“แล้วทำไมไม่ทานล่ะคะ หิ้วท้องรออะไรอยู่ นี่มันจะเที่ยงครึ่งแล้วนะคะ” อาการเป็นห่วงของภรรยาทำให้ชายหนุ่มรัดเอวเล็กเข้าหามากขึ้น หญิงสาวรู้สึกตัวจึงดันอกกว้างของสามีให้ออกห่าง
“อย่าสิคะ ปล่อยอันได้แล้ว ใครมาเห็นเขาจะนินทาอันได้”
“ไม่มีใครหรอกน่า อีกอย่างพี่หิ้วท้องรออันนี่แหละ เมียใจร้ายไม่ยอมทานข้าวกับผัว” เขาบอกพลางสบตาด้วยแววตาเว้าวอนและงอนง้อเสียจนหญิงสาวอ่อนใจและเกือบจะใจอ่อน แก้มร้อนผ่าวกับคำเรียกขานที่เขาเอ่ยออกมา คำก็เมีย สองคำก็ผัวทำให้หัวใจดวงเล็กแทบละลาย แต่พอนึกถึงปาริสาร่างอ้อนแอ้นที่อ่อนโอนก็มีอันแข็งขืนขึ้นจนชายหนุ่มนิ่วหน้า
“ใครใช้ให้รอล่ะคะ อีกอย่างอันไม่ว่างด้วย”
“พี่จะรอ ถ้าอันไม่ยอมกินข้าวกับพี่พี่จะนั่งรอมันอยู่หน้าห้องไม่ไปไหนเด็ดขาด” แววตาราวเด็กชายเกเรและเอาแต่ใจตัวเองอย่างร้ายกาจทำให้อันธิตาเม้มปากเป็นเส้นตรง
“แต่อันมีธุระต้องเจรจาให้เรียบร้อย”
“พี่จะรอจนกว่าธุระของอันจะเรียบร้อย”เขายืนยันหนักแน่นทั้งสีหน้าและแววตา หญิงสาวลืมตัวค้อนขวับ เรียกยิ้มพอใจจากอีกฝ่ายได้ในทันที
“คิดจะมานั่งรออันแบบนี้งานการไม่ต้องทำหรือคะ”
ชายหนุ่มไหวไหล่ พลางบอก
“พี่สั่งเลขาฯเอาไว้แล้ว ถ้ามีอะไรด่วนให้โทร.เข้ามือถือได้เลย”
เขาบอกพลางชูสมาร์ตโฟนเครื่องบางเฉียบขึ้นอวดหญิงสาวด้วยสีหน้ายิ้มๆ ไม่เดือดร้อน
“พี่ดิศนี่นะ” หญิงสาวเรียกชื่อเขาอย่างอ่อนใจ
ชายหนุ่มยิ้มก่อนปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ ทำให้คนถูกโอบรัดเมื่อครู่ใจหาย รู้สึกเสียดายอ้อมแขนอุ่นอย่างหน้าไม่อาย มองเขาถอยไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเลขานุการของหล่อน ตั้งป้อมรออย่างที่บอกไว้ อันธิตาได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าห้อง แต่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปหญิงสาวไม่ลืมจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วดันประตูเข้าไปข้างใน ซึ่งมีร่างสูงของมาร์คนั่งรออยู่ หญิงสาวใช้เวลานั้นแวบเข้าห้องน้ำส่วนตัวเพื่อดูความเรียบร้อย ก่อนจะออกมาอีกครั้ง
“ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ” หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ขณะนั่งลงตรงหน้า
“ไม่เป็นไรครับ คุณทานข้าวต่อเถอะครับ”
อันธิตายิ้มให้ชายหนุ่ม รับประทานอีกคำสองคำก็อิ่ม สาเหตุที่ทำให้หล่อนรู้สึกอิ่มตื้อไปหมดคงไม่พ้นคนที่ตั้งป้อมรออยู่หน้าห้องนั่นเอง
มาร์คกวาดตามองใบหน้าหวานที่แดงเรื่อของอันธิตาแล้วหลุบสายตาลงปิดบังความรู้สึก กระทั่งหญิงสาวเคลียร์ทุกอย่างบนโต๊ะออก ทั้งคู่จึงหันกลับมาเจรจาเรื่องงานกันอีกครั้ง เมื่อได้ทำงาน อันธิตาก็ลืมไปเลยว่าสามีนั่งรอรับประทานอาหารอยู่ข้างนอก กระทั่งบ่ายสามทุกอย่างเรียบร้อย และจะสรุปอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นกับบิดาของหล่อน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นดูนาฬิกาแล้วต้องใจหายวาบ ท่าทางตื่นตกใจของหญิงสาวไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของมาร์คเลย
“เอ่อ คุณมาร์คจะกลับเลยหรือเปล่าคะ”
มาร์คสบตาที่ดูกระวนกระวายของหญิงสาวตรงหน้าพลางบอก
“ความจริงผมอยากชวนคุณออกไปทานมื้อเย็นที่โรงแรม แต่ดูท่าทางคุณคงมีธุระรออยู่”คำตอบของชายหนุ่มทำให้คนที่ร้อนรนกังวลใจชะงัก สบตาเขาก่อนจะหลบตาแก้มร้อนผ่าว แล้วจึงเงยหน้าขึ้นบอก
“พอดีมีธุระนิดหน่อยน่ะค่ะ”
มาร์คที่สบตาหล่อนนิ่งๆ ก่อนยิ้มออกมา
“ถ้าอย่างนั้นเราออกไปพร้อมกันเลยก็ได้ครับ” ร่างสูงผุดลุกจากเก้าอี้ที่นั่งมาครึ่งวัน หญิงสาวมีอาการลังเลชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจออกไปพร้อมกับชายหนุ่ม และเมื่อออกจากห้อง หญิงสาวก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าร่างสูงใหญ่ของสามีนั่งหน้าหงิกอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเลขานุการสาว ดวงตาคมกริบวาววับด้วยลำแสงอำมหิต หากตัดฉับได้คงขาดครึ่งกันหมด สุชาดายิ้มแหยให้นายจ้าง รู้สึกราวยกภูเขาออกจากอก...
“อันช้า” เขาพ้อพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขยับก้าวออกมาด้านหน้าหนึ่งก้าว แล้วเอ่ยทักทายชายต่างชาติที่ความหล่อและส่วนสูงกินเขาไม่ลงนัก!
“สวัสดีครับคุณมาร์ค”
มาร์คยื่นมือมาแตะกับอีกฝ่ายพลางยิ้มมุมปากอย่างคนรู้เท่าทันกัน ซึ่งชายหนุ่มเองก็กระตุกยิ้มพลางตวัดสายตามองภรรยาอย่างคาดโทษที่ปล่อยให้เขารอนาน หิวจนตาลายและหิวจนหายหิว...
“ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้ง ผมคุยธุระกับภรรยาคุณเสร็จแล้วคงต้องขอตัว”
“เชิญครับ” กษิดิศรีบบอกทันทีโดยไม่ต่อความยาวสาวความยืด เพราะตอนนี้เขาเริ่มหิวขึ้นอีกครั้ง และดูท่าจะทวีความรุนแรงจนคิดว่าถ้าให้เขากินอันธิตาตอนนี้ เขาจะกินหล่อนได้ทั้งตัว และจะไม่เหลือให้ใครมายืนทำตาปรอยใส่แบบนี้หรอก!
มาร์คเลิกคิ้วกับสายตาวับๆ ของบุรุษผู้เป็นสามีของหญิงสาว จึงยิ้มให้ก่อนจะหันไปอำลาอันธิตาแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว กษิดิศหลุบตามองมือเรียวของภรรยาซึ่งถือกระเป๋าไว้แล้วหันไปบอกกับเลขานุการของหล่อนด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า
“ผมขอตัวเจ้านายคุณเลยแล้วกัน มีอะไรสำคัญค่อยโทร.หา”
พูดจบเขาก็คว้ามือนุ่มนิ่มของหญิงสาวจับจูงตรงไปยังลิฟต์ผู้บริหาร ทำให้ร่างบางต้องรีบก้าวตามเขาไปติดๆ ทิ้งให้เลขานุการสาวมองตามด้วยสายตาเกินคาดเป็นครั้งที่เท่าไรไม่อาจนับได้...
“พี่ดิศทำแบบนี้ทำไมคะ” หญิงสาวเล่นงานเขาทันทีที่เข้ามาอยู่ในลิฟต์ตามลำพังและสะบัดมือออกจากมือใหญ่
กษิดิศหันมามองร่างบางแล้วขยับชิดจนหญิงสาวถอยกรูดไปติดกับผนังอีกด้าน ยกมือที่ถือกระเป๋าขึ้นเสมออกด้วยความตกใจ ขณะที่เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นวางทาบไปกับผนัง อีกข้างยกขึ้นเท้าสะเอวพร้อมกับชะโงกหน้าจนเกือบชิดใบหน้างาม ดวงตาคมกริบมองหล่อนดุๆ
“พี่น่าจะเป็นคนถามอันมากกว่านะ”
หญิงสาวย่นคิ้วเข้าหากัน ครุ่นคิดว่าหล่อนทำอะไรผิดอีก
“ไม่ต้องมาทำหน้างง อันปล่อยให้พี่หิวจนไส้กิ่ว”
อันธิตาถอนใจยาวเหยียดทันทีที่ฟังคำตอบ อีกใจหนึ่งเป็นห่วงแต่อีกใจก็นึกสมน้ำหน้าเขานัก
“ก็อันบอกแล้ว ว่าอันต้องคุยงาน พี่ดิศเองก็รู้ดีว่าเวลาพวกเราคุยเรื่องงานมันจะติดพันและใช้เวลายาวนานแค่ไหน”
ใช่! เขารู้ แต่แล้วยังไงล่ะ กรณีนี้เขายกเว้น ยิ่งกับไอ้หมอนั่นเขายิ่งไม่สน เกลียดขี้หน้ามันนัก!
“ไม่รู้ละ เวลาที่เหลือวันนี้อันต้องให้พี่” เขาพูดเอาแต่ใจ ทำให้อันธิตาเม้มปาก งานหล่อนยังไม่เสร็จดี ก็ต้องถูกเขาลากออกมา
“แต่อันยังมีงานต่อนะคะ ถ้าพี่ดิศหิวเราหาอะไรทานแถวนี้ก็ได้”
“ไม่” หันตอบทันควัน และยื่นหน้าใกล้จนหญิงสาวต้องเบี่ยงหน้าหนี ทำให้ชายหนุ่มได้ทีก้มลงหอมแก้มนุ่มดังฟอด
“พี่ดิศ!”อันธิตาทำตาโต ยกมือขึ้นหมายจะฟาดเขาให้หนำใจ ทว่าลิฟต์ความเร็วสูงกลับเปิดผ่าง ทำให้ทั้งสองร่างผละจากกัน คนถูกรังแกเม้มปากแน่นในขณะที่ชายหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่มใส่ตา ร่างบางสะบัดหน้าหนีแล้วก้าวออกจากลิฟต์รวดเร็ว คนตัวโตมองตามเรือนร่างงดงามของภรรยาแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ ความอิ่มเอิบซาบซ่านท้นหัวใจ
ระหว่างที่เขาเดินตามภรรยาแสนสวยต้อยๆ ใครต่อใครพากันมองมายังเขาและหล่อนด้วยสายตาชื่นชม จึงเกิดความคิดขึ้นว่า เหตุใดเขาจึงต้องไม่พอใจอย่างหนักเมื่อมีผู้ชายอื่นเข้าใกล้หญิงสาว ทั้งที่เขาเองก็รู้ดีถึงเหตุผล แต่ก็ยังไม่วายร้อนวูบวาบภายในและทนไม่ได้ขึ้นมาดื้อๆ เมื่อรู้ว่าภรรยาของเขาให้ความสำคัญกับคนเหล่านั้นมากกว่าตนเอง แม้จะเป็นเรื่องงานก็ตามที
หวงอย่างนั้นรึ? ใบหน้าคมคายเข้มขึ้น คิ้วหนาเลิกนิดๆ เมื่อมองตามร่างอ้อนแอ้นที่เดินนำเขา ก่อนจะบอกตนเองว่าเขาแค่ห่วงหล่อนเท่านั้น ก็เมียทั้งคน แม้แค่ในนามก็คือเมีย เพราะฉะนั้นเขามีสิทธิ์ที่จะห่วงและหวง แม้แต่หึงก็มีสิทธิ์!!