“นี่ดิศ! คุณโกรธอะไร ทำไมต้องดื่มให้เมา มีอะไรที่ปลาไม่รู้หรือเปล่า”
เสียงแข็งๆ ของปาริสาทำให้ชายหนุ่มชะงักและนิ่งงันไปเป็นเวลานาน ก่อนผ่อนลมหายใจเฮือก พยายามปรับอารมณ์ให้เย็นลง แต่ทำได้ยากยิ่ง เพราะยิ่งทำก็ยิ่งกระสับกระส่าย...
“ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่เซ็งๆ เท่านั้น” คำตอบของเขาไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เพราะราวกับว่าเขาเพิ่งจะได้ราดน้ำมันบนกองไฟ ให้มันโหมกระพือหนักแทนที่จะมอดดับอย่างที่ควรจะเป็น!
“ที่เซ็งนี่เพราะปลาใช่ไหมคะ!” เสียงแหวของคนรักทำให้ชายหนุ่มสบตาหล่อนอย่างเครียดๆ
“ไม่ใช่ ผมแค่อยากดื่มเท่านั้น ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจความหมายนะ”
ปาริสาเม้มปาก ทั้งโกรธและน้อยใจคนรัก เขาดูไม่สนใจหล่อนตั้งแต่พบหน้ากันเมื่อช่วงเย็น มาตอนนี้ยิ่งหนัก ทำราวกับว่ารำคาญหล่อนเหลือเกิน หญิงสาวน้ำตาคลอ ก่อนจะเอ่ยปาก
“ฉันเบื่อแล้ว เรากลับกันเถอะ”
คำว่าเรากลับกันเถอะ ทำให้กษิดิศนิ่งอึ้ง เขาตวัดตามองไปยังภรรยาและผู้ชายคนนั้นแวบหนึ่งด้วยความว้าวุ่น หากกลับตอนนี้ ก็เท่ากับว่าเขาปล่อยปลาย่างเอาไว้กับแมว ไอ้หมอนั่นจะทำอะไรที่เลวร้ายกับอันธิตาลับหลังหรือเปล่ายังไม่รู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขายอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด!
“เดี๋ยวสิปลา อย่างเพิ่งกลับเลย” เขารีบขยับเข้าไปกอดคนรัก พลางหว่านล้อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลงผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ
“ผมขอโทษ ที่หงุดหงิดใส่คุณ พอดีมีปัญหาเรื่องงานนิดหน่อยเลยคิดมากไปนิด อย่าโกรธผมเลยนะครับ”
ปาริสาตวัดตามองเขาแวบหนึ่ง เม้มปากแน่น ทว่าการออดอ้อนของคนรักทำให้อาการน้อยใจเมื่อครู่ผ่อนคลายลง ดวงตาคู่สวยที่ตกแต่งมาอย่างดีมองค้อนเขาอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงงอนๆ ว่า
“ก็ได้ แต่ทีหลังก็อย่าทำแบบนี้อีกนะคะ ดิศไม่รู้หรอกว่าปลาน้อยใจแค่ไหน ที่ดิศทำเหมือนไม่สนใจปลาเลย” หญิงสาวทำปากยื่น ซึ่งน่าแปลกที่กษิดิศไม่ได้รู้สึกเอ็นดูหรือเห็นว่าน่ารักเหมือนเมื่อก่อนเลยสักนิด กระทั่งเมื่ออีกฝ่ายซบลงกับไหล่ของตน จึงลอบผ่อนลมหายใจยาว แล้วชำเลืองมองไปยังภรรยาเป็นระยะ กัดฟันกรอดๆ จิตใจร้อนรุ่มนึกอยากจะเข้าไปกระชากอันธิตาออกมาจากที่ตรงนั้น แล้วพาหล่อนกลับไปเก็บเอาไว้ในห้อง กอดหล่อนไว้ให้พ้นจากสายตาของใครต่อใครโดยเฉพาะไอ้หน้าหล่อนั่น!
นานนับชั่วโมงหลังจากนั้น เมื่อจังหวะดนตรีสนุกสนานจบลง จังหวะเชื่องช้าโรแมนติกจึงดังขึ้นแทน เริ่มมีคู่รักจูงมือกันออกไปเต้นรำ จากหนึ่งเป็นสอง สามและสี่ มาร์คซึ่งนั่งจิบบรั่นดีเบาๆ เหลือบตามองหญิงสาวก่อนจะวางแก้ว แล้วหันไปมองหล่อนเต็มตาพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า
“แอนนี่ครับ ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ”
อันธิตาสบตาเขานิ่ง ใจหนึ่งเริ่มลังเล แต่อีกใจก็อยากแก้เผ็ดใครบางคน หลังจากครุ่นคิดและด้วยอำนาจของน้ำเมาที่ออกฤทธิ์ ทำให้หญิงสาวตอบตกลงในที่สุด
“ก็ได้ค่ะ”
รอยยิ้มยินดีของมาร์คกว้างขึ้นเช่นเดียวกับแววตาของเขาที่พราวระยับ ก่อนจะยืนเต็มความสูงตรงหน้าของหญิงสาว แล้วยื่นมือออกไปรับ อันธิตายิ้มให้เขาก่อนจะวางมือของหล่อนบนมือของอีกฝ่าย แล้วพากันออกไปยังกลางฟลอร์ ทำให้คนที่ลอบมองด้วยสายตาร้อนแรงราวเปลวเพลิงเบิกตาโพลง หัวใจเต้นโรจน์ราวจะทะลุออกมานอกอก ฟันคมกัดเน้นแน่น มือที่กอดรอบต้นแขนคนรักเผลอบีบเข้าหากันเต็มแรง
“โอ๊ย! ดิศน่ะ ปลาเจ็บนะคะ บีบเข้ามาได้”กษิดิศละฝ่ามือทันทีที่หญิงสาวโวยวาย ก่อนจะผุดลุกจนอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ
“อะไรคะดิศ จะไปไหน”
กษิดิศหลุบตามองคนรัก กระซิบถามราวกับคนที่พยายามเค้นคำพูดออกมาว่า
“อยากเต้นรำไหมปลา”
ปาริสาหันไปมองยังฟลอร์เต้นรำ ที่เวลานี้มีหนุ่มสาวกำลังโอบกอดเคลื่อนไหวหลายคู่ เริ่มหนาตา ดวงตาคู่สวยจึงวาววามขึ้นก่อนจะยิ้มหวาน
“อยากสิคะ”
“งั้นไปกัน”
ปาริสายิ้มหวาน เอื้อมมือจับมือคนรัก ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่ออีกฝ่ายกระตุกมือราวกระชาก จนหน้าแทบคะมำ ตาคู่สวยตวัดค้อนคนรักอย่างโกรธๆ อับอายและงงงันในอาการผีเข้าผีออกของเขา
อันธิตาและมาร์คเต้นรำกันอย่างสุภาพ ด้วยเว้นระยะห่างระหว่างกายกันพอสมควร และหลุบตามองแค่เสื้อของเขา ในขณะที่ ปาริสาและกษิดิศโอบกอดแนบแน่นและซบซุกกันจนไม่มีช่องว่าง แต่แล้วคนที่เงยหน้าจากอกเสื้อของมาร์คต้องชะงัก เมื่อตาประสานตาคมวับวาวโรจน์ของคนที่เป็นสามีเข้า
กษิดิศกระตุกยิ้ม ก่อนจะแสร้งก้มหน้าลงแนบริมฝีปากกับแก้มผ่องของคนรัก ราวกับกระซิบอะไรกันบางอย่างที่ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาทำให้ฝ่ายหญิงพอใจนักหนา ก่อนเงยหน้าขึ้นจูบริมฝีปากของเขาอย่างไม่อายสายตาใคร ทำให้อันธิตาต้องเมินหน้าจากภาพนั้นด้วยความเจ็บปวด จากที่ไม่คิดจะยอมให้มาร์คโอบกอดมากไปกว่าเมื่อครู่ ความน้อยเนื้อต่ำใจทำให้หญิงสาวตัดสินใจชั่วแล่น เลื่อนฝ่ามือนุ่มนิ่มขึ้นคล้องคอ ซบหน้ากับไหล่หนาของมาร์คจนอีกฝ่ายใจกระตุก หลุบตามองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ แต่แล้วมือใหญ่เคลื่อนลงยังเอวเล็กเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ รัดแน่นขึ้นจนคนที่ถูกกอดใจหายวาบ เริ่มรู้สึกอึดอัดและไม่พอใจกับสิ่งที่เขาทำ จึงเลื่อนมือจากต้นคอของเขามาผลักดันแผ่นอกกำยำ ผละห่าง เมื่อเงยหน้าขึ้นสบตาเขาด้วยแววตาป้องปราม ไม่ยอมให้แนบชิดมากกว่าที่เป็น
การกระทำของทั้งคู่ทำให้คนที่มองด้วยความอดทนต้องขาดผึง เขาผลักร่างของปาริสาออกห่างจนฝ่ายนั้นอุทานด้วยความตกใจ ก้าวตรงไปยังคนทั้งสองด้วยความรวดเร็ว แล้วกระชากไหล่หนาของมาร์คให้หันกลับมาพร้อมเหนี่ยวกำปั้นตรงไปยังใบหน้าคมคายเต็มแรงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง!
