นางจิ้งจอกตนสุดท้าย

1384 Words
“กาลเวลาปลิดชีพบุหงาร่วงหล่น ไร้ปราณี ยามราตรี มิอาจข่มใจให้หลับตา เผ้ารอดวงจันทรา ดั้นเมฆมาเยี่ยมเยือน ผู้คนหมื่นพัน ปรารถนาเพียงท่านผู้เดียว” จิ้งจอกจะถูกกำจัดด้วยวิธีเผาทั้งเป็นเช่นวิธีการกำจัดสัตว์แห่งเทพและมาร เพื่อป้องกันไม่ให้ดวงวิญญาณดวงวิญญาณจิ้งจอกเวียนว่ายตายเกิดได้อีก หากสังหารเพียงร่างเนื้อ จิตวิญญาณของจิ้งจอกที่มาจุติเป็นมนุษย์ในภพชาติอื่นจะสามารถแปลงจิตวิญญาณกลับคืนเป็นจิ้งจอกตามสายเลือดแห่งบรรพบุรุษ เว้นแต่ว่าจิ้งจอกตนนั้นจะถวายวิญญาณให้แก่ผู้เป็นประมุขแห่งแดนปรโลก  มีตำนานเล่าขานว่าหุบเขาจิ้งจอกเป็นถิ่นกำเนิดของบรรดาเหล่าจิ้งจอกซึ่งสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ดังเช่นคนธรรมดา เมื่อข่าวลือหนาหูแพร่หลายออกไปเรื่องที่เหล่าจิ้งจอกมีอิทธิฤทธิ์มนต์ดำ ลุ่มหลงฝักใฝ่กิเลสตัณหาราคะ จิ้งจอกเพศผู้และจิ้งจอกเพศเมียมักล่อลวงมนุษย์ชายหญิงมาเสพย์กามแล้วสูบเอาวิญญาณเพื่อเพิ่มพลังความเป็นอมตะ  เพียงเวลาไม่นานที่มีข่าวลือนั้นแพร่สะพัดเผ่าพันธุ์จิ้งจอกก็ถูกกลุ่มคนที่อ้างตนว่าเป็นชาวยุทธ์ทรงคุณธรรม ไล่เข่นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จนเกือบหมดสิ้น ไม่มีการยกเว้นแม้สัตว์ที่บำเพ็ญเพียรถือศีลนับพันปีจนสามารถเลื่อนชั้นเป็นสัตว์เทพหรือถือกำเนิดโดยสายเลือดแห่งสัตว์เทพ  แต่ยังมีจิ้งจอกสาวหนึ่งตนที่ยังคงมีชีวิตเหลือรอดจากการถูกตามล่า ทว่าสายเลือดของนางก็ได้