บทนำ

1970 Words
บทนำ “หญ้าเอ๊ย หญ้า มาหาแม่ใหญ่หน่อยเร็ว” เสียงของแม่ใหญ่เรียกหาหลานสาวตัวน้อยนามว่ากอหญ้า เด็กสาววัยสิบเจ็ดปีเศษซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก “มาแล้วจ้า” เด็กสาวที่ยังอยู่ในชุดนักเรียนเพราะเพิ่งกลับมาถึงบ้านหยกๆ เดินแกมวิ่งเข้าไปหาแม่ใหญ่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสสมวัย นางเรียมเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้หลานสาวตัวบางที่นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามภายในห้องครัว “มาช่วยแม่ใหญ่ทำกับข้าวก่อน เสร็จแล้วค่อยกลับไป ทำการบ้าน พอดีว่าวันนี้คุณหนึ่งเพิ่งกลับลงมาจากดอย คุณนายเลยสั่งให้แม่ใหญ่เตรียมทำกับข้าวเอาไว้รอ” กอหญ้ายิ้มหวานพานคิดถึงลูกชายคนเดียวของคุณนายงามตา ภพธรหรือคุณหนึ่ง เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเศรษฐีนีม่ายในจังหวัดตาก อาชีพหลักนั้นคือค้าขาย นับตั้งแต่อัญมณีมูลค่าสูงไปจนถึงของฝากนักท่องเที่ยวมูลค่าหลักสิบ มีชื่อเสียงเก่าแก่มาเนิ่นนาน เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น กระทั่งมาถึงรุ่นของคุณนายงามตาซึ่งมีลูกชายเพียงคนเดียว ภพธรจึงเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาผลักดันและดูแลธุรกิจให้เจริญเติบโตยิ่งขึ้น นอกจากจะมีหน้าร้านหลายแห่งภายในจังหวัดแล้ว เขายังเปิดตลาดออนไลน์ควบคู่กันไปอีกด้วย ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาเป็นเงินทุนหมุนเวียนอย่างมหาศาล เรียกได้ว่าเวลานี้คงไม่มีใครเนื้อหอมเกินหน้าเกินตาลูกชายของคุณนายงามตาอีกแล้ว ทว่า...คุณนายเองก็มีคนที่หมายตาเอาไว้ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแล้วเช่นเดียวกัน และแน่นอนว่าต้องมีฐานะหน้าตาทัดเทียม เพื่อช่วยส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป ภพธรเองก็ไม่เคยทำให้คุณนายผิดหวัง เขาได้ดั่งใจเสมอ เสียอยู่อย่างเดียว ยังไม่ยอมใจอ่อนแต่งงานมีหลานให้ท่านเสียที ปีนี้ภพธรอายุยี่สิบแปดปีเข้าไปแล้ว แต่เขายังคงสนุกสนานกับงาน พอมีเวลาว่างก็มักจะออกไปเที่ยวกับกลุ่มแก๊งเพื่อนๆ ของเขา บ้างก็ขับโฟร์วีลคู่ใจไป บ้างก็มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่มีอยู่สองสามรุ่นจอดอยู่ในโรงจอดรถ หายไปครั้งละนานๆ กลับมาทีบางครั้งก็แทบจำไม่ได้ แต่เขาไม่ได้ไปเที่ยวสนุกสนานเพียงอย่างเดียว ทว่าไปช่วยเหลือด้วย นำสิ่งของเอาไปให้เด็กๆ ชาวเขาชาวดอย หรือแม้แต่บนพื้นราบที่ยังขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค ชายหนุ่มและเพื่อนๆ ทำเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ภพธรขับรถขึ้นเขาไปตั้งแคมป์กับเพื่อนๆ บนดอยได้เกือบสิบวันแล้ว ขนเอาข้าวของเครื่องใช้ของกินไปเต็มคันรถ เพิ่งจะกลับมาก็วันนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่เคยเสียงานเสียการเลยสักครั้งเดียว เพราะถึงตัวไม่อยู่ แต่ยังสั่งการลงมาเป็นระยะ... สำหรับเรื่องผู้หญิง ก็แทบจะไม่มีให้เห็น นานๆ ครั้งจะได้ยินเข้าหูแว่วๆ สักที เรียกว่าเขาเป็นคนหน้าตาดีที่ยังไม่มีแฟน ก็ไม่รู้ว่าเป็นพวกนิยมชมชอบเพศเดียวกันหรือไม่ แต่สำหรับกอหญ้าเรื่องรสนิยมคือเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจอะไร ความรักไม่ว่าจะเพศไหนคือสิ่งสวยงามเสมอ แต่คุณนายงามตานี่สิ จะรับได้แค่ไหนกัน “คราวนี้มากันกี่คนจ๊ะ มีสาวๆ มาด้วยหรือเปล่า” กอหญ้าเอ่ยถามอย่างนึกสนใจ เพราะเมื่อราวๆ สามเดือนก่อน ภพธรพาเพื่อนทั้งหญิงและชายมาพักที่บ้าน เพื่อนสาวๆ ของเขาคนหนึ่งเรื่องมากอย่างที่สุด ใช้กอหญ้าจนหัวหมุน ประสาทแทบเสียไปคราวหนึ่งแล้ว ก็ไม่รู้ว่าคนที่สำรวยสำอางแบบนั้นหลงมาคบหากับกลุ่มของภพธรที่โคตรลุยได้อย่างไรกัน “ไม่รู้สิ แม่ใหญ่ยังไม่เจอหน้าพวกคุณๆ เขาเลย ไม่ได้ยินเสียงรถ น่าจะยังมาไม่ถึงนะ” สาวน้อยนิ่งเงียบไปอึดใจ ก่อนจะชะเง้อออกไปข้างนอกเพราะได้ยินเสียงรถกระบะขับเข้ามาดังกระหึ่ม จึงผุดลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปยังหน้าต่างห้องครัว พูดยังไม่ทันขาดคำพวกเขาก็มากันพอดี กระบะโฟร์วีลนับสิบคันขับเคลื่อนเข้ามาจอดภายในบริเวณลานกว้างที่หน้าบ้าน แต่ละคันจัดว่าสวยเด็ดแต่เวลาเดียวกันก็มอมแมมได้ใจ พวกเขาทยอยก้าวลงมาจากในรถ มีทั้งหญิงและชายปะปนกัน ส่งเสียงคุยกันดังเจี๊ยวจ๊าว ท่าทางสนุกสนานไม่น้อย กอหญ้าถอยออกมานั่งที่เดิม พลางถอนหายใจฟู่ ทำให้นางเรียมต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างนึกแปลกใจ “เป็นอะไรฮึ” สาวน้อยยิ้มเมื่อยๆ ให้แม่ใหญ่ “มากันเยอะเลยแม่ใหญ่ งานนี้เราสองคนรับศึกหนักอีกตามเคย แล้วพี่เอี้ยงกับพี่เนตรล่ะ ยังไม่กลับมาอีกเหรอ คนเยอะแยะขนาดนี้เราจะทำทันกันไหม” สาวน้อยเปรยด้วยความกังวล พี่เอี้ยงกับพี่เนตรเป็นลูกมือของแม่ใหญ่ แต่ถูกดึงตัวออกไปขายของหน้าร้านในตัวเมืองได้สักอาทิตย์หนึ่งแล้ว เพราะพนักงานลาออกไปสองคน ทำให้ต้องหาคนไปทำแทนก่อนรับคนใหม่ “ก็จนกว่าร้านจะมีพนักงานใหม่มานั่นแหละ เอ้า รีบๆ ทำเข้า เดี๋ยวไม่ทันขึ้นมาจริงๆ จะถูกคุณนายเอ็ดเอาได้” จากนั้นสองยายหลานก็เร่งมือทำอาหารคาวหวานรวมไปถึงกับแกล้มให้กับหนุ่มสาวด้านนอกกันมือระวิง แต่สิ่งอื่นใดสาวน้อยจำต้องรีบหาน้ำหาท่าออกไปต้อนรับคนเหล่านั้นเป็นการด่วน พอดีกับที่น้าแสงภรรยาของน้าช่วงซึ่งเป็นคนงานดูแลสวนด้วยกันทั้งคู่เดินเข้ามาด้วยท่าทีเร่งร้อน “อ้าวน้าแสง มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” กอหญ้าหันไปมองอีกฝ่ายที่เวลานี้อยู่ในชุดอยู่บ้านต่างจากทุกวัน “ก็คุณนายน่ะสิ ให้คนไปตามน้ามาช่วยเอ็งกับแม่ใหญ่ในครัว ดูสิ อยู่ตั้งนานก็ไม่บอก เพิ่งจะมาบอกตะกี้ แม่ใหญ่กับเจ้าหญ้าทำกันเหนื่อยเลยใช่ไหม” หันไปถามนางเรียม ฝ่ายนั้นยิ้มกว้างพลางบอก “พอตัวว่ะ เอ็งมาก็ดี ช่วยเจ้าหญ้ามันยกน้ำยกท่าไปให้พวกคุณๆ ข้างนอกกันก่อนเถอะ” “ได้สิ มาเถอะหญ้า น้าช่วย” ว่าแล้วก็รีบกุลีกุจอช่วยเด็กสาวยกถาดน้ำออกไปด้านนอก เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขรมเมื่อกอหญ้าและน้าแสงประคองถาดเครื่องดื่มออกไป แต่เมื่อทั้งคู่เดินไปถึง เสียงพูดเสียงหัวเราะก็ลดลง สายตาหลายคู่เวียนมาจบลงที่เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม เรือนร่างอ้อนแอ้นในชุดนักเรียน ถักผมเปียไว้ด้านหลัง เมื่อสาวน้อยวางถาดเครื่องดื่มแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปยังด้านใน เสียงพูดคุยก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเรื่องของสาวน้อยที่เพิ่งหายลับไปทางช่องประตู “เด็กนั่นน้องสาวมึงหรือเปล่าวะหนึ่ง” คนที่เพิ่งเคยมีโอกาสมาบ้านของภพธรเป็นครั้งแรกเอ่ยถามด้วยความสนใจ ทำให้ชายหนุ่มหันมองตามสายตาของเพื่อนก่อนจะนิ่วหน้าเบาๆ แล้วหัวเราะหึๆ ในลำคอ “นั่นหลานสาวแม่บ้าน กูลูกคนเดียวมึงลืมได้ไงวะไอ้มาร์ค” มาร์คคือหนุ่มหล่อลูกครึ่งไทยอเมริกัน รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลายังคงมองเข้าไปทางช่องประตูด้วยความสนใจไม่เลิก “เฮ้ยๆ น้องเขายังเด็ก มึงมานี่เลย มากินเหล้า” ภาณุเหนี่ยวไหล่อีกฝ่ายให้หันไปสนใจพวกตน มาร์คจำต้องละความสนใจในตัวของสาวน้อยกลับไปยังกลุ่มเพื่อน ขณะที่ภพธรส่ายหัว แต่ไม่วายปรายตามองไปทางที่กอหญ้าเดินหายไปอีกครั้ง “หนึ่งคะ คุณแม่ไม่อยู่เหรอคะ” ธิสาเดินเข้าไปกอดแขนอีกฝ่าย ทำให้เพื่อนๆ ที่จับตามองส่งเสียงแซวกันเกรียวกราว แต่หญิงสาวหาได้สนใจไม่ ตรงกันข้ามกลับยิ้มกริ่ม ซ้ำยังกอดแขนชายหนุ่มเจ้าของบ้านแน่นขึ้นไปอีก ส่วนคนถูกกอดถอนหายใจยาวอย่างเดียว “อยู่ข้างบนน่ะ ท่านไม่ค่อยชอบคนเยอะๆ บอกว่าตาลาย ให้พวกเราสนุกให้เต็มที่แต่ท่านต้องขอตัว” หญิงสาวทำเสียงรับรู้ในลำคอ ก่อนจะรั้งเขาให้เดินตามไปยังกลุ่มเพื่อน “มึงวางแผนทริปหน้าเอาไว้หรือยังวะหนึ่ง คราวหน้าไปดอยลูกไหนดี” ชัชเอ่ยถามพลางยกกระป๋องเบียร์ขึ้นกระดก ดวงตาสีเข้มเหลือบตามองสาวสวยที่เกาะแขนเพื่อนของเขาแจ แววตาวาววามยามหลุบมองร่องอกที่เบียดชิดอยู่กับต้นแขนของภพธร “ยังว่ะ น่าจะทิ้งช่วงนานหน่อย พักหลังแม่กูเจ็บออดๆ แอดๆ จะทิ้งไปคราวละนานๆ คงไม่ได้ เป็นห่วง นี่ก็บ่นเวียนหัวเลยไม่ได้ลงมาทักทายพวกมึง” คนฟังพยักหน้ารับรู้ แต่นึกเสียดายอยู่ไม่น้อย จากนั้นเสียงของเพื่อนๆ ก็คึกคักขึ้นมาอีก ต่างพูดคุยกันสัพเพเหระ อีกสักพักใหญ่ อาหารและกับแกล้มก็ถูกลำเลียงออกมาโดยกอหญ้าและน้าแสง คราวนี้เด็กสาวเปลี่ยนชุดเรียบร้อยเป็นเสื้อยืดกางเกงวอร์มขายาว ผมยาวดำขลับที่เคยถักเป็นเปียถูกมัดเอาไว้ด้านหลัง ค่อยๆ ลำเลียงทั้งกุ้ง หอย ปู ปลาสดๆ มาเสิร์ฟ พอถูกวางลงบนโต๊ะก็มีคนหยิบไปวางลงบนเตาในทันที ซึ่งก็เป็นพวกเขานั่นแหละที่ช่วยกัน “ขอบใจจ้ะ” ใครบางคนเอ่ยขอบใจเด็กสาวพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม กอหญ้ายิ้มตอบไปตามมารยาท “กินด้วยกันไหมครับ เดี๋ยวพี่ย่างเผื่อ” ชายหนุ่มคนนั้นยังคงชวนหล่อนคุย สายตาไม่คลาดไปจากดวงหน้าหวานแฉล้ม เด็กสาวยิ้มเจื่อนพลางส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ เชิญคุณตามสบายนะคะ หญ้าต้องเข้าข้างในแล้ว” พูดจบ เด็กสาวก็หมุนตัวเดินกลับเข้าด้านใน โดยมีสายตาของภพธรมองตามไปอย่างครุ่นคิด “ไงมึง คิดเต๊าะเด็กงะ” ใครอีกคนเดินมาแขวะ ทำให้คนที่ลงมือย่างกุ้ง หอย ปู ปลาเงยหน้ายิ้ม “ก็เด็กมันน่าเต๊าะ หรือมึงว่าไง” คนเปิดประเด็นไหวไหล่ หันไปมองเจ้าของบ้านที่มือหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง อีกมือถือกระป๋องเบียร์ยืนคุยกับเพื่อนๆ อยู่ไม่ไกลนัก “มึงถามไอ้หนึ่งก่อนไหม ว่ามันอนุญาตหรือเปล่า” คนถูกท้วงติงขมวดคิ้วหันไปมองภพธรที่สบตาตนพอดี “ไงวะหนึ่ง ถ้ากูจะจีบน้องเค้ามึงจะถีบกูไหมเนี่ย” สิ้นเสียงของมือย่างเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ก็ดังครืน ภพธรกระตุกยิ้มเบาๆ พลางไหวไหล่ “เรื่องของมึง...” เขาทำเสียงไม่ยี่หระแล้วหันไปสนใจกับเรื่องที่คุยค้างอีกครั้ง แต่จะว่าไปแล้วเขาก็ใจแกว่งๆ ไปเหมือนกันเมื่อเห็นสายตาของไอ้พวกเจ้าชู้กลัดมันพวกนี้กำลังจ้องมองตามเด็กสาว ไม่ใช่อะไร ก็แค่เป็นห่วง เมื่อหล่อนเป็นเด็กในบ้าน เขาก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา แค่นั้นเองจริงๆ “เห็นปะ ไอ้หนึ่งมันไม่ว่า” หันไปยักคิ้วหลิ่วตากับเพื่อน ฝ่ายนั้นเลยหัวเราะหึๆ แล้วกระดกเบียร์ลงคอ ทว่า ‘ไอ้หนึ่ง’ ของเพื่อนๆ ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับมุมปากกระตุก นึกไม่พอใจเพื่อนอยู่ลึกๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD