๕
ฉันจะรอ
นับแต่กอหญ้าเดินทางไปศึกษาต่อ นางเรียมก็เงียบเหงาลงไปถนัดใจ ดีที่มีแสง เอี้ยงและเนตรอยู่ด้วย จึงช่วยคลายเหงาลงได้มากทีเดียว ส่วนคุณนายงามตาก็ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ไม่เคยให้คำมั่นสัญญาอะไรกับใครเอาไว้ นางเรียมได้แต่อดทนรอวันที่หลานสาวเรียนจบ เพื่อจะได้ไปจากพวกหน้าเนื้อใจเสือเหล่านี้เสียที แต่ในระหว่างที่ยังอยู่ที่นี่ นางเรียมได้รู้ได้เห็นทุกอย่าง รวมทั้งเรื่องของสาวสวยที่มักเดินทางไปมาหาสู่คุณนายงามตาอยู่บ่อยครั้ง จนวันหนึ่งนางพิมพ์ก็หลุดปากออกมาว่าคุณนายหมายตาผู้หญิงคนนี้เอาไว้ให้กับภพธร
ไม่มีใครเห็นด้วยกับการกระทำของท่าน แต่ก็ไม่มีใครกล้าออกความเห็น เพราะพวกตนนั้นเป็นเพียงบ่าว เจ้านายคิดทำการใดย่อมเป็นตามนั้น ทำให้ทั้งแสง เอี้ยงและเนตรต่างรู้สึกตรงกันนั่นคือเห็นใจสองยายหลานยิ่งนัก
“คุณนายทำแบบนี้ได้ยังไง ทำไมไม่ทำตามที่เคยรับปากเอาไว้ แล้วแบบนี้ไอ้หญ้ามันจะเป็นยังไง คุณหนึ่งก็อีกคน ไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือไงวะ”
แสงบ่นอุบขณะสับหมูลั่นครัว ทั้งเนตรและเอี้ยงสบตากันแล้วถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียง
“ลูกจ้างอย่างเราก็เป็นได้แค่ลูกจ้างนะพี่แสง จะมีปากมีเสียงอะไรได้ ดีไม่ดีถูกไล่ออกอีก งานดีเงินดีแบบนี้มีที่ไหน ก็มีแต่ที่นี่นั่นแหละนะพี่” เอี้ยงออกความเห็น แม้จะสงสารและเห็นใจกอหญ้ากับนางเรียมมากแค่ไหน ทว่าเรื่องปากท้องของตนและครอบครัวนั้นสำคัญกว่า
“พวกเอ็งเลิกพูดเรื่องนี้เถอะ เกิดใครมาได้ยินมันจะไม่ดี อีกอย่างหญ้ามันก็ยอมรับและทำใจกับเรื่องนี้ได้แล้ว มันบอกกับข้าว่าสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการตั้งใจเรียน ให้สมกับที่คุณนายยอมเสียเงินเพื่อส่งให้มันได้เรียนต่อสูงๆ และอยู่ในที่ดีๆ”
ทั้งสามต่างเงียบงัน เพราะสัมผัสได้ถึงความเจ็บช้ำจากน้ำเสียงเมื่อนางเรียมกล่าวออกมาเช่นนั้น
ด้านกอหญ้านั้น หลังจากเดินทางมาเรียนต่อ ทั้งเพื่อนใหม่ เรื่องเรียน สังคมและสิ่งแวดล้อม พอจะทำให้สาวน้อยลืมเลือนสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตลงไปได้บ้าง จึงพยายามไม่อยู่ตามลำพังยกเว้นตอนกลับห้องพัก ในวันหยุด สาวน้อยเลือกที่จะทำงานพิเศษ เพื่อจะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องเก่าๆ ให้เจ็บปวดขึ้นมาอีก
งานแรกที่กอหญ้าทำคือการเป็นพนักงานเสิร์ฟแบบพาร์ตไทม์ เมื่อเพื่อนรู้ว่าหล่อนกำลังมองหางานพิเศษฝ่ายนั้นจึงชักชวนให้ไปทำด้วยกันที่ร้านของมารดาทันที
“เป็นไงบ้างหญ้า พอไหวไหม” แพรพริมาที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของกอหญ้าเอ่ยถามทันทีที่เพื่อนเดินกลับมาหลังจากรับออเดอร์ลูกค้าเสร็จแล้ว
“ไหวสิ งานไม่ได้หนักอะไร” หญิงสาวกล่าวพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน
“แพรดีใจที่หญ้ามาทำงานกับแพรนะ มา เดี๋ยวแพรรับช่วงต่อเอง หญ้าไปพักเถอะ” แพรพริมาดึงสมุดรายการอาหารมาถือไว้ พลางพยักพเยิดให้เพื่อนไปพัก กอหญ้ายิ้มบางๆ แล้วบอกขอบใจอีกฝ่าย
ระหว่างพัก สาวน้อยคิดถึงยายจึงโทรศัพท์ระหว่างรับประทานอาหาร
“แม่ใหญ่ เป็นไงบ้าง กินข้าวหรือยัง”
นางเรียมยิ้มกว้างขณะนั่งอยู่ในครัว
“กินแล้ว หญ้าล่ะลูก กินข้าวหรือยัง”
กอหญ้ายิ้มกริ่ม ดวงหน้าอ่อนหวานฉายชัดถึงความสุขยามได้พูดคุยกับยาย
“กำลังกินเลยจ้ะ อีกสักพักจะเข้างานแล้ว แต่คิดถึงยายก็เลยโทร.หา”
เสียงหวานใสเดินทางผ่านสัญญาณไร้สายสู่โทรศัพท์ปลายทาง ทำให้คนฟังที่กำลังคิดถึงหลานอยู่เช่นกันยิ้มไม่หุบ
“ตั้งใจทำงานนะลูก แต่อย่าหักโหมมากนะ เดี๋ยวจะไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ยังไงการเรียนก็สำคัญที่สุดนะรู้ไหม”
“รู้จ้ะ หนูจะไม่ทำให้แม่ใหญ่ผิดหวัง อีกไม่นานหนูก็เรียนจบ แล้วเราจะได้อยู่ด้วยกันเสียที”
คำบอกเล่าของหลานสาวทำให้คนฟังอีกฟากอมยิ้ม นางรู้ดีว่าหลานสาวหมายความว่าอย่างไร
“อืม กินข้าวซะลูก ไม่ต้องห่วงแม่ใหญ่ อยู่ทางนี้สบายดี”
“จ้ะ” กอหญ้าพยักหน้ากับโทรศัพท์ จากนั้นจึงวางสายพร้อมกับเสียงผ่อนลมหายใจยาว
หญิงสาวเดินกลับเข้าร้านอาหาร ตรงเข้าไปยังเคาน์เตอร์รับออเดอร์ พอดีกับที่แพรพริมาก้าวออกมาพร้อมส่งยิ้มให้
“อ้าวกินข้าวเร็วจัง”
“เราไม่ค่อยหิวน่ะ ไหนมีเสิร์ฟโต๊ะไหนบ้าง” สาวน้อยดึงออเดอร์มาดู พอดีกับที่อาหารถาดใหญ่ถูกส่งมาจากด้านใน หญิงสาวจึงรับหน้าที่นั้นโดยอัตโนมัติ ร่างเล็กเดินไปยังโต๊ะของลูกค้าเจ้าของรายการอาหาร แต่ทันทีที่ได้เห็นแผ่นหลังกว้างของใครบางคน สาวน้อยก็ใจกระตุกรุนแรง เกิดความละล้าละลังไม่อยากเดินเข้าไป ทว่าลูกค้าสาวสวยที่เงยหน้าขึ้น มองมายังหล่อนพอดี ทำให้หญิงสาวจำต้องก้าวเข้าไปอย่างไม่เต็มใจนัก
“อาหารมาแล้ว” สาวสวยคนนั้นเปรยขึ้น ทำให้คนที่ก้มหน้าจิ้มโทรศัพท์เงยหน้ามอง เขามีอาการไม่ต่างจากกอหญ้าในตอนแรกนัก ดวงตาสีเข้มคมคายมองหญิงสาวไม่วางตา ขณะที่กอหญ้ากลับไม่มองเขาเลยสักแวบเดียว หล่อนเอาแต่ลำเลียงจานอาหารลงบนโต๊ะ และผละจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีการทักทายกันแต่อย่างใด
ภพธรมองตามจนเหลียวหลัง ทำให้คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเขาต้องขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับมองตามสายตาของอีกฝ่าย
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณหนึ่ง” วิกานดาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจปนไม่พอใจเล็กน้อย เขามากับหล่อนแต่กลับมองตามพนักงานสาวน้อยคนนั้นตาละห้อยโดยไม่คิดเกรงใจกันเลยสักนิด
ภพธรรู้ตัวจึงหันกลับมาทางคนถามและยิ้มให้เจ้าหล่อนเล็กน้อย
“ไม่มีอะไร” เขาตอบปัด ทำให้วิกานดาเม้มปากก่อนคลายออกอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“วินึกว่าคุณเจอคนรู้จักเสียอีก” เปรยขณะเลื่อนจานข้าวมาตรงหน้า “ขอบคุณมากนะคะที่แวะมารับวิ”
ริมฝีปากได้รูปของคนตัวโตยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนตักอาหารใส่จานของตน
“ไม่เป็นไรครับ ทางผ่านอยู่แล้ว” เขาตอบตามตรง แต่กลับทำให้สาวสวยไม่พอใจนัก ถ้าไม่ใช่ทางผ่าน เขาจะไม่มาใช่หรือไม่...