14 ฉันต้องการให้เรื่องนี้เป็นข่าวดัง!

1393 Words
14 ฉันต้องการให้เรื่องนี้เป็นข่าวดัง! โง่...ซื่อบื่อ... นี่คงเป็นคำนิยายามของผู้หญิงที่ชื่อเมริษา ใช่...เธอโง่เอง โง่ที่เชื่อใจผู้ชายคนนั้นว่าเขารักและมีแค่เธอคนเดียวมาตลอด เชื่อคำพูดลวงๆมานานหลายเดือนพอมารู้ทีหลังว่าเขาไม่ได้ทำแบบนี้กับเธอแค่คนเดียว มันเจ็บนะ เจ็บจนพูดไม่ออก นอนไม่หลับ ทานข้าวไม่ได้ เพราะคิดว่ารักคือสิ่งสวยงามจนลืมคิดไปเลยว่าภายใต้ความสวยงาม...มันอาจมีความอันตรายซ่อนอยู่ ตอนนี้เธอคิดถึงเขาอีกแล้ว ต้องทำยังไงถึงจะลบผู้ชายคนนั้นออกไปจากหัวใจได้ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกันเชียว “เอ่อ…คุณผู้หญิงจะรับอะไรดีคะ” เสียงพนักงานร้านกาแฟเอ่ยถามหลังจากเห็นลูกค้ายืนนิ่งอยู่หน้าร้านด้วยท่าทางเหม่อลอย และไม่ยอมสั่งสักที เสียงของพนักงานดึงสติของเมริษากลับคืนมา “ชาเขียวร้อนหวานน้อยหนึ่งแก้วค่ะ” “ได้ค่ะ ลูกค้ารอสักครู่นะคะ” รอไม่นานแก้วชาเขียวร้อนก็มาอยู่ในมือของเธอ และในจังหวะที่เธอกำลังหันหลังกลับเพื่อไปหาที่นั่งเงียบๆเพียงลำพัง จู่ๆก็มีหญิงสาวรายหนึ่งเดินเข้ามาชนกับร่างของเธอเต็มแรง ทำให้แก้วชาเขียวร้อนๆที่อยู่ในมือหกเลอะเนื้อตัวผู้หญิงคนนั้น “กรี๊ดดด!!! นี่แกเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยหรือไง รู้ไหมว่าชุดนี้ราคาเท่าไหร่” หล่อนหวีดร้องออกมาด้วยความไม่พอใจเมื่อชุดเดรสสีขาวราคาแพงเลอะไปด้วยคราบชาเขียว “ขะ…ขอโทษค่ะ แต่คุณเดินมาชนฉันเองนะคะ” พอเงยหน้าขึ้น คิ้วโก่งของเมริษาก็ขมวดเข้าหากันทันทีเพราะผู้หญิงคนนี้ก็คือคนที่เคยเห็นอยู่ในห้องกับอีริค “นึกว่าใคร ที่แท้นังผู้หญิงตกกระป๋องนี่เอง” หล่อนเบ้ปากใส่เมริษาด้วยความสะใจ “มาหาที่ตรอมใจหรอ” “ไม่เกี่ยวกับเธอ” เมริษาเดินเลี่ยงเพราะไม่อยากมีปัญหากับผู้หญิงของอีริค แค่นี้เธอก็เจ็บเกินทนแล้ว ทำไมต้องมาเจอผู้หญิงคนนี้อีก “นี่เธอจะไปไหน” หล่อนเดินเข้ามากระชากแขนเสื้อของเมริษา “เธอทำชุดฉันเปื้อน จะรับผิดชอบยังไง” “ทำไมต้องรับผิดชอบ ในเมื่อฉันไม่ได้ผิด เธอเดินมาชนฉันเอง” “แล้วฉันจะตั้งใจเดินไปชนเธอทำไม อ้อ! หรือว่าเธอโกรธที่ฉันแย่งผู้ชายของเธอไป” “เรื่องนั้นฉันไม่ได้โกรธหรอก แต่ฉันขอบคุณเธอมากกว่าที่ทำให้ฉันตาสว่าง เธอกับเขาเหมาะสมกันที่สุดแล้ว” “ถ้าไม่เหมาะสมกันจริงๆเขาคงไม่ทิ้งเธอมาหาฉันหรอก” “งั้นฉันก็ดีใจด้วยละกัน ขอให้คบกันนานๆนะ” เมริษาสะบัดหน้าหนีและกำลังจะเดินออกไปจากตรงนี้ก่อนที่เธอจะหมดความอดทน แต่อีกฝ่ายยังไม่หยุดตามรังควาน กระชากคอเสื้อของเธอกลับคืนมา แต่ครั้งนี้เธอไม่ทน สาดชาเขียวร้อนที่เหลืออยู่ประมาณหนึ่งใส่หน้าของหล่อนทันที ซ่าาา!!! “กรี๊ดดด!!!” “อย่ามายุ่งกับฉันอีก” เมริษาขว้างแก้วชาเขียวทิ้งลงตรงหน้า ก่อนที่ร่างของหล่อนจะทรุดลงบนพื้นด้วยความปวดแสบปวดร้อน ไม่รู้ความบ้าดีเดือดอะไรทำให้เธอกล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน “นังบ้า! นี่แกกล้าสาดน้ำร้อนใส่หน้าฉันหรอ ฉันไม่ยอม!!” และดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะไม่จบลงง่ายๆเพราะหล่อนวิ่งตามร่างของเมริษามาติดๆแล้วจิกผม กดศีรษะลง แต่เมริษาที่ตอนนี้ความอดทนได้หมดลง สู้กลับสุดฤทธิ์ “นี่แกกล้าสู้ฉันหรอ” “ก็เรื่องนี้ฉันไม่ได้ผิด ทำไมฉันต้องยอมเธอ” เมริษาจิกผมของอีกฝ่ายคืนแล้วเหวี่ยงไปที่กำแพง ผู้คนในละแวกนั้นแตกตื่น แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามสักคน “แกโกรธใช่ไหมที่ฉันแย่งผู้ชายของแกไป” “ทำไมฉันต้องโกรธที่เสียคนเลวๆแบบนั้นไป เธอต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องรับกรรมต่อ” “ฉันไม่แคร์หรอกนะ ขอแค่ได้ขึ้นเตียงกับเขา ต่อให้ต้องรับกรรม ฉันก็ยอม!” เมริษาทนฟังอีกฝ่ายพรรณาไม่ไหว เหวี่ยงร่างกระแทกกับขอบโต๊ะจนมือที่จิกผมอยู่หลุดออกไป “โอ้ยยย!!!” ร่างของหล่อนทรุดลงไปกองอยู่บนพื้นอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด “ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นแล้ว เชิญเธอสมสู่กับเขาตามสบาย ถือซะว่าฉันทำทาน!” เมริษาที่เริ่มอับอายสายตาผู้คนเพราะเธอไม่ควรมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใคร เพราะเรื่องนี้อาจจะไปรู้ถึงหูบิดาของเธอก็ได้ ดังนั้นต้องรีบออกไปจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด แต่ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้นจากด้านหลัง ร่างหนาของอีริคเดินแหวกผู้คนจำนวนนับสิบเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างหลัง “ไม่น่าเชื่อว่าคุณหนูเมริษาจะใช้กำลังเป็นกับเขาด้วย” “คุณ!” ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงด้วยความรู้สึกประหม่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง “ถือว่าเก่งใช้ได้เลยนะ แต่ขอให้เก่งแบบนี้ตลอดไปก็แล้วกัน” ริมฝีปากของอีริคแสยะยิ้มมุมปาก ไล่สายตาพิจารณาร่างของหญิงสาวที่เข้าไม่ได้นอนกอดตั้งหนึ่งวัน ตั้งแต่หัวจรดเท้า ขอบตาบวมเป่งทั้งสองข้างนั้นคงนอนร้องไห้ทั้งคืนล่ะสิท่า “ขอบคุณที่ชม ทีหลังก็ดูแลผู้หญิงของคุณดีๆก็แล้วกัน อาจจะไม่โชคดีแบบนี้อีกก็ได้” เมริษาพยายามไม่สบตากับอีกฝ่าย ส่วนอีริคเอาแต่ใช้สายตาคมจ้องมองจนเธอเองต้องรีบเบือนหน้าหนี “เอ…แต่ถ้าเรื่องนี้เป็นข่าวขึ้นมา จะเป็นยังไงนะ” “นี่คุณ!” เมริษาหันขวับทันทีด้วยสีหน้าไม่พอใจ “คิดจะทำอะไร” “ลูกสาวคนเล็กของตระกูลวรโชติเมธีมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งในที่สาธารณะ ถ้าเกิดเป็นข่าวขึ้นมา ใครกันนะจะซวย” อีริคกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าถอดสี “ความจริงฉันเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนั้นหรอก แต่ว่าเธอทำร้ายผู้หญิงของฉันก่อน ถ้าเกิดเชอรี่เสียโฉมขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ” “นี่คุณโกรธแค้นอะไรฉันนักหนา ทั้งๆที่คุณเป็นฝ่ายทิ้งฉัน ไล่ฉันออกไปจากชีวิต แต่ทำไมคุณถึงยังตามมาราวีฉันไม่เลิก!” เมริษาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อยากรู้เหลือเกินว่าเธอไปทำอะไรให้เขาโกรธเกลียดขนาดนั้น แค่นี้เธอยังเจ็บไม่พอใจใช่ไหม หรืออยากให้เธอเจ็บปวดจนแทบขาดใจลงตรงนี้ “ใครบอกว่าฉันตามมาราวีเธอ ฉันพาเชอรี่ออกมาเดินเล่นต่างหาก ไม่คิดว่าจะเจอเธอ” “ในเมื่อเราสองคนจบกันแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก” ดวงตากลมโตสบตากับเขาด้วยแววตาแดงก่ำ เธอไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนี้อีก ไม่อยากรับรู้เรื่องเลวๆที่เขาเคยทำ “…ก่อนที่ฉันจะเกลียดคุณไปมากกว่านี้” เธอจ้องมองเขาด้วยแววตาโกรธจัดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ร่างสูงยืนอึ้งไปหลายวินาทีเพราะไม่เคยเห็นสายตาแข็งกระด้างแบบนี้ “หวังว่าเราสองคนคงไม่เจอกันอีกนะคะ” คนตัวเล็กเดินจากไป แต่ทิ้งร่องรอยของความเกลียดชังเอาไว้ เขากระพริบตาปริบๆหยุดใช้ความคิดอยู่แวบหนึ่งกับท่าทีเปลี่ยนไปของเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะเมริษาก็มีส่วนที่ทำให้น้องชายของเขาจากไปเช่นกัน เขารีบยกมือถือโทรหาลูกน้องคนสนิททันที “ส่งคลิปที่เมริษาทำร้ายเชอรี่ไปให้นักข่าวซะ ฉันต้องการให้เรื่องนี้เป็นข่าวดัง!” —————
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD