ “เดินเข้ามา” หรือ “เดินหนีไป”
และเธอ...ก็เดินเข้ามานิรินเขย่งปลายเท้าเบา ๆวางสองมือบนบ่าของเขา
แล้วกดริมฝีปากตัวเองลงบนปากเขา อย่างแผ่วเบา แต่แน่นพอจะจมลึกไปถึงหัวใจ
พี่บอยเบิกตานิดหน่อยไม่ใช่เพราะตกใจแต่เพราะไม่คิดว่า...เด็กผู้หญิงคนที่เขาเคยแค่ขี่วินมาส่งตอนกลางคืน
จะกลายเป็นคนที่ “ทำให้เขารู้สึกมีชีวิต” อีกครั้ง
จูบนั้นยาวนานไม่มีเสียง ไม่มีลมหายใจหอบแค่ริมฝีปากที่แนบกันเงียบ ๆ เหมือนจะหลอมรวมความเหนื่อยทั้งหมดของสองคนไว้เมื่อเธอผละออกน้ำตาเธอก็คลออีกครั้ง แต่ครั้งนี้...มุมปากยิ้ม
“จูบเมื่อกี้…ไม่ได้เพราะเป็นหนี้”
“แต่เพราะรักพี่จริง ๆ ค่ะ”
เขาไม่ตอบแค่เอื้อมมือมากอดเธอแน่นอีกครั้งกดจมูกลงบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา
นิรินซบหน้ากับอกของเขา รับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่ดังมั่นคง จังหวะที่เธอไม่เคยได้ยินจากใครมาก่อนในชีวิต ความรู้สึกปลอดภัยแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังโอบกอดเธอไว้
บทสรุปของความเข้าใจ
คืนนั้น ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันอีก แต่ทุกสัมผัส ทุกอ้อมกอด คือการสื่อสารที่ลึกซึ้งกว่าถ้อยคำใดๆ
นิรินรู้แล้วว่า เธอไม่ต้องวิ่งหนีจากอดีตอีกต่อไป เธอไม่ต้องซ่อนเร้นความเหนื่อยล้า หรือแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง เพราะมีคนคนหนึ่งที่พร้อมจะรับฟังและเข้าใจเธอในทุกๆ ด้าน โดยไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน
และพี่บอยก็ได้พบความหมายใหม่ของการมีชีวิต ความสุขที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่การได้ครอบครอง แต่คือการได้อยู่เคียงข้าง ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเยียวยา และได้เห็นรอยยิ้มที่สดใสของคนที่เขารัก
จากนี้ไป ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร พวกเขาก็จะก้าวผ่านมันไปด้วยกัน ด้วยความรักและความเข้าใจที่ก่อตัวขึ้นจากความเงียบงัน...แต่ดังลึกไปถึงหัวใจ