มะม่วงไม่ได้ละความพยายามไปเลยซะทีเดียว ถึงแม้เธอจะหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ มาแล้วถึงสองครั้ง แต่เขาว่ากันว่าทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ และนั่นคือสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้ เริ่มต้นอ่อยรุ่นพี่หนุ่มอีกครั้ง
“คราวนี้จะแกล้งทำผ้าขนหนูหลุดต่อหน้าเลยคอยดู” เธออยู่ในชุดผ้าขนหนูผืนขาวถูกพันไว้รอบอกอวบอิ่ม มือบางยกขึ้นเสยผมที่เปียกน้ำลวกๆ หลังจากเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ไม่พอยังยกแขนทั้งสองข้างขึ้นสูดดมกลิ่นกายของตัวเอง
“หอมจัง” กลิ่นครีมอาบน้ำของหนุ่มรุ่นพี่ไม่ได้หอมหวานแบบที่เธอชอบ แต่มันให้ความรู้สึกสดชื่นเวลาที่สูดดมเข้าไป ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเทสดีกับทุกอย่าง ทั้งเรื่องการแต่งตัว ของใช้ส่วนตัว รวมถึงเธอที่แอบเข้าข้างตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าอีกฝ่ายเทสดีสุดๆ
“ฟู่ว~ มาลุยกันเถอะมะม่วง” เธอส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ตัวเองในกระจกบานใหญ่ ไม่ลืมที่จะมองสำรวจตัวเองอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แล้วรีบสาวเท้าไปเกาะขอบประตูห้องนอน ทอดสายตามองไปยังคนที่กำลังจดจ่ออยู่กับหน้าจอทีวีอย่างไม่ละสายตาไปไหน
“พี่มาร์คค่ะ” เสียงหวานตะโกนเรียกแข่งกับเสียงดนตรีที่กำลังส่งเสียงดังเมื่อถึงฉากสำคัญ ทำให้รุ่นพี่หนุ่มไม่ได้ยินเสียงของเธอแม้แต่น้อย
“พี่มาร์คขา” มะม่วงตัดสินใจวิ่งดุ๊กดิ๊กไปหาอีกฝ่ายที่โซฟาแทน หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำด้วยความตื่นเต้น บีบเข้าหากันแน่น
“ครับ” มาร์คละสายตาออกจากหน้าจอทีวี เงยหน้าขึ้นมองรุ่นน้องสาวนิ่งราวกับรอฟังว่าเธอจะพูดอะไรกับเขาต่อ
“คือ…มะม่วง”
“พี่ว่าเราไปใส่เสื้อผ้าให้ดีก่อนมั้ย แล้วค่อยมาคุยกัน”
“คะ?” มะม่วงมึนงงกับคำตอบที่ได้รับ ตอนนี้สมองเธอเบลอไปชั่วขณะ
“พี่มาร์ค มะม่วงไม่สวยเหรอคะ หรือมะม่วงรุกพี่แรงเกินไป” ร่างบางก้าวขาเรียวเดินเข้าหาก่อนจะนั่งลงบนตักแกร่งของรุ่นพี่หนุ่ม สองแขนยกขึ้นคล้องลำคอแกร่งเอาไว้ พลางมองเข้าไปในดวงตาคู่คมอย่างจริงจัง ต้องการเค้นเอาคำตอบ เพราะตอนนี้เธองงไปหมดแล้ว
ผู้ชายคนอื่นมีแต่ทนไม่ไหวกันทั้งนั้น ถ้าหากตรงหน้ามีผู้หญิงอยู่ในสภาพนี้ แต่เขากลับไม่ใช่ เขานิ่งจนเธอตกใจแทบอยากจะหายตัวออกจากห้องเพราะทุกครั้งมันทำให้หน้าบางๆ ของเธอยิ่งอายเข้าไปใหญ่
“สวยครับ”
“สวยแล้วทำไมพี่ดูไม่สนใจมะม่วงเลย”
“พี่กำลังห้ามใจอยู่”
“ห้ามทำไมคะ มะม่วงเต็มใจ”
“พี่อยากให้เราแต่งงานกันก่อนแล้วค่อยทำเรื่องอย่างว่า”
“ห๊ะ! ทำไมคะ อย่าบอกนะว่าพี่รักษาพรหมจรรย์”
“ก็ประมาณนั้น พี่อยากเก็บครั้งแรกไว้ให้เจ้าสาวของพี่ และถ้าหนูอยากได้มันเราก็มาลองคบกันจนกว่าพี่กับหนูจะเรียนจบดีมั้ยแล้วค่อยแต่งงานกัน”
“เดี๋ยวนะ! นั่นหมายความว่าเราสองคนจะไม่ได้มีอะไรกันจนกว่าจะเรียนจบ ตัวพี่มาร์ค มะม่วงก็แตะไม่ได้จนกว่าจะได้รับอนุญาตก่อน”
“ประมาณนั้นครับ แต่ถ้าแค่จับมือกันก็ได้อยู่”
“พี่เป็นพระเหรอ”
“พูดไปเรื่อยเราอะ”
“แต่มะม่วงไม่อยากได้แบบนั้น มะม่วงอยากทำ อยากอยู่ใกล้ อยากจูบ อยากหอม” เพราะเธอรู้ตัวเองดีว่าเป็นคนติดสกินชิพแน่นอน การที่อีกฝ่ายยื่นข้อเสนอแบบนั้นออกมามันทำให้เธออึดอัดจนทำอะไรไม่ถูก
“หยุดความคิดนั้นเลยครับ”
“…” มะม่วงหยุดนิ่ง เพียงแค่เธอขยับร่างกายบดเบียดเข้าหารุ่นพี่หนุ่มก็จับร่างบางของเธอยกขึ้นจนตัวลอย ก่อนจะวางลงบนโซฟาข้างกาย แล้วมองใบหน้าของเธอด้วยสายตาจริงจัง
เอาจริงๆ เธอรู้จักเขามาตั้งแต่ปีหนึ่งเพราะเป็นสายรหัสเดียวกัน ทำให้ได้พบเจอกันบ่อย แถมชมรมหรือกิจกรรมอื่นก็มักจะได้ทำด้วยกันตลอด ตอนนั้นเธอคิดว่ารุ่นพี่คนนี้ทำไมฮอตจังขนาดเพื่อนสนิทอย่างแพทยังสนใจในตัวเขา บอกตามตรงว่าตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรกับเขาแม้แต่น้อย
แต่อยู่ดีๆ รุ่นพี่ก็ชวนเธอคุยด้วยท่าทางที่แปลกไป ทำให้เธอเผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขากำลังจีบเธออยู่ แต่ก็นั่นแหละเราคุยกันเหมือนคนจีบกันมาตลอดสองอาทิตย์ จนถึงวันนี้เธอคิดว่าเขาอยากเลื่อนขั้นจากคนคุยเป็นแฟน แต่คำตอบที่เธอได้รับทำทั้งหน้าและตัวเธอชาไปหมด
ส่วนหนึ่งคงมาจากเธอไม่เคยมีแฟน ก็อย่างที่บอกว่าเวลาเธอดูหนังรักโรแมนติกก็มักจะอิจฉาการกระทำของพระเอกที่มีต่อนางเอกและเธอก็อยากมีโมเมนท์แบบนั้นบ้างเมื่อมีแฟน แต่คำตอบของคนคุยสองอาทิตย์เหมือนทำให้ฝันเธอสลาย
“ไปสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วมาดูหนังกัน หรือถ้าง่วงหนูก็นอนในห้องได้ เดี๋ยวคืนนี้พี่นอนโซฟาเอง”
“สุภาพบุรุษจังเลยนะคะ”
“พี่…”
“แต่มะม่วงไม่ต้องการ พี่รู้ว่ามะม่วงหมายถึงอะไร”
“ถ้างั้นพี่ว่าเราคงไปต่อด้วยกันไม่ได้”
“ว่าไงนะคะ”
“พี่ว่าเรากลับไปเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันเหมือนเดิมดีกว่า อีกอย่างพี่คงให้สิ่งที่หนูต้องการไม่ได้”
“มะม่วงสงสัย พี่ดูฮอตมากทั้งในและนอกคณะทำไมถึงรอดพ้นมือสาวๆ มาได้” มะม่วงละทิ้งความพยายาม เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันอย่างน้อยทั้งเธอและรุ่นพี่ก็ได้บอกความต้องการของตัวเองออกไป ไม่เพียงทำลายความอึดอัด แต่ยังทำให้รู้สึกสบายใจเหมือนเดิม
“พี่ก็ใช้ชีวิตแบบนั้นแหละ อยู่กับเพื่อนซะส่วนใหญ่ อะไรที่เลี่ยงได้ก็เลี่ยง อะไรที่ไม่ได้ก็ทำ”
“เฮ้อ~แบบนี้มะม่วงก็อกหักดิ”
“พี่ก็อกหักเหมือนกันนะ”
“ไม่ต้องมาพูดเลย มะม่วงอายมากกว่า อ่อยพี่ไปตั้งเยอะ น่าอายชะมัด” ถึงปากจะพูดออกไปแบบนั้น แต่เธอกลับไม่ได้อายหนักเหมือนอย่างที่คิดเอาไว้ อาจเพราะเธอกับเขารู้จักและสนิทกันมาตั้งแต่เธอเข้าปีหนึ่ง อยู่กับพี่เขาก็เหมือนมีพี่ชายคนหนึ่ง จะว่าไปตอนนั้นเธอไม่น่าตอบกลับเขาแบบคนคุยด้วยซ้ำ บางทีสถานะของเราสองคนมันก็ดีอยู่แล้ว
“ขอโทษนะที่ให้สิ่งที่ต้องการไม่ได้” มาร์คเอ่ยบอกด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย การคบใครสักคนของเขามันเป็นแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปซึ่งสวนทางกับรุ่นน้องสาวโดยสิ้นเชิง แต่เขาก็ไม่โทษเธอหรอก
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวมะม่วงหาใหม่ก็ได้” มะม่วงฉีกยิ้มกว้างส่งให้รุ่นพี่หนุ่ม
“ดีแล้วที่คิดแบบนี้ อย่างน้อยก็ทำให้หนูมีความสุข พี่จะได้รู้สึกผิดน้อยลง” มาร์คเอ่ยตอบ ก่อนที่รุ่นน้องสาวจะลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องนอน ไม่นานเธอก็ออกมาด้วยชุดของตัวเองแล้วมาหยุดตรงหน้าเขา
“มะม่วงว่ามะม่วงกลับดีกว่า”
“ค้างที่นี่ได้นะ หนูก็เหมือนน้องสาวพี่”
“อย่ามาทำเป็นใจดี แค่นี้หนูก็หัวใจสลายหมดแล้ว” มะม่วงเอ่ยตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจมากนัก เหมือนประโยคที่แซวกันเล่นซะมากกว่า
“จริงจัง”
“สุดๆ”
“รู้สึกผิดจัง”
“ไม่ต้องเลยค่ะ ถ้าพี่ยังทำหน้าแบบนั้นอีกมะม่วงจะจับปล้ำแล้วนะ”
“ไม่ทำแล้วครับ”
“ชิ! ไปดีกว่า”
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่ขอบคุณนะคะ ถือว่าชดใช้ที่พี่ทำหนูอกหัก”
“อ่า…ได้” มาร์คลุกขึ้นหยิบกุญแจรถพลางเดินตามร่างบางไปยังรถที่จอดอยู่ชั้นล่างสุดของคอนโด
และนั่นคือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำให้ในคืนนี้เธอต้องมาลงเอยที่ KINGDOM CLUB ด้วยความหงุดหงิด เหมือนจะดีแต่จริงๆ แล้วก็แอบรู้สึกแย่อยู่เหมือนกันพอต้องอยู่คนเดียวเหมือนเดิม โทรศัพท์ที่เคยเด้งแจ้งเตือนตลอดสองอาทิตย์ก็กลับไปเงียบเหมือนเดิม
“พอแล้วน้องมะม่วง…อีไนท์มึงก็เลิกชงเหล้าเข้มๆ ให้น้องสักที” มือหนายกขึ้นจับแขนเรียวที่ยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกจนหมดแก้ว หลังจากพยายามปะติดปะต่อสิ่งที่อยู่ในหัวของตัวเองออกมาเป็นคำพูดที่แทบจับใจความสำคัญไม่ได้
“ก็เด็กมันส่งแก้วเปล่ามา”
“มึงเป็นเด็กชงเหล้ารึไง อย่าทำตัวเหมือน” จริตตัวแม่เริ่มทำงาน เสียงแหลมของเอสซี่อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดใส่เพื่อนสนิทที่เอาแต่ประเคนเหล้าให้นังน้องที่คออ่อนจนแทบล้มพับอยู่แล้ว
“หึ!” ไนท์ไหว่ไหล่เล็กน้อยอย่างไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดของเพื่อน
“นี่! น้องมะม่วง”
“ขาา~~ พี่เอสซี่คนสวย” คนเมาตอบกลับเสียงยาน มะม่วงพยายามครองสติอันน้อยนิดของตัวเองเงยหน้าขึ้นมาสบตารุ่นพี่ต่างคณะ