อมีเลีย :
คุณจะอธิบายให้เด็กวัยรุ่นสองคนที่กำลังจะโตเต็มวัยเข้าใจได้อย่างไร ว่าพ่อของพวกเขาได้ทิ้งครอบครัวไปเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงคนอื่น ทั้งที่หัวใจของคุณเองยังไม่ทันทำความเข้าใจเรื่องนี้ได้เลย?
คืนนั้น เมื่อฉันกลับถึงบ้าน ฉันเริ่มทำลายทุกอย่างที่ฉันเตรียมไว้สำหรับการฉลองครบรอบแต่งงาน จานชาม "ล้ำค่า" ที่แม่ของฮวน หลุยส์ให้มาเมื่อหลายปีก่อนถูกขว้างลงพื้นแตกกระจาย ฉันไม่สนใจว่ามันจะเป็นของมีค่าหรือไม่ เพราะสำหรับฉันแล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรต่อความเคารพใด ๆ เธอไม่เคยมองว่าฉันเป็นภรรยาของลูกชาย แต่กลับยินดีต้อนรับผู้หญิงอีกคนที่เป็นชู้รักของเขา
คนโง่ในเรื่องนี้มีแค่ฉันคนเดียว ตอนนี้ฉันเพิ่งจะตาสว่างว่า การกลับบ้านดึกดื่นบ่อยครั้งของเขาเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น หรือเวลาที่เขาออกจากบ้านไปโดยไม่บอกว่าจะไปไหน ก็เพื่อเอาใจเธอ ฉันช่างโง่และไว้ใจเขามากเกินไป ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะตกหลุมรักใครคนอื่น เพราะตลอดเวลาฉันมีสายตาไว้เพียงเขาและลูก ๆ เท่านั้น
ฉันตัดสินใจโทรหาแม่ ขอร้องให้เธออย่าเพิ่งพาเด็ก ๆ กลับมาบ้าน
"แม่คะ?" ฉันพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด แต่คงยากที่แม่จะไม่สังเกตเห็นอะไรบางอย่างในน้ำเสียงของฉัน ฉันยังไม่พร้อมจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ไม่ใช่ตอนนี้ และไม่รู้ว่าจะพร้อมเมื่อไหร่
"ว่าไงจ๊ะลูก? ฉลองวันครบรอบสนุกไหม?... แต่เสียงลูกฟังดูเหมือนจะไม่สบายเลยนะ"
ถ้าแม่รู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไร คงไม่มีทางพูดเล่นแบบนี้แน่ แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของแม่ที่ฉันกำลังไม่มีความสุข
"ไม่หรอกค่ะ แม่ หนูอาจจะเป็นหวัดนิดหน่อย ยังไงช่วยให้เด็ก ๆ อยู่ที่บ้านแม่ต่ออีกวันนะคะ พรุ่งนี้หนูจะไปรับพวกเขาเอง หรือถ้าไม่สะดวกแม่ค่อยพามาส่งก็ได้ค่ะ" ฉันต้องรีบจบการสนทนา เพราะแม่เป็นคนที่รู้ใจฉันดีเกินไป และเธอคงสัมผัสได้ว่าฉันกำลังปิดบังอะไรบางอย่าง
"อมีเลีย ฟูเอนเตส มีอะไรผิดปกติใช่ไหม ลูกแค่ไม่อยากบอกแม่ ใช่ไหม?"
คำพูดของแม่เหมือนสวิตช์ที่เปิดน้ำตาให้ไหลพรั่งพรูออกมา เสียงสะอื้นและความเจ็บปวดในใจที่กักเก็บไว้พลุ่งพล่านจนฉันไม่สามารถห้ามมันได้
"ทะเลาะกับฮวน หลุยส์หรือเปล่า?"
"ได้โปรดเถอะค่ะแม่ หนูยังไม่พร้อมจะพูดเรื่องนี้ อย่าถามอะไรอีกเลยนะคะ เมื่อไหร่ที่หนูพร้อม หนูจะเล่าให้ฟังเอง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้"
เสียงสะอื้นทำให้คำพูดของฉันแทบไม่เป็นประโยค ฉันรู้ดีว่ากำลังทำให้แม่ตกใจ แต่ฉันพูดมันออกมาไม่ได้ ความเจ็บปวดในหัวใจมันรุนแรงจนฉันคิดว่าหัวใจอาจหยุดเต้นได้ในสักวินาที
"ไม่เป็นไรจ้ะลูก แม่จะไม่กดดันลูก เมื่อไหร่ที่ลูกพร้อม แม่จะอยู่ตรงนี้เสมอ"
ฉันทรุดตัวลงนั่ง แม้จะรู้ว่าตัวเองดูไม่ได้แค่ไหน แต่ฉันไม่อยากให้ใครเห็นฉันในสภาพนี้ เพราะมันจะทำให้พวกเขากังวล โดยเฉพาะพ่อของฉันที่อาจจะตามไปเอาเรื่องฮวน หลุยส์ ซึ่งฉันไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกัน
"ขอบคุณค่ะ แม่ แล้วช่วยอย่าบอกเรื่องนี้กับพ่อหรือลูก ๆ นะคะ"
หลังวางสาย ฉันปล่อยตัวลงนอนบนเตียง ขดตัวเป็นก้อนเล็ก ๆ ราวกับจะปกป้องหัวใจของตัวเอง วันนี้ฉันจะปล่อยความเจ็บปวดทั้งหมดให้ไหลออกมา แต่พรุ่งนี้ฉันต้องลุกขึ้นและเข้มแข็งเพื่อเด็ก ๆ ฉันจะไม่ทำให้พวกเขาต้องเสียใจเพราะเห็นแม่ในสภาพแบบนี้ ทั้งที่พวกเขาเองก็คงต้องเผชิญความเจ็บปวดของตัวเองอยู่แล้ว
ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เป็นกลางวันหรือกลางคืน ความเหนื่อยล้าจากการร้องไห้ทำให้ฉันหลับไปโดยไม่รู้ตัว
"เอมี่ สัญญานะว่าเธอจะรักฉันตลอดไป"
"สัญญาค่ะ"
"เพราะถ้าเธอหยุดรักฉัน ฉันคงตาย และฉันไม่คิดว่าเธออยากรับผิดชอบกับความตายของฉันใช่ไหม? ฉันสัญญาว่าเธอจะเป็นเจ้าของหัวใจของฉันเสมอ"
"บ้าจังเลยค่ะ คุณไม่ควรพูดอะไรแบบนี้หรอก แล้วถ้าวันหนึ่งคุณเจอใครอีกคนและตกหลุมรักล่ะ คุณจะรับผิดชอบหัวใจที่แตกสลายของฉันได้ไหม?"
"ไม่มีวันหรอก เอมี่ ฉันจะไม่มีวันหยุดรักเธอ" เสียงเขาหนักแน่น "ฉันพูดอีกครั้งนะ เธอจะเป็นเจ้าของหัวใจ วิญญาณ และชีวิตของฉันตลอดไป แค่เธอคนเดียวที่รัก"
ฉันสะดุ้งตื่นจากฝัน น้ำตายังคงไหลอาบแก้ม ฉันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน? ไม่ ฉันจะปล่อยให้ตัวเองพ่ายแพ้ไม่ได้ ถ้าเขาเลือกจะเดินหน้าต่อไปกับผู้หญิงคนอื่น ฉันก็จะไม่ปล่อยให้การทรยศของเขามาทำลายฉัน
ฉันรวบรวมแรงที่แทบไม่มี ลุกขึ้นจากเตียงไปอาบน้ำ ฉันต้องลุกขึ้น ต้องแต่งตัว และต้องไปรับลูก ๆ ของฉัน ฉันไม่ใช่คนเดียวที่จะเจ็บปวดจากเรื่องนี้ ฉันต้องคิดถึงพวกเขาด้วย แม้ฮวน หลุยส์จะยังเป็นพ่อของพวกเขา แต่ลูก ๆ เคยชินกับการมีเขาอยู่ใกล้ ๆ ฉันต้องรีบพูดกับพวกเขาให้เร็วที่สุด ก่อนที่แม่ของฮวน หลุยส์จะพูดอะไรตัดหน้าฉัน ฉันรู้ดีว่าเธอคงมีความสุขกับเรื่องนี้ แต่ฉันจะไม่ยอมให้เธอเห็นว่าฉันพ่ายแพ้
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันเลือกใส่เสื้อผ้าที่สบาย ๆ และขับรถไปที่บ้านพ่อแม่ของฉัน พ่อแม่ของฉันต้องเสียใจมากแน่ ๆ เพราะต่างจากพ่อแม่ของฮวน หลุยส์ พวกเขารักเขามาก เขาทำให้พวกเขาเชื่อว่าฉันจะมีความสุขและปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่กับเขา แต่ทุกอย่างก็เป็นแค่คำพูดที่ว่างเปล่า
ฉันหยิบกุญแจรถขึ้นมาแล้วขับออกไปยังบ้านพ่อแม่ เมื่อถึงที่หมาย ฉันจอดรถไว้ แต่ยังไม่ลงไปทันที เพราะฉันต้องคิดให้รอบคอบก่อนว่าจะพูดเรื่องนี้กับลูก ๆ อย่างไรให้มันไม่กระทบใจพวกเขามากเหมือนที่ฉันต้องเผชิญอยู่ ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมความกล้า แล้วเปิดประตูรถออกมา
ฉันไขกุญแจเข้าไปในบ้าน และเห็นว่าทุกคนกำลังนั่งทานอาหารกลางวันกันที่โต๊ะอาหาร
"แม่คะ! แม่คะ!"
ลูก ๆ ของฉันรีบวิ่งเข้ามาหาฉัน พวกเขาสวมกอดฉันอย่างแน่นหนา ความอบอุ่นจากอ้อมแขนเล็ก ๆ ของพวกเขาช่วยปลอบโยนฉันได้บ้าง แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่หัวใจของฉันก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา...อย่างน้อยฉันก็ยังมีพวกเขา
"สวัสดีค่ะลูกรัก ทานอาหารเช้าต่อเถอะนะ"
หลังจากจูบฉันแล้ว ลูก ๆ ก็กลับไปนั่งที่โต๊ะอาหารตามเดิม พ่อของฉันไม่ได้พูดอะไร แต่แม่...แม่ไม่ใช่คนที่จะเก็บความสงสัยไว้ในใจได้ง่าย ๆ เธอเรียกฉันด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน
"อมีเลีย มานี่หน่อยลูก ไปคุยกันในห้องนั่งเล่น"
ฉันลุกขึ้นและเดินตามแม่ไป หัวใจหนักอึ้งเพราะสิ่งที่ต้องบอกเธอนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันสูดลมหายใจลึก ๆ พยายามตั้งสติก่อนพูด เพราะรู้ว่าอีกไม่นานเธอจะเริ่มถาม
"แม่... เมื่อวานนี้หนูเพิ่งรู้ว่า ฮวน หลุยส์ นอกใจหนู" ฉันพูดช้า ๆ เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ "เขามีผู้หญิงอีกคน และแม่ของเขาก็รู้เรื่องนี้มาตลอด"
"พวกเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ โรงพยาบาลโทรมาหาหนูเพราะเขาหมดสติ" ฉันเว้นช่วงเล็กน้อยเพื่อกลั้นน้ำตา "เขาไม่แม้แต่จะปฏิเสธ ทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว เรากำลังจะหย่ากัน และแม่คงเข้าใจว่าสิ่งนี้กำลังฆ่าหนูทั้งเป็น"
ประโยคสุดท้ายของฉันขาดหายไปด้วยเสียงสะอื้น น้ำตาเริ่มไหลอีกครั้ง ความเจ็บปวดบิดเบือนใบหน้าของฉันจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม แม่เข้ามาสวมกอดฉันแน่นเหมือนตอนที่ฉันยังเป็นเด็กเล็ก ๆ มือของเธอลูบผมฉันเบา ๆ ให้ฉันได้ระบายความเศร้าออกมาอย่างเต็มที่
"ลูกแน่ใจแล้วใช่ไหม ว่าชีวิตคู่ครั้งนี้ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว?" เธอถามขณะยังโอบฉันไว้
ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ แม่ถอนหายใจยาวออกมาอย่างหนักหน่วง
"แม่เคยคิดว่าความรักของลูกสองคนจะยืนยาวตลอดไปนะ ตอนที่เขามาคุยกับพวกเราหลังจากลูกตั้งท้อง เขาสัญญากับพ่อแม่ว่าจะรักลูกเสมอ นั่นคือเหตุผลที่เรายอมให้ลูกแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ดูเหมือนคำว่า 'ตลอดไป' ของเขาจะมีวันหมดอายุ"
แม่เว้นช่วง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น "แต่ลูกต้องอย่ายอมแพ้กับชีวิตตัวเองนะ ร้องไห้ให้เต็มที่ แต่เมื่อถึงเวลาที่พอแล้ว จงหยุด ลูกต้องลุกขึ้นมาเพื่อลูก ๆ ของตัวเอง พวกเขาไม่ควรเห็นแม่ที่แตกสลาย ในขณะที่พ่อของเขากำลังมีความสุขกับผู้หญิงคนอื่น อนาคต ลูกจะต้องเป็นแบบอย่างให้ลิลลี่"
แม่พูดถูก ฉันต้องรีบฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด ฉันไม่อยากให้ลูก ๆ ต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้เพราะพ่อของพวกเขา แม่ส่งผ้าเช็ดหน้าให้ฉัน ฉันรับมาแล้วเช็ดน้ำตาออกจากแก้มอย่างช้า ๆ พร้อมกับตั้งใจในใจว่าฉันต้องลุกขึ้นยืนอีกครั้ง...เพื่อพวกเขา
เรากลับออกไปร่วมโต๊ะอาหารกับครอบครัว แต่ฉันทำได้เพียงแค่นั่งจิบกาแฟไปพลาง ๆ เพราะไม่มีอารมณ์จะกินอะไรทั้งสิ้น ฉันนั่งมองลูก ๆ ทานอาหารจนเสร็จ แล้วปล่อยให้พวกเขานั่งพักสบาย ๆ หลังอาหาร เมื่อเวลาล่วงเลยไปถึงช่วงบ่าย ฉันรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องพูดเรื่องสำคัญ
"แม่เป็นหวัดหรือเปล่าคะ? ตาแม่แดงมากเลย"
เสียงเล็ก ๆ ของอันโตนิโอ ลูกชายคนโตของฉันดังขึ้น เขาช่างน่ารักและอบอุ่นเหลือเกิน ฉันมองเขาอย่างเอ็นดู พร้อมคิดในใจว่า เมื่อเขาโตขึ้น เขาคงเป็นหนุ่มที่ทำให้สาว ๆ หลายคนต้องหัวใจละลาย แต่หน้าที่ของฉันในตอนนี้คือการปลูกฝังให้เขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ชายที่ดี ให้เกียรติและเคารพผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของเขา
ส่วนลิลลี่ ลูกสาวคนเล็ก เธอนั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความสังเกตและความเข้าใจ ลิลลี่เป็นเด็กที่รับรู้อารมณ์และสิ่งรอบตัวได้ไวเหลือเกิน ฉันมั่นใจว่าในใจเธอคงรู้แล้วว่ามีบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงในครอบครัวเรา
"ไม่หรอกลูก แม่ไม่ได้เป็นหวัด" ฉันตอบพลางพยายามรักษาน้ำเสียงให้มั่นคง "ความจริงคือ มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น... เป็นเรื่องสำคัญมาก"
ฉันหยุดหายใจลึก ๆ เพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะพูดออกมา
"พ่อกับแม่กำลังจะหย่ากัน"
ใบหน้าของลูก ๆ ซีดลงทันที ฉันเห็นได้ชัดว่าคำพูดของฉันส่งแรงกระแทกที่เจ็บปวดเข้าไปถึงหัวใจของพวกเขา
"แม่พูดจริงเหรอคะ?!" ลิลลี่ลุกขึ้นจากเก้าอี้เหมือนมีสปริงดันเธอขึ้นมา น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความตกใจและไม่อยากเชื่อ
"หน้าของแม่ดูเหมือนคนล้อเล่นหรือเปล่า?" ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอส่ายหน้าช้า ๆ ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนและเศร้าหมอง
"ลูก ๆ โตพอแล้ว แม่จะไม่ปิดบังอะไรทั้งนั้น" ฉันพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "พ่อของลูกพบผู้หญิงอีกคน เขาตัดสินใจจะให้โอกาสเธอคนนั้น และแม่ก็ไม่คิดจะขัดขวางความสุขของเขา"
ฉันหยุดเว้นช่วงเพียงเล็กน้อยเพื่อสูดลมหายใจอีกครั้งก่อนพูดต่อ "แม่กับพ่อแต่งงานกันมา 12 ปี แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะยาวนานตลอดไป ตอนแรกเราอาจคิดแบบนั้น แต่โชคชะตากลับวางเส้นทางอื่นไว้ให้เรา"
ฉันพยายามสะกดกั้นอารมณ์ตัวเองไม่ให้แตกสลายต่อหน้าลูก ๆ "แม่อยากให้ลูกเข้าใจนะ พ่อจะไม่มีวันหยุดเป็นพ่อของลูก เขาแค่จะหยุดเป็นสามีของแม่เท่านั้น เมื่อทุกอย่างเป็นทางการแล้ว เราค่อยมาคุยกันว่าอะไรจะเหมาะสมที่สุดสำหรับลูก ๆ แต่สำหรับตอนนี้ พ่อจะไม่อยู่กับเราอีกต่อไป ลูกเข้าใจไหม?"
น้ำตาที่ฉันพยายามกลั้นไว้มาตลอดไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แววตาของลูก ๆ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดไม่ต่างจากที่ฉันรู้สึก ฉันรู้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อชีวิตของพวกเขามากเพียงใด แต่ในวันหนึ่งข้างหน้า เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน