ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง เขาดึงมือหนีมือเรียวที่ทำท่าจะเอื้อมมาแย่งหมวกจากมือของเขา แล้วเป็นฝ่ายสวมหมวกลงไปบนศีรษะน้อยๆ ของคนตัวเล็กตรงหน้า จุดสีแดงระเรื่อจึงปรากฏขึ้นยังกึ่งกลางแก้มเนียนใส ชายหนุ่มแสร้งไม่เห็นและเก็บรอยยิ้มเอาไว้อย่างแนบเนียน จากนั้นก็คร่อมรถแล้วหันไปมองร่างสูงของปราการอีกคราว เห็นสายตาที่แสดงความเสียดายชัดเจน เขารอจนสาวน้อยขึ้นนั่งเรียบร้อยก็ออกตัวไปโดยไม่ลืมปรายตามองนักศึกษาชายที่ดูเหมือนจะเนื้อหอมไม่น้อยกับสาวๆ แถวนั้นอีกครั้ง
กอหญ้านั่งอึดอัดได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงทุ้มๆ ของชายหนุ่ม
“กอดเอวฉันเอาไว้หญ้า”
สาวน้อยถึงกับนั่งเกร็งเมื่อได้ยินคำสั่งจากคนขับ ก่อนจะเม้มปากแล้วเอื้อมมือไปจับชายเสื้อของเขาเอาไว้ แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ถูกใจสิ่งนี้นัก จึงเป็นฝ่ายดึงมือนุ่มเล็กของหญิงสาวไปกอดเอวของเขาเอาไว้เสียเอง
“กอดแน่นๆ ฉันขี้เกียจจอดเก็บเธอ”
คำพูดของเขาทำเอาหญิงสาวค้อนขวับใส่แผ่นหลังกว้างไปอีกที ทั้งภาวนาให้ถึงหอพักเร็วๆ จะได้ไม่ต้องมาฝืนทนอีกต่อไป
สาวน้อยไม่ยอมรับกับตัวเองว่าลึกๆ นั้นรู้สึกดีใจที่ได้พบเขา เพราะล่าสุดที่ได้เจอหน้ากันก็นานเกือบห้าเดือน เขากลับมาคราวนี้ดูคล้ำลงพอควร ก็คงจะตะลอนๆ ไปทั่วเหมือนอย่างเคย แต่กลับไม่ทำให้ความหล่อเหลาของชายหนุ่มลดลงแต่อย่างใด ดูได้จากสายตาของสาวน้อยสาวใหญ่แถวนั้นยังคงให้ความสนใจกับบุรุษผู้นี้เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา
กอหญ้านิ่วหน้ากับตัวเองเมื่อจู่ๆ เขาก็จอดรถที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“จอดทำไมคะ” สาวน้อยร้องถามเมื่อเขาดับเครื่อง
“กินข้าว ตั้งแต่เที่ยงฉันยังไม่ได้กินข้าวเลย เธอไม่ว่าใช่ไหมที่ฉันจะไปส่งเธอช้าสักหน่อย” เขาตอบหลังจากถอดหมวกกันน็อกออก เผยให้เห็นดวงหน้าคมคายเต็มสายตาอีกครั้ง และคำตอบของเขาก็ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“หญ้าจะไปว่าอะไรคุณหนึ่งได้ล่ะคะ” น้ำเสียงหวานใสกล่าวออกมาหลังจากเงียบไปอึดใจ ทำให้คนตัวโตยิ้มกริ่มแต่เพียงแวบเดียวก็จางหายโดยที่เจ้าหล่อนไม่ทันได้เห็น ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดสายรัดที่คางแล้วถอดหมวกกันน็อกให้หญิงสาว กอหญ้าทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ และยังรู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นกอหญ้าก็ไม่คิดจะยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้ง่ายๆ หล่อนปัดมันออกไปแทบจะทันที แล้วคิดถึงสิ่งที่เขาทำกับตัวเองไว้ให้มากที่สุด
“คุณหนึ่งมาทำอะไรที่นี่คะ”
“แค่ผ่านมา”
“แค่ผ่านมา?” สาวน้อยเอียงคอมองเขาอย่างไม่นึกเชื่อนัก ทว่าชายหนุ่มที่สบตาหล่อนไหวไหล่เบาๆ ก่อนจะหันไปยิ้มให้พนักงานที่เดินเข้ามาสอบถาม เขาสั่งอาหารให้ตนเองและหญิงสาว กอหญ้าทำท่าจะปฏิเสธแต่เมื่อสบตาคมเข้มก็ต้องหุบปากลง เมื่ออยู่กันตามลำพังเขาก็เปรยออกมา
“ฉันเข้ามาทำธุระ เลยคิดว่ามาเจอเธอสักหน่อยก็น่าจะดี ตอนแรกว่าจะขับรถยนต์มา แต่เบื่อรถติดเลยซิ่งคันนี้มาแทน”
เขาเล่าให้หล่อนฟัง หญิงสาวก็นั่งฟังเงียบๆ ระหว่างนั้นก็ลอบสังเกตเขาไปด้วย ภพธรดูเคร่งขรึมกว่าแต่ก่อน และดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก หลายครั้งเขาดูเหมือนคนที่มีความคิดมากมายอยู่ในหัวแต่ไม่เคยพูดออกมา และหลายครั้งเขาทำให้หล่อนรู้สึกอึดอัด ทำตัวไม่ถูก ใจเต้นแรง และไม่กล้าสบตายามที่ถูกเขาจ้องมองโดยไม่มีคำพูดออกมาจากปากสักคำเช่นเวลานี้
ภพธรเองก็ดูเหมือนจะรู้ตัว เขาผ่อนลมหายใจยาวเมื่อเห็นว่าสาวน้อยนั่งเกร็ง แต่จะให้ทำอย่างไรได้ เขาไม่ใช่คนขี้เล่นหรือพูดเก่งอะไร คงไม่เหมือนไอ้หนุ่มน้อยหน้ามนคนนั้น ที่สาวน้อยอย่างหล่อนคงจะนิยมชมชอบ ไม่เช่นนั้นคงไม่ยิ้มหวานๆ และหัวเราะได้เสียงใสน่าฟังขนาดนั้นหรอก
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ผู้ชายที่เดินมากับเธอเป็นใคร”
กอหญ้าเงยหน้ามองคนถาม แววตาของเขาบอกชัดว่าหมายถึงใคร...
เจ้าของดวงตาคู่งามจึงหลุบลงอีกครั้ง มือเรียวจับหลอดคนไปมาในแก้วน้ำส้ม
“เพื่อนรุ่นพี่ค่ะ”
“แค่เพื่อน?” ดวงตาสีเข้มจับจ้องดวงหน้าหวานนิ่งนาน จนกระทั่งหล่อนยอมเงยหน้าขึ้นสบตาเขาพร้อมพยักหน้า นั่นคือคำตอบของหล่อน...
ภพธรผ่อนลมหายใจแผ่วเบา เขาหมดคำถามลงแค่นั้นเช่นกัน เมื่ออาหารมาเสิร์ฟหญิงสาวก็เริ่มลงมือกิน ส่วนชายหนุ่มแอบยิ้มอยู่เงียบๆ
ภพธรพากอหญ้ามาส่งที่หอพัก เขาส่งหล่อนแค่ด้านหน้า และมองจนมั่นใจว่าหล่อนกลับเข้าข้างในเรียบร้อยจึงขับรถออกไป
หญิงสาวถอนหายใจยาวพลางล้มตัวนอนหงายบนเตียงนุ่ม ดวงตาจดจ้องที่เพดานนิ่ง หัวใจของหล่อนตอนนี้เต้นช้าลงแล้ว เรียกว่ากลับมาเป็นปกติอีกครั้งหลังจากเต้นแรงจนน่าโมโหอยู่พักหนึ่ง
หญิงสาวพยายามปลอบใจตัวเองว่าที่เป็นเช่นนั้นอาจเกิดจากความชิงชังที่มีต่อตัวเขา เพราะทุกความทรงจำหนนั้นยังติดตรึงในความรู้สึกนึกคิด ลบล้างอย่างไรไม่เคยจางหาย ติดเป็นตรามารผลาญความสุข หลังจากนั้นหล่อนไม่อาจยิ้มได้เหมือนที่เคยยิ้ม ราวกับว่าได้ทำความสุขหล่นหายไปพร้อมกับความสาวที่ถูกพรากไปในคืนนั้น นี่ต่างหากสาเหตุที่ใจเต้นแรง จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แน่ มันเต้นแรงเพราะความแค้นเคือง ไม่ใช่อย่างอื่น...ไม่ใช่
หญิงสาวพยายามบอกตนเองเช่นนั้น ซ้ำมา...ซ้ำไป