ผลัวะ!!
“พี่ดิศ!”
“ดิศ!”
เสียงกรีดร้องของอันธิตาและปาริสารวมทั้งคนที่อยู่รอบกายดังอื้ออึง มาร์คเซหน้าหงายเมื่อถูกหมัดของกษิดิศเข้าไปเต็มแรงโดยไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะพลิกกลับมาได้แล้วสวนด้วยกำปั้นจนอีกฝ่ายเริ่มเซกลับมาท่ามกลางเสียงร้องห้ามของคนรอบกาย เพื่อนของมาร์ควิ่งพรวดเข้ามาช่วยเพื่อน ขณะที่เพื่อนของอันธิตาก็วิ่งเข้ามาหาหญิงสาว มีเพียงตัวต้นเหตุเท่านั้นที่ไม่มีใคร นอกจากปาริสาที่กำลังตะลึงงันและมองเขาด้วยสายตาเจ็บปวด แต่ชายหนุ่มกำลังหน้ามืดโผเข้าหาหนุ่มหล่อต่างชาติอีกครั้ง แต่กลับถูกเพื่อนของอีกฝ่ายกันเอาไว้ในขณะที่มาร์คเองก็หน้ามืดไม่แพ้กันโผเข้ามาหวังตะบันหน้าคืนให้คว่ำ โดยที่กษิดิศไม่คิดยอม ทั้งสองไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน สลัดคนอื่นจนกระเด็นไปอีกทางแล้วโผเข้าปะทะ ต่างฝ่ายต่างผลัดกันทำร้ายร่างกายกันได้ไม่กี่ครั้งก็ต้องชะงักนิ่ง เมื่อน้ำเย็นจัดสาดเข้ามาเต็มเปาพร้อมกับเสียงกราดเกรี้ยวที่ดังขึ้น
“เลิกบ้ากันได้แล้ว!”
ร่างสูงสูสีทั้งสองที่ชะงักกึกหันมองเจ้าของเสียงที่ยืนหอบ ใบหน้างามเผือดซีดมีคราบน้ำตามองคนทั้งคู่ด้วยความผิดหวัง ตวัดตามองมาร์คอย่างขอลุแก่โทษระคนผิดหวังที่เขาก็ไม่ได้มีสติไปกว่าสามีของตนสักเท่าใดและหยุดนิ่งที่กษิดิศด้วยแววตาเจ็บปวด ก่อนจะหมุนตัวแหวกคนอื่นๆ ออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ทำให้ยิหวาและกมลชนกรีบวิ่งตามออกไป
“อัน เดี๋ยวอันรอด้วย!”
เพลงที่บรรเลงเงียบกริบ เสียงอื้ออึงดังขึ้นแทน หลายคนเริ่มคุ้นหน้าคุ้นตากษิดิศและอันธิตา บ้างก็จำได้จนต้องหันไปซุบซิบนินทา ขณะที่ผู้ชายสองคนสบตากัน มาร์คกัดฟันแน่น ก่อนเป็นฝ่ายเดินหนีอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร ขณะที่ปาริสายืนนิ่ง ตัวชา น้ำตาไหล มองคนรักด้วยความผิดหวัง เสียใจ ก่อนจะก้าวเข้าไปหาเขาแล้วยกมือขึ้นฟาดลงบนหน้าเขาเต็มแรงพร้อมกับหมุนตัววิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คนเริ่มเรื่องได้แต่กำมือแน่น ก่อนจะก้าวตามหญิงสาวออกไปติดๆ โดยมีสายตานับร้อยคู่มองตามไปพร้อมกับคำนินทาที่ดังขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน...