ภายใต้แสงแฟลชจากมือถือที่สลัว ค่ายยังคงนิ่งเงียบ และแม้เขาจะไม่พูดอะไร แต่ความเงียบนั้นก็ชัดเจนเกินพอ หมวยลี่ไม่ได้คาดหวังคำตอบอยู่แล้ว ทว่ากลับรู้สึกไม่ชอบใจเอาซะเลย
“ลี่รู้ค่ะ ว่าเฮียไม่ต้องการแบบนั้น” ร่างเล็กเอ่ยออกมาทำลายความเงียบที่กัดกินบรรยากาศรอบตัวอยู่พักใหญ่ เธอขยับตัวเบา ๆ บนตักของเขาอย่างจงใจ ก่อนจะตั้งคำถาม “ตอนนี้ ลี่มีสิทธิ์ในตัวเฮียแค่ไหน”
แขนเล็กยกขึ้นคล้องลำคอหนา เธอซุกซนในบางเวลา และค่ายเองก็ตั้งรับไม่เคยทัน แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็จัดการกับความซนของเธอได้ดี
“ทำไม?”
“ตอบสิคะ” ปลายนิ้วเล็กไล้วนแผ่วเบาบนลำคอแกร่ง ทว่าต้องชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงเย็นชาของอีกฝ่ายตอบกลับ
“ไม่มี”
อาการตัวชา เธอมักจะเป็นอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะตอนอยู่กับค่าย และแน่นอนว่า เขาคือต้นเหตุของทุกความรู้สึกนั้น
เขาจำกัดพื้นที่ของเธอเอาไว้ ในอยู่แค่ในขอบเขตของตัวเอง
“เราต้องวินวินกันใช่ไหม ในเมื่อลี่ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเฮียเลย” เธอถอนหายใจแผ่วเบา แม้ภายในจะเจ็บปวด แต่กลับเลือกซ่อนมันไว้ข้างใน ก่อนจะแสดงด้านที่เข้มแข็งออกมาให้เขาเห็น “เฮียก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวลี่เหมือนกัน”
“อ่า” เสียงทุ้มเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะใช้ฝ่ามือบีบเคล้นก้นของเธออย่างแรง “ถ้าฉันขอสิทธิ์นั้นจากเธอ จะปฏิเสธกันใช่ไหม”
“…” ดวงตากลมมองนิ่ง หมวยลี่รู้ดี ว่าตัวเองกำลังจะพ่ายแพ้ให้เขาอีกครั้ง
“ถ้าขอหวง ห้ามยุ่งกับใครที่ไม่ใช่ฉัน เธอจะทำตามที่ขอหรือเปล่า” ปลายจมูกโด่งแตะลงมาสัมผัสผิวบริเวณหลังใบหู พลางลากไล้ไปมา ไอร้อนจากลมหายใจที่เป่ากระทบ ชวนให้หัวใจดวงร้อนวูบวาบ และยิ่งได้ยินคำถามย้ำด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดังกระซิบใกล้ ๆ แบบนั้น ยิ่งทำให้หมวยลี่รู้สึกว่าตัวเองกำลังตกลงไปในหลุมพลางอีกครั้ง “ตอบสิครับเด็กดีของเฮีย”
“อื้อ”
… เธอยอมเขาอีกแล้ว… พ่ายแพ้ให้เขาด้วยความเต็มใจ
เสียงหัวเราะเบา ๆ ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากลำคอเจ้าของตัก เป็นสิ่งตอกย้ำ เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยที่ตัวเองอยู่เหนือกว่าเธอทุกอย่าง
“สนุกมากเลยเหรอคะ”
แววตาของเธอเต็มไปด้วยคำตัดพ้อ มีคำพูดมากมายที่อยากจะถาม แต่หมวยลี่รู้ดีว่าไม่ควรเอ่ยออกไป และเหมือนว่าค่ายจงใจเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน
“ย้ายไปอยู่คอนโด”
“คะ?”
“เธอต้องย้ายไปอยู่คอนโด แบบนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร”
“ไม่ค่ะ เปลืองเงินคุณท่านเปล่า ๆ อีกอย่างลี่จะช่วยงานแม่”
“แม่บ้านมีตั้งกี่คน อย่าต้องให้พูดซ้ำ”
“ลี่ไม่ไป ลี่จะอยู่ที่นี่”
พอถูกขัดใจ แววตาคู่คมก็พลันแข็งกร้าวขึ้นทันควัน ค่ายหงุดหงิดที่เธอดึงดัน ไม่ยอมทำตามความต้องการ เขาที่คิดว่าตัวเองควบคุมเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบจึงไม่ชอบใจนัก
“ฉันจ่ายค่าคอนโดให้”
“ไม่ได้ค่ะ คุณท่านจะสงสัย”
มือหนาบีบแรง ๆ บนก้อนกลมจนร่างเล็กสะดุ้งโหย่ง เธอเกือบร้องออกมา โชคดีที่มีสติรีบกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น
“อย่าขัดใจฉัน”
ร่างเล็กถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเกิดคำถามแล่นวาบเข้ามาในหัว เป็นสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอตอนนี้
“ตอบมาก่อนค่ะ ว่าทำไมหลังจากคืนนั้นเฮียถึงเงียบไป”
“บอกแล้วไงว่างานที่บริษัทยุ่ง อีกอย่างเธอยังเจ็บ”
กลางอกมันร้อนวูบวาบขึ้นราวกับมีประกายไฟสุมใส่เชื้อเพลิงที่มอดดับ ความร้อนผุดขึ้นมากะทันหันหลังได้ยินประโยคที่ชวนให้นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น
ใบหน้าหล่อโน้มมาใกล้อีกครั้ง และตามมาด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบาที่สื่อความต้องการเอาไว้ในถ้อยคำนั้น “หายเจ็บหรือยัง”
“ยัง… ยังไม่หายค่ะ”
“ต้องทำบ่อย ๆ ถึงจะไม่เจ็บ”
“เฮียออกไปได้แล้ว”
มือเล็กผลักแผงอกแกร่งที่จงใจโน้มเข้ามาใกล้ เธอเอนตัวหลบเลี่ยงสัมผัสของปลายจมูกที่ไล้ลงบนซอกคออย่างจงใจ คนถูกห้ามขบกรามแน่น พยายามข่มอารมณ์ที่กำลังปวดหนึบ ก่อนจะยอมผละตัวออกห่าง
มือหนายกเอวบางให้ลุกออกจากตัก ก่อนจะยืนขึ้น แล้วเดินไปทางประตู เปิดออกไปโดยไม่พูดอะไร ในขณะที่ดวงตากลมทอดมองตามแผ่นหลังกว้างเดินหายออกไปอย่างเงียบ ๆ
วันต่อมา เพราะมีเรียนตลอดทั้งวัน กว่าร่างเล็กจะกลับมาถึงคฤหาสน์ก็ค่ำมืดแล้ว
“มีอะไรให้ลี่ช่วยไหมคะ” ทันทีที่มาถึง หมวยลี่ก็ทำเหมือนทุกครั้ง ตรงเข้าไปช่วยแม่ด้วยความเคยชิน
“ลี่ย้ายไปอยู่คอนโดตามที่คุณท่านบอกดีไหมลูก บ้านอยู่ไกลไปมาก็ลำบาก”
หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบที่ได้ยินแม่พูดอย่างนั้น เพราะเมื่อคืนค่ายเองก็เพิ่งบอกเธอ จึงอดคิดไม่ได้เลยว่าเขามาพูดอะไรกับแม่หรือเปล่า
“แต่ถ้าลี่ไป ใครจะช่วยแม่ละคะ”
“โธ่ ทำไมคิดแบบนี้ ตอนนี้ลูกมีโอกาสได้เรียนสูง ๆ อย่ามัวแต่เป็นห่วงแม่นักเลย ห่วงตัวเองบ้าง บางวันต้องตื่นเช้า กว่าจะไปถึงรถก็ติด”
“ลี่อยากอยู่กับแม่”
“แม่อยากให้ลี่เต็มที่กับการเรียน ลูกมีโอกาสในแบบที่แม่ไม่เคยมี อย่ามัวแต่มาช่วยแม่ทำงานสิ เฮ้อ ลูกคนนี้”
หมวยลี่รู้ว่าแม่ห่วง แม่มักจะพูดบ่อย ๆ อยากให้เธอเรียนสูง ๆ มีงานดี ๆ ทำ จะได้ไม่ต้องมาลำบากในยามที่แม่ไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
“ก็ได้ค่ะ” สุดท้ายเธอก็ต้องยอม และคิดว่าเรื่องนี้ค่ายคงมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่จะให้ถามแม่ไปตรง ๆ อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดี “เรื่องคอนโดเอาไว้หลังงานหมั้นพี่ล่ากับพี่เจียร์นะคะ”
“จริงสิ วันมะรืนแล้ว คุณล่าน่ะแม่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ได้เห็นเป็นฝั่งเป็นฝา แม่เองก็พลอยดีใจไปด้วย”
หมวยลี่คลี่ยิ้มบาง เธอรู้ดีว่าแม่ของตัวเองรักและเอ็นดูคุณชายทั้งสามขนาดไหน เพราะเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังตัวเล็ก เห็นมาตั้งแต่แบเบาะทุกคน
“ห่วงแต่คุณค่าย ดูท่าคุณท่านเองจะเป็นห่วงไม่น้อยเลย”
“ลี่ไปล้างจานก่อนนะคะ”
พอได้ยินชื่อนั้น หมวยลี่ก็รีบหาข้ออ้างไปทำอย่างอื่น มันเป็นความกังวลของเธอเอง กลัวจะมีพิรุธ จนเผลอจินตนาการไปว่าหากแม่รู้จะผิดหวังขนาดไหน