“ยังไงก็พักผ่อนกันให้เต็มที่นะ กลับมาคราวนี้เราจะได้คุยถึงเรื่องโครงการถัดไปเสียที พ่อกับคุณพงษ์เปรยๆ กันไว้แล้วว่าจะให้ดิศคุมงานนี้”
คำบอกเล่าของคุณเกษมไม่ทำให้กษิดิศกระตือรือร้นเทียบเท่าเมื่อก่อน ที่หายใจเข้าหายใจออกเป็นงาน และคงกระตือรือร้น กระหายที่จะลุยงานใหญ่อย่างยิ่งยวด
“ขอบคุณครับคุณพ่อ”
พ่อตาของกษิดิศยิ้มพอใจ เขารู้ดีว่าลูกเขยของเขาคนนี้เป็นคนฉลาดและเป็นคนดี ผู้หญิงคนไหนได้เป็นสามีจะสบายไปทั้งชาติ และลูกสาวของเขาคือผู้หญิงคนนั้น
“ทานกันอิ่มแล้วก็ออกเดินทางกันเถอะจ้ะ ไปถึงแล้วอย่าลืมโทร.กลับมาหาแม่ด้วยนะอัน” คุณอารยากำชับบุตรสาว
“ค่ะ อันไปก่อนนะคะ”
“จ้ะ เดินทางปลอดภัยนะลูก”
อันธิตาและกษิดิศอำลาคนทั้งสองเรียบร้อยก็เดินทางออกจากบ้าน ภายในห้องโดยสารซึ่งมีเพียงเขาและหล่อนตกอยู่ในความเงียบ นานไปอันธิตาเริ่มรู้สึกอึดอัด จึงหันไปขออนุญาตเจ้าของรถ
“พี่ดิศคะ อันขอเปิดเพลงนะคะ”
“ได้สิ ตามสบายเลยไม่ต้องขอพี่หรอก” เขาตอบกลับโดยไม่ได้มองมา หญิงสาวลอบถอนใจแล้วค้นแผ่นเสียงอยู่ครู่ จึงหยิบมันขึ้นมาใส่เข้าไปในช่องใส่แผ่นเสียง ครู่เดียวเสียงเพลงรักหวานๆ ก็ดังออกมาเบาๆ
กษิดิศเหลือบตามองหญิงสาวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาแล้วเอ่ยถาม
“อึดอัดใช่ไหมอัน” คำถามของเขาทำให้หญิงสาวต้องหันกลับไปมอง
“คนที่ควรถามน่าจะเป็นอันมากกว่านะคะ”
คิ้วหนาขมวดก่อนคลายออก
“พี่ว่าเราสองคนน่าจะรู้สึกเหมือนกัน อย่างว่าแหละนะ คนไม่รักกัน ให้มาอยู่ด้วยกันมันก็ต้องอึดอัดเป็นธรรมดา” เขาตอบโดยไม่มองหน้าหล่อน หญิงสาวได้แต่เจ็บหนึบในหัวใจ
“อันรู้สึกดีกับพี่ดิศค่ะ และไม่เคยรู้สึกอึดอัดเมื่อรู้ว่าต้องแต่งงานกับพี่ดิศ”คำตอบของหญิงสาวทำให้คนที่กำลังควบคุมรถถึงกับนิ่งงัน เขาหันมองแวบหนึ่งก่อนจะผ่อนลมหายใจหนักหน่วง
ใช่แล้ว... เขารู้ดีว่าอันธิตารู้สึกดีกับเขามาโดยตลอด แต่เขา ไม่เคยรู้สึกใดๆ กับหล่อนเลยเพราะอะไรหล่อนเองรู้ดี เขามีคนรักแล้ว และกำลังศึกษาอยู่ที่เมืองนอก หล่อนรู้แต่ก็ไม่เคยคัดค้านการแต่งงานครั้งนี้ และเขาเองก็ไม่สามารถคัดค้านได้เช่นกัน บางทีเขาก็อยากทำตัวแหกคอก อยากเป็นคนไม่ดีในสายตาทุกคน อยากให้รู้ว่าเขาเองก็มีชีวิตจิตใจ ต้องการรักและอยู่กับคนที่เขารัก
“พี่รู้ว่าอันรู้สึกดีๆ กับพี่ แต่อันต้องเข้าใจว่าพี่มีคนที่พี่รักอยู่แล้ว และถึงแม้เวลานี้พี่จะเจ็บแค่ไหนและอึดอัดมากเท่าไร ก็คงไม่เท่ากับคนรักของพี่ที่ต้องเสียใจอยู่ทางโน้น” เขามองหล่อนแวบหนึ่งด้วยสายตาคล้ายจะโทษว่าเป็นเพราะหล่อน หญิงสาวกัดฟันก่อนจะหลุบตาลงและหยุดนิ่งที่แหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายของตน มือเรียวเลื่อนไปหยุดที่แหวนแล้วหมุนมันเล่นเบาๆ ด้วยอาการใจลอย... เป็นนานกว่าจะเอ่ยออกมาว่า
“พี่ดิศกำลังจะบอกว่าอันผิดใช่ไหมคะ ที่ไม่คัดค้านเรื่องของเรา”
คนฟังขบกรามแน่น ก่อนจะคลายออกพยายามทำใจให้สงบ
“พี่ไม่ได้พูด”
“แต่พี่ดิศคิด” หญิงสาวหันขวับและมองเขาด้วยแววตาปวดร้าว กษิดิศหันกลับมาแล้วต้องชะงัก ก่อนจะเมินหน้ากลับไปมองถนนด้านหน้าด้วยความรู้สึกอื้ออึงในอก เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นแววตาตัดพ้อของอันธิตา แต่ความรู้สึกที่ว่าเขาไม่ควรต้องมาตกที่นั่งลำบากเช่นนี้ทำให้ชายหนุ่มเอ่ยทำร้ายจิตใจหญิงสาวอีกครั้ง
“แล้วทำไมอันไม่ปฏิเสธ”
แม้ชายหนุ่มไม่ได้ยอมรับตรงๆ แต่คำถามที่ดังออกมาทำให้หญิงสาวทราบว่าเขาคิดแบบนั้นจริง เขาโทษและคงโกรธที่หล่อนไม่ปฏิเสธกษิดิศหันมองคนที่เงียบไป เขารู้สึกหงุดหงิดกับคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ
“ทำไมไม่ตอบพี่”
อันธิตาน้ำตาคลอ รู้สึกน้อยใจคนข้างๆ จนไม่อยากพูด ไม่อยากหันไปมองเขาแต่หล่อนก็ไม่อยากทะเลาะกับเขาเช่นกัน
“ก็คงเหมือนพี่ดิศมั้งคะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว หันมองคนพูดแวบหนึ่ง
“ยังไง”อันธิตายิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นราวจะเยาะหยันไม่ปาน สิ่งนั้นทำให้กษิดิศไม่พอใจนัก“อัน”
อันธิตาถอนใจ ก่อนจะหันกลับไปตอบคนข้างๆ ที่ตนปลาบปลื้มจนกลายเป็นแอบรักมานานแรมปี
“เพราะเราต่างก็คำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับอย่างมหาศาลในอนาคตมากกว่าความรู้สึกส่วนตัวยังไงล่ะคะ”
คำตอบที่ได้รับทำให้คนฟังนิ่งอึ้ง แน่นอน เรื่องของผลประโยชน์ ทำให้เขาและหล่อนต้องก้าวเข้ามาติดกับดักแห่งความเจ็บปวด ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจยาว แล้วบอกกับตนเองว่าเขาไม่ควรโทษหล่อนฝ่ายเดียว หากจะโทษ ก็ควรต้องโทษตัวเองถึงจะถูก ถ้าเขาบอกว่าไม่ ใครก็คงจะบังคับไม่ได้เช่นกัน แล้วทำไม เพราะอะไรเขาจึงไม่ปฏิเสธ จะบอกว่าผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวก็ไม่อาจฟังขึ้นนัก หรือเป็นเพราะเขามีความรักให้กับปาริสาไม่มากพอ...
ไม่หรอก! ไม่ใช่แน่ เขารักปาริสา หล่อนเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาคิดถึงเรื่องอนาคต ไม่ใช่คนที่นั่งข้างๆในเวลานี้เลยสักนิด
อันธิตาเมินหน้ามาจากสามี หัวใจกำลังร้องไห้ เจ็บจนเกินจะกล่าวคำใดออกมาได้อีก หลังจากนั้น คนทั้งสองก็ปิดปากเงียบกันจนไปถึงประจวบคีรีขันธ์
บ้านพักตากอากาศหลังงามถูกเปิดเรียบร้อยโดยคนดูแล อาหารสดแห้งถูกเตรียมเอาไว้โดยไม่ต้องสั่ง เมื่อมาถึงกษิดิศก็ช่วย อันธิตาขนกระเป๋าเข้าไปในห้องนอนห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปในห้องหญิงสาวก็ต้องแปลกใจเมื่อชายหนุ่มวางกระเป๋าเสื้อผ้าของเขาเอาไว้แค่หน้าห้องเท่านั้น คนตัวโตเองก็เหมือนจะรู้ว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไร เขาจึงอธิบายให้หล่อนเข้าใจด้วยท่าทางเย็นชา
“สถานการณ์ของเราไม่เหมือนคนอื่น และคิดว่ามันจะยังเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน อันเองคงไม่พร้อมที่จะนอนร่วมห้องกับพี่ พี่เลยบอกกับคนเฝ้าบ้านให้เปิดห้องทำความสะอาดสองห้อง”
เพียงแค่นี้อันธิตาก็กระจ่าง หญิงสาวมองคนที่สบตามายังหล่อนนิ่งเป็นครู่ ก่อนพยักหน้าเบาๆ อย่างยอมรับความคิดของเขา
“ดีค่ะ เรายังไม่พร้อมด้วยกันทั้งคู่” กษิดิศยิ้มนิดๆ ด้วยความพอใจเมื่อหญิงสาวเข้าใจอะไรง่ายๆ ไม่ทำตัวเป็นปัญหา ทำให้เขารู้ว่าอย่างน้อยแม้จะต้องแต่งงานกับอันธิตาแต่หล่อนก็จะไม่สร้างปัญหาขึ้นมาให้เขาหนักใจแน่นอน ดังนั้นแผนการที่วางเอาไว้ในใจเงียบๆ ว่าเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับหล่อนในทางพฤตินัยคงง่ายดายขึ้น เพราะเขารู้ดีว่าอันธิตาเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อยและรักษาหน้าของครอบครัวเป็นอย่างดี หล่อนจะไม่มีทางโวยวายให้ต้องอับอายขายหน้าอย่างแน่นอน
กษิดิศออกไปแล้ว แต่อันธิตายังคงยืนอยู่ที่เดิม น้ำตาที่คลอเอ่อค่อยๆ ไหลออกมาอย่างช้าๆ เป็นเช่นนั้นนานหลายนาที กระทั่งบอกตนเองว่าให้หยุดร้องไห้ แล้วเข้มแข็ง ในเมื่อหล่อนเลือกเองว่าจะแต่งงานกับเขา ก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ให้ได้เช่นกัน...
ขณะที่กษิดิศพักผ่อนอยู่อีกห้อง หญิงสาวตัดสินใจเดินดูไปรอบๆ บ้าน และต้องยอมรับว่าบ้านหลังนี้สวยงามเป็นอย่างมาก เป็นบ้านพักตากอากาศที่ใครผ่านมาเห็นแล้วเป็นต้องชอบ หล่อนเองก็เช่นกัน แต่น่าเสียดาย เพราะหล่อนไม่ได้มีความสุขเลยสักนิดที่ได้มาอยู่สถานที่แห่งนี้...
ร่างงามเดินไปตามหาดทราย มีผู้คนประปราย เพราะบริเวณนี้เป็นชายหาดส่วนตัว และส่วนใหญ่เป็นครอบครัวที่พากันมาพักผ่อน หญิงสาวทอดน่องเดินไปเรื่อยๆ พร้อมความคิดถึงผู้เป็นสามีในนามคนนั้น ป่านนี้ เขาคงสบายใจขึ้นที่หล่อนไม่ขัดขวางหรือต่อต้านความคิดของเขา
ขณะที่อันธิตากำลังคิดถึงกษิดิศอยู่นั้น ชายหนุ่มกำลังนอนหลับอยู่ในห้อง สมองอยู่ในช่วงผ่อนคลายเต็มที่ แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ต้องตื่น แต่เมื่อเห็นว่าปลายทางคือใคร เขาก็รีบกดรับอย่างไม่รีรอ
“ปลา...” น้ำเสียงกระตือรือร้นของกษิดิศทำให้ปาริสายิ้มได้ แม้ก่อนหน้านี้หล่อนจะร้องไห้อย่างหนักเมื่อรู้ว่าเขาแต่งงานไปแล้วกับผู้หญิงอื่นที่บิดาและมารดาหาให้ และไม่มั่นใจเลยว่าต่อจากนี้ไปจะเป็นเช่นไร แต่เมื่อได้ยินเสียงของเขาอีกครั้งหล่อนก็อดดีใจเสียไม่ได้ ความคิดถึง ความหวงแหน ทำให้หล่อนทนไม่ไหวต้องโทรศัพท์หาเขา