๑ ฤทธิ์สุรา

1465 Words
๑ ฤทธิ์สุรา ฟ้าครึ้มได้ไม่นาน ฝนก็พรำลงมา ร่างอ้อนแอ้นในชุดเสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงขายาวเดินแกมวิ่งกลับเข้าห้องพร้อมกับเสื้อผ้าที่ตากเอาไว้ เด็กสาวหันไปมองแม่ใหญ่ของตนพร้อมกับวางเสื้อผ้าลงบนพื้นห้อง “ฮัดเช้ย!” นางเรียมจามออกมา พร้อมอาการปวดหัวตุบๆ “เป็นไงบ้างแม่ใหญ่ ยังปวดหัวอยู่อีกเหรอ” สาวน้อยเอ่ยถามแม่ใหญ่ ขณะที่อีกฝ่ายมีสีหน้าอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด “ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดหัวนิดๆ” นางเรียมเปรย น้ำเสียงเริ่มเปลี่ยน “เดี๋ยวนี้อากาศมันแปลกๆ นะว่าไหม เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวก็ฝนตก” ตอบพลางนั่งลงบนพื้นช่วยหลานสาวพับผ้า เด็กสาวหันมองออกนอกหน้าต่างพลางตอบ “ดูท่าจะตกเยอะด้วยนะแม่ใหญ่” บอกแล้วหันมามองแม่ใหญ่ด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง จะออกไปหาหมอตอนนี้คงไม่ได้แน่ “เดี๋ยวแม่ใหญ่กินยาแก้แพ้ก่อนนอนด้วยนะจ๊ะ” คนที่ช่วยหลานสาวพับผ้ายิ้มอ่อน “อืม แม่ใหญ่เตรียมเอาไว้แล้ว” นางเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง “ตอนออกไปเก็บผ้าเห็นพวกคุณๆ เขาบ้างไหม” นางเรียมหมายถึงภพธรและเพื่อนๆ ที่นั่งกินนั่งดื่มอยู่บริเวณลานหน้าบ้าน “เห็นจ้ะ แต่พวกเขาย้ายข้าวของขึ้นไปอยู่ที่ระเบียงแล้ว ตอนแรกหนูกับน้าแสงจะไปช่วย แต่คุณหนึ่งบอกว่าพวกเขากับเพื่อนๆ ทำกันเองได้ ให้หนูกับน้าแสงเข้านอนได้เลย ไม่ต้องห่วงจ้ะ” นางเรียมพยักหน้ารับรู้ แม้จะเป็นเจ้านายแต่ ภพธรไม่เคยทำตัวข่มพวกตนซึ่งเป็นเพียงลูกจ้าง ส่วนคุณนายงามตาแม้จะดูไว้ตัว แต่ก็ไม่เคยมาก้าวก่ายหรือสุงสิงกับพวกตนมากนัก ทั้งยังมีน้ำใจหยิบยื่นสิ่งของเงินทองให้อยู่บ่อยครั้ง รวมถึงส่งเสียกอหญ้าให้ได้ร่ำเรียนตั้งแต่นางพามาอยู่ด้วยกันที่นี่ “คุณหนึ่งแกก็ดีมีน้ำใจแบบนี้เสมอ ถือว่าคุณนายมีบุญเยอะ มีลูกชายคนเดียวก็ได้ดั่งใจนึก” นางเรียมเปรยไปตามเรื่องตามราว ส่วนเด็กสาวยกตะกร้าผ้านำไปใส่เอาไว้ในตู้ด้านล่าง จากนั้นอีกพักใหญ่สองยายหลานก็พากันเข้านอน ประมาณห้าทุ่มครึ่ง เสียงลมพัดตึงตัง หอบเอาฝนเม็ดโตเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา กอหญ้าสะดุ้งตื่นแล้วหันไปมองแม่ใหญ่ที่นอนหลับอยู่ข้างๆ จึงยื่นมือไปอังที่หน้าผาก ตัวท่านรุมๆ เด็กสาวจึงลุกจากเตียงนอน เนื่องจากห้องน้ำอยู่ด้านนอกจึงต้องหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินออกไปนอกห้อง