หลังออกจากห้องน้ำ ร่างเล็กเดินกลับมาที่โต๊ะ พยายามปรับสีหน้าให้กลับมาปกติ เธอนั่งลงอย่างเงียบ ๆ ใช้เวลาครุ่นคิด หาข้ออ้างที่จะขอแยกตัวจากเพื่อน ๆ โดยไม่ให้ใครสงสัย
“ลี่ว่าจะกลับแล้วนะ” ร่างเล็กแทบไม่กล้าสบตากับเพื่อน เธอกลัวถูกจับได้ว่ากำลังโกหก แต่การทำอย่างนี้ชวนให้โมมายด์ตั้งคำถามในใจ
“เพิ่งมาสองชั่วโมงเอง”
“คือ… แม่เป็นห่วงน่ะ” เธอใช้ปลายเล็บจิกบนบนฝ่ามือของตัวเองขณะที่พูด “แต่ทุกคนดื่มต่อกันเลยนะ”
“ซานกลับมามันต้อง งง แน่ ๆ”
“ลี่ฝากขอโทษซานด้วยนะ”
ตอนนี้ซานออกไปสูบบุหรี่ เขาคงงุนงงไม่น้อยถ้ากลับมาแล้วไม่เจอเพื่อนตัวเล็กที่เป็นตัวตั้งตัวตีเอ่ยปากชวนมาดื่มในคืนนี้ เธอเองก็รู้สึกผิดที่ต้องหาข้ออ้างกลับก่อนอย่างนี้ ทุกอย่างมันกะทันหันจนงุนงงกับตัวเองไม่แพ้กัน
ติ้ง ติ้ง~ เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในขณะที่ขาเรียวกำลังก้าวพ้นประตูบานใหญ่ของคลับ ทำให้หมวยลี่ต้องหยุดนิ่ง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพื่อตอบแชตของคนที่กำลังใจร้อน
แชต: ค่าย
ค่าย: จะมาได้หรือยัง?
ค่าย: หรืออยากให้ฉันเปลี่ยนใจ
หมวยลี่: กำลังเดินไปค่ะ
ร่างเล็กพยายามฝืนทำเป็นนิ่ง ทั้งที่ความรู้สึกเริ่มชาไปทั้งตัว ยิ่งเดินเข้าไปใกล้รถของค่ายที่จอดรออยู่เท่าไร ความวุ่นวายในใจก็ยิ่งโหมกระหน่ำ
เสียงหนึ่งสะท้อนก้องอยู่ในหัว ถามเธอซ้ำ ๆ ว่าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร อีกเสียงก็ตะโกนคำว่า โง่ แต่ในความสับสนเหล่านั้น ยังมีเสียงกระซิบเบา ๆ ที่แทรกเข้ามาบอกว่าอย่าไปฟังความคิดพวกนั้น
เพราะในหัวเอาแต่เหม่อคิดไปเรื่อย รู้ตัวอีกทีก็เดินมาหยุดใกล้กับรถสปอร์ตคันหรูที่จอดรออยู่แล้ว ภายใต้ฟิล์มกระจกสีดำทึบ แม้มองไม่เห็นอะไรเลยสักนิด แต่หมวยลี่รู้ดีว่าค่ายกำลังมองเธอจากข้างในนั้น
มือเล็กสั่นเทาขณะเอื้อมไปเปิดประตู เสียงถอนหายใจดังออกมาอีกครั้ง ก่อนจะออกแรงดึงประตูรถให้เปิดอ้า จากนั้นก็แทรกตัวเข้าไปนั่งข้างใน
“อะไรที่ทำให้ตัดสินใจแบบนี้” ไม่ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมบรรยากาศ ทันทีที่ร่างเล็กหย่อนตัวนั่งบนเบาะ คนที่อยู่หลังพวงมาลัยก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เขาแปลกใจกับสิ่งที่เธอเลือก ทั้งที่ในตอนแรกทำเหมือนอยากหนีไปให้ไกล แต่กลายเป็นว่าเสนอมันให้กับเขาง่าย ๆ
คนถูกถามเงียบไปครู่หนึ่ง มือทั้งสองบีบประสานเข้าหากันแน่น ความวูบวาบแล่นไปทั่วร่างตอนที่สายตาอีกฝ่ายจับจ้องมา
“… ลี่ไม่อยากให้เฮียกลับไปยุ่งกับเธออีกแล้ว”
ค่ายหยัดยิ้ม คล้ายกำลังเย้ยหยัน ก่อนจะพ่นคำพูดที่ทำเอาคนฟังรู้สึกชาวาบ
“เหตุผลของเธอเหมือนคนโง่”
ใบหน้าหวานที่ก้มลงในตอนแรกเงยขึ้นมา เธอกำลังกลัวแต่ซ่อนมันเอาไว้ เพราะเลือกจะเดินเข้ามาในกองไฟแล้ว ตอนนี้เธอถอยออกไปไม่ได้แล้ว
“ไม่ดีเหรอคะ… ที่ลี่ยอมเป็นคนโง่ให้เฮียหลอก”
ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากเขา มีเพียงรอยยิ้มนิ่งเฉย บอกถึงอารมณ์ ว่าตอนนี้ค่ายกำลังพอใจกับถ้อยคำที่เธอใช้ต่อว่าตัวเอง
ค่ายลดมือลงปรับเบาะให้เลื่อนไปทางด้านหลังจนสุด ก่อนจะหันมองร่างเล็กที่นั่งข้าง ๆ นัยต์ตาของเขาราวกับมีเปลวไฟ มันแผดเผาให้เธอรู้สึกร้อนทุกครั้งยามถูกจับจ้อง
“ขึ้นมาสิ” น้ำเสียงทุ้มเย็นออกคำสั่ง จากนั้นหมวยลี่ก็ค่อย ๆ ขยับตัวปีนข้ามจากเบาะที่ตัวเองนั่ง ไปยังเบาะคนขับ แล้วกดสะโพกนั่งบนตักแกร่งอย่างว่าง่าย
“จะเสียใจกับสิ่งที่เลือกหรือเปล่า” มือหนาจับบนเอวเล็ก ออกแรงบีบเบา ๆ อารมณ์เริ่มปะทุขึ้นเพียงแค่เธอขึ้นมานั่งบนตัก “ทำไมไม่ตอบ หรือยังลังเล?”
“เปล่าค่ะ”
“เวลามีเซ็กซ์ ฉันค่อนข้างรุนแรง เธอคิดว่าตัวเองจะรับมือไหวไหม”
เขาคิดว่าเรื่องนี้ควรบอกให้เธอรู้ก่อนเพื่อเตรียมตัว เวลามีอารมณ์มาก ๆ ร่างกายของเขามักหลุดการควบคุม ความต้องการเปลี่ยนเป็นแรงดิบเถื่อนที่หยุดไม่ได้ เขาเสพติดความรุนแรง ยิ่งอีกฝ่ายเจ็บ ได้ยินเสียงร้อง ยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณให้โหมกระแทกเข้าใส่ราวกับสัตว์ป่าดุร้าย
“ยิ่งเป็นครั้งแรกของเธอ ฉันอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้เลย” ปลายนิ้วยกขึ้นมาเกลี่ยแผ่วเบาบนพวงแก้มสีแดงระเรื่อ “พูดมาสิว่าอยากจะหยุดตอนนี้ หรือยอมเจ็บ”
“เฮียเคยถาม ว่าครั้งแรกของลี่ เป็นเฮียได้ไหม”
มือเล็กวางบนแผงอกแกร่ง ในขณะที่หัวใจของเธอกำลังเต้นแรงด้วยความปั่นป่วน มันต่างจากหัวใจของเขาที่สงบนิ่ง บ่งบอกว่าไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดของเธอเลย
แม้จะรู้เต็มอก
“… ลี่จะมอบมันให้เฮียค่ะ”
เธอก็ยังยืนยันสิ่งที่เขาอยากได้ยิน
คำตอบของเธอทำให้ค่ายมั่นใจ ตอนนี้ต่อให้เธอบอกว่าเสียใจ อยากหยุด เขาก็ไม่มีทางปล่อย ในเมื่อกระต่ายตัวน้อยวิ่งมาติดกับดักแล้ว จะปล่อยไปให้หลุดง่าย ๆ โดยไม่ได้ลองชิมเนื้อได้ยังไงกัน
“รู้ไหม ว่าฉันต้องอดทนขนาดไหน ไม่ให้เผลอกระชากเสื้อผ้าของเธอออกตอนนี้”
เขาชัดเจนตั้งแต่แรกว่าอยากได้ร่างกาย ในขณะที่หมวยลี่เกิดความคาดหวังเล็ก ๆ ว่าสักวันความรู้สึกของเธอและเขาอาจจะตรงกัน
หมวยลี่กำลังนึกถึงคำพูดของเพื่อน สำหรับคนที่ไม่ถูกเลือกให้ไปอยู่ในหัวใจ การได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนที่ตัวเองแอบรัก คือจุดสูงสุดของความรู้สึก
แต่… มันจะมีความสุขหรือเปล่า