๘
ไม่มีอะไรเหมือนเดิม
เช้าวันใหม่ของคนอื่นนั้นคงสดใส ทว่าเช้าวันใหม่ของภพธรกลับมืดมิดไม่ต่างอะไรกับคืนเดือนแรม ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่บนเตียง เขาไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมง เป็นตอนกลางวันหรือกลางคืน รู้เพียงว่าเขายังคงหายใจอยู่ มันก็แค่นั้น...
เสียงเปิดประตูและกลิ่นอาหารโชยมาทำให้รู้ว่าคงถึงเวลาอาหารเช้า
กอหญ้าวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ แล้วผ่อนลมหายใจยาวเมื่อมองไปยังคนที่นั่งอิงแผ่นหลังกับหัวเตียงด้วยท่าทางเฉยชา ไร้อารมณ์และความรู้สึก หญิงสาวจึงนำผ้าชุบน้ำเพื่อเช็ดหน้าให้เขา แต่ทันทีที่ผ้าขนหนูแตะใบหน้า มือของหญิงสาวก็ถูกปัดออก
“ผมทำเองครับ” น้ำเสียงที่เคยสุภาพและอ่อนโยน ยังคงสุภาพ ทว่าความอ่อนโยนเลือนหาย เหลือเพียงความเย็นชาเท่านั้นที่กอหญ้าสัมผัสได้
หญิงสาวมองมือใหญ่ที่เอื้อมมาตรงหน้ารอรับผ้าจากหล่อน หญิงสาวจึงถอนหายใจยาวก่อนจะพูดกับเขาเป็นครั้งแรก
“ให้หญ้าทำให้ดีกว่านะคะ”
น้ำเสียงอ่อนหวานของสาวน้อยที่เขารอคอยมาตลอดสี่ปีทำให้ชายหนุ่มมีอาการแข็งค้าง วูบหนึ่งเขาดีใจที่ได้ยินเสียงหล่อน ทว่าเมื่อคิดถึงสภาพที่เป็นอยู่ ใบหน้าที่มีร่องรอยของความยินดีเมื่อครู่กลับเลือนหายลงอย่างรวดเร็ว
หล่อนจะมองเขาด้วยสายตาสมเพชขนาดไหน หรือไม่ก็คงดีใจที่เขาเป็นแบบนี้ไปเสียได้ อีกทีก็คงผิดหวัง ว่าทำไมเขาถึงยังไม่ตาย...
“กลับมาเมื่อไร”
หญิงสาวมองใบหน้าที่ยังคงหล่อเหลาด้วยสายตาที่พยายามทำให้มันเรียบเฉยไร้อารมณ์ยามมองเขา แต่ไม่ง่ายดายอย่างที่คิดเลยจริงๆ
“เมื่อวานนี้ค่ะ” หญิงสาวกดผ้าขนหนูชุ่มน้ำเช็ดใบหน้าให้เขาเบาๆ โดยที่ภพธรก็ยอมให้หญิงสาวทำความสะอาดใบหน้าอย่างง่ายดาย ต่างจากเมื่อแรกที่เขายังไม่รู้ว่าเป็นหล่อน ครู่ต่อมาหญิงสาวก็ดันโต๊ะสำหรับวางของผู้ป่วยเลื่อนเข้าไปตรงหน้า พร้อมกับบีบยาสีฟันลงบนแปรงแล้วยัดใส่ฝ่ามือใหญ่
“คุณแปรงฟันก่อนนะคะ” บอกพลางวางแก้วน้ำเอาไว้บนโต๊ะ แล้วจับมืออีกข้างของเขาไปแตะที่แก้วโดยไม่ได้คิดอะไร นอกเสียจากทำหน้าที่พยาบาลให้กับผู้ป่วยเดินไม่ได้มองไม่เห็นเท่านั้น ทว่ากลับทำให้คนป่วยหัวใจไหววูบได้ในทันที
“ขอบใจ” เขาเอ่ยสั้นๆ แล้วแปรงฟันในแบบที่เขาทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ในยามนี้เขากำลังจินตนาการว่า กอหญ้าจะมองเขาด้วยสายตาแบบไหน แต่แล้วชายหนุ่มก็ชะงักลงเล็กน้อย ก่อนแปรงฟันต่อไป บอกกับตัวเองว่าเลิกคิดถึงสิ่งที่มันไม่มีวันเป็นไปได้อีกเสียที เขาไม่ใช่ผู้ชายที่คู่ควรกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น โดยเฉพาะกอหญ้า
เมื่อลูบหน้าแปรงฟันเรียบร้อย หญิงสาวก็นำภาชนะเหล่านั้นไปทำความสะอาด เพียงครู่เดียวก็เดินกลับมาที่เตียงของเขา
“กินข้าวก่อนนะคะคุณหนึ่ง” หญิงสาวบอกกับคนตัวโตสูงใหญ่ แม้ตอนนี้จะเจ็บป่วยแค่ไหน แต่ร่างกายของเขาใช่ว่าจะผ่ายผอมลงสักกี่มากน้อย หล่อนที่มีหน้าที่ป้อนข้าวป้อนน้ำให้กับเขาจึงคิดหนัก จะให้นั่งลงบนเตียงก็ใช่ที่ จะให้นั่งเก้าอี้ก็ไม่ถนัดนัก จึงเลือกที่จะยืนตรงหน้าพร้อมกับตักข้าวจ่อที่ปากของชายหนุ่ม
“อ้าปากค่ะ”
ภพธรรู้สึกหงุดหงิด ที่เขากลายเป็นไอ้ง่อยไปเสียแล้ว ดูเถอะ ขนาดลูบหน้ากับกินข้าวยังทำเองได้ไม่ถนัด แต่เขาจะไม่ยอมให้หล่อนหรือใครๆ มองเขาด้วยสายตาสมเพชเป็นอันขาด
“ได้เวลาอาบน้ำแล้วค่ะ” น้ำเสียงที่กล่าวออกมาจึงค่อนข้างแข็งกระด้างอยู่ในที แม้แต่คนที่นั่งบนเตียงยังรู้สึกได้ เขาขยับใบหน้าหันไปทางต้นเสียง ก่อนถอนหายใจยาว เขารู้แล้วว่าหล่อนไม่ได้เต็มใจทำหน้าที่นี้ ชายหนุ่มปวดหนึบในใจ แล้วใครจะอยากดูแลคนพิการแบบเขา เริ่มตั้งแต่ผู้หญิงที่มารดาพยายามเคี่ยวเข็ญให้เขาไปมาหาสู่ เพราะหมายมั่นว่าจะให้แต่งงานกัน รายนั้นชิ่งหนีตั้งแต่รู้ว่าเขาตาบอด พอรู้แน่ชัดว่าเขาเดินไม่ได้ ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนพิการ แม่เจ้าประคุณก็หายเข้ากลีบเมฆ เขายังนั่งหัวเราะใส่หน้ามารดามาแล้ว แต่เรื่องนั้นเขาไม่สนใจเลยสักนิด ใครจะไปใครจะมาเขาไม่แคร์ ยกเว้น เด็กสาวที่ชื่อกอหญ้า เขารอหล่อนมาตลอดระยะเวลาสี่ปี แต่ตอนนี้ เขาเปลี่ยนใจแล้ว...
“ฉันกินเองได้ ขอช้อน”
หญิงสาวผ่อนลมหายใจอย่างอ่อนใจ ดูเถอะ ตาก็มองไม่เห็น จะกินเองได้ยังไง
“แน่ใจนะคะ”
คราวนี้หญิงสาวได้ยินเสียงถอนหายใจยาวดังออกมาจากชายหนุ่ม จึงตัดสินใจส่งช้อนใส่มือของเขา แล้วลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ เพื่อคอยดูแลความเรียบร้อยให้แก่ชายพิการผู้หยิ่งทะนง
ภพธรไม่สนใจอะไรอีก เขากินข้าวได้เรียบร้อย แม้บางครั้งจะตักผิดตักถูกไปบ้าง อาจจะเลอะเทอะสักหน่อย แต่หญิงสาวมองเห็นความพยายามช่วยเหลือตัวเองของเขา จึงนึกชื่นชมอยู่ในใจ เมื่อชายหนุ่มอิ่ม หญิงสาวจึงส่งผ้าให้เขาเช็ดปาก แล้วจัดการดันรถเข็นอาหารที่รับประทานเหลือออกไปจอดเอาไว้ด้านนอกห้อง เพื่อรอให้แม่บ้านมาเก็บไปล้างเหมือนทุกวัน
กระทั่งมาถึงช่วงเวลาสำคัญนั่นคือการอาบน้ำ หญิงสาวค่อนข้างลำบากใจไม่น้อย แม้เขาจะตาบอดและเดินไม่ได้ แต่เขาก็เป็นผู้ชายทั้งแท่ง อีกทั้งยังรูปร่างหน้าตาดี ที่สำคัญที่สุด เขาคือคนที่หล่อนไม่อยากเข้าใกล้เลยสักนิด แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมานานแค่ไหน แต่หล่อนไม่เคยลืมว่าเขาทำอะไรเอาไว้กับหล่อนบ้าง ต่อให้เขาบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ และขอโทษหล่อนสักล้านครั้ง ทว่าภายในใจของหญิงสาวยังมีจุดดำที่ไม่เคยจาง เป็นจุดบอดของชีวิต ที่บางครั้งเมื่อย้อนคิดถึงมัน เขาก็ทำให้หล่อนนึกรังเกียจตัวเอง ที่ต้องกลายเป็นผู้หญิงมีตำหนิ ไม่คู่ควรกับใครหน้าไหนทั้งนั้น...