ระหว่างที่กำลังจะเข้าห้องน้ำก็มีเสียงไอดังออกมาจากในครัว เสียงคุ้นหูนัก พอเสียงนั้นดังออกมาอีกครั้งเด็กสาวก็จำได้ทันที “คุณหนึ่งเหรอ ยังไม่นอนอีกหรือไง” เด็กสาวพึมพำด้วยความแปลกใจ จึงเดินเข้าไปในครัว คนตัวโตร่างสูงยืนหันหลังให้ เขาก้มอยู่ที่อ่างน้ำไหลซู่อยู่ครู่หนึ่งจึงปิด พร้อมกับร่างสูงที่โงนเงนเบาๆ คล้ายกับจะเซไปอีกทาง กอหญ้าเห็นดังนั้นก็รีบปราดเข้าไปพยุงเขาด้วยความตกใจ “ระวังค่ะคุณหนึ่ง!” ภพธรชะงักลงเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงพร้อมกับสัมผัสของอีกฝ่ายที่ตะครุบเขาเข้ามาทันควัน “ใคร” ภายในครัวนั้นเลือนราง แต่ที่พอมองเห็นนั้นเป็นเพราะได้แสงไฟจากด้านนอกสาดส่องเข้ามา เด็กสาวถอนหายใจยาว เขาก็เหลือเกิน ทำไมถึงไม่เปิดไฟนะ คิดแล้วก็นิ่วหน้าพลางย่นจมูก เหม็นกลิ่นเหล้า... “หญ้าเองค่ะคุณหนึ่ง คุณหนึ่งเดินไหวไหมคะ” คนที่มึนๆ งงๆ สติเหลือน้อยนิดสูดกลิ่นหอมนวลเข้าปอด เสียงหวานฉ่ำที่ดังขึ้นคล้ายดนตรีขับกล่อมให้เขานอนหลับสบาย “ฮือ หิวน้ำ” เขาบอก ลมหายใจพร่าหนัก เด็กสาวได้ยินดังนั้นก็หันรีหันขวางแล้วพยายามพยุงคนตัวโตที่หนักอึ้งเพราะเขาดันทิ้งน้ำหนักเอนมาทางหล่อนจนเกือบหมด “คุณหนึ่งนั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวหญ้ารินน้ำให้ค่ะ” “อือ” ภพธรตอบรับในลำคอ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ ทำท่าจะตกเก้าอี้แต่เด็กสาวก็คว้าไว้ได้ทัน “ว้าย! คุณหนึ่ง” สาวน้อยใจหายใจคว่ำ “นั่งดีๆ สิคะ” เสียงหัวเราะเบาๆ ดังออกมาจากคนเมาแอ๋ตรงหน้าทำให้เด็กสาวเผลอค้อนขวับ ดีที่ค่อนข้างมืดเขาจึงไม่เห็น แต่ถึงเห็นก็คงจะไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำไปว่าหล่อนทำหน้าแบบไหนใส่เขา ครู่ต่อมา แก้วน้ำก็จ่อที่ริมฝีปากหยักลึกได้รูป “ดื่มน้ำค่ะคุณหนึ่ง น้ำ” ภพธรเงยหน้ามองเจ้าของเสียง คืนนี้เหล้ายาปลาปิ้งมากมาย มีทั้งของเทศและของไทย แต่ละอย่างล้วนแรงๆ ทั้งนั้นและด้วยความที่จัดหนักกว่าที่เคย ทำให้คืนนี้เขารู้สึกโหวงๆ ลอยๆ จนนัยน์ตาพร่าเบลอไปหมด มิหนำซ้ำยังร้อนผ่าวๆ แต่เดี๋ยวเดียวก็หนาวคล้ายจะเป็นไข้ “น้ำอะไร” สาวน้อยขมวดคิ้ว ก่อนจะถอนหายใจยาว นี่เขาละเมอหรือเปล่า “ก็น้ำเปล่าไงคะ เมื่อกี้คุณหนึ่งบอกหิวน้ำ” คนที่เบิกตาแทบไม่ไหวเลิกคิ้วขึ้นพลางทำเสียงรับรู้ที่เบาหวิวออกมาว่า “อ้อ” สาวน้อยถอนหายใจยาว ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ จึงรีบป้อนน้ำให้เขาเพื่อที่จะได้พาอีกฝ่ายไปส่ง แล้วหล่อนก็จะได้กลับห้องไปดูแลแม่ใหญ่เสียที แต่ไม่รู้ว่าจะนอนลงไหม เพราะป่านนี้กลิ่นเหล้าของเขาคงจะติดตัวหล่อนมาแน่ๆ แล้ว “ค่อยๆ ค่ะ” สิ้นเสียงหวานๆ อีกฝ่ายก็ทำน้ำหก กอหญ้ารีบดึงแก้วออกแล้วหันไปดึงกระดาษทิชชูที่อยู่บนโต๊ะมาเช็ดริมฝีปากให้เขา ระหว่างนั้น ใบหน้าของชายหนุ่มก็เอนมาเกือบชนดวงหน้าของหล่อน ทำให้สาวน้อยใจกระตุก รีบดึงหน้าตัวเองผละห่างด้วยอาการร้อนผ่าวที่นวลแก้ม “เอ่อ กลับห้องไหวไหมคะคุณหนึ่ง” คุณหนึ่งของหล่อนนั่งนิ่ง แถมตายังปิดลงทั้งที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ และเชื่อได้เลยว่าหากหล่อนไม่ประคองเขาเอาไว้คงล้มกลิ้งลงไปนอนกับพื้นแล้วอย่างแน่นอน เด็กสาวมองไม่เห็นใครที่พอจะให้ขอความช่วยเหลือได้เลย เพราะน้าแสงก็อยู่ไกลออกไปอีกด้านหนึ่ง ป่านนี้คงจะหลับกันหมดแล้ว ส่วนพี่เอี้ยงกับพี่เนตรก็ยังไม่กลับมา เห็นทีหล่อนคงต้องรับศึกหนักเสียแล้ว “คุณหนึ่ง ยืนก่อนค่ะ หญ้าจะพาไปส่งที่ห้อง คุณหนึ่งคะ” ลมหายใจจางๆ แต่ร้อนผ่าวนั้นมีกลิ่นแอลกอฮอล์ปะปนออกมาด้วย เขาทำเสียงบางอย่างในลำคอแต่หล่อนฟังไม่ถนัด จึงเขย่าเขาแรงขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ตัว “คุณหนึ่งคะ ลุกขึ้นสิคะ ถ้าไม่ลุกขึ้นหญ้าจะทิ้งคุณหนึ่งให้นอนในครัวจริงๆ ด้วยนะ เฮ้อ” พูดจบก็ถอนหายใจเฮือก ก็เขาตัวโตออกปานนั้น ใครจะไปประคองไหว แล้วหล่อนกับเขาก็เหมือนไม้ซีกกับไม้ซุง อย่าว่าแต่ประคองเลย ต่อให้ลากก็คงทุลักทุเลดูไม่จืดเลยเชียว “อือ อะไร” เสียงเขาตอบกลับมาเบาๆ ซ้ำยังงัวเงียฟังแทบไม่รู้เรื่อง “ลุกขึ้นค่ะ กลับห้อง” คนครึ่งหลับครึ่งตื่นได้ยินเสียงหวานแว่วๆ เสียงนั้นคุ้นหูภพธรนัก เขาพยายามเบิกตามองแต่ยากยิ่ง จึงถอนหายใจยาว พลางคิดว่าใครมาจับเขานั่งแบบนี้วะ ง่วงชิบเป๋ง นอนเลยได้ไหม... “ง่วงนอน” เขาพึมพำออกมาอีก แต่ไม่ยอมลุกขึ้น สาวน้อยจึงหมดความอดทน หยิกลงไปบนท่อนแขนเขาแรงๆ ทีหนึ่ง คราวนี้ได้ผล ชายหนุ่มสะดุ้งพร้อมส่งเสียงสบถ “ห่าอะไรวะ” กอหญ้าเกือบหลุดเสียงหัวเราะ นึกสมน้ำหน้าอีกฝ่าย “มดกัดมั้งคะ คุณหนึ่งขา ลุกค่ะ หญ้าจะได้กลับห้องเสียที” เสียงเบาๆ ที่ดังเหมือนกระซิบบอกว่าอยากกลับห้อง เขาก็นิ่งคิด แล้วนึกได้ว่าเขาก็อยากกลับเหมือนกัน จึงลุกขึ้นพรวดพราดจนเด็กสาวตะครุบเอาไว้แทบไม่ทันเพราะอีกฝ่ายเซไปอีกทางจนเกือบล้ม “คุณหนึ่ง!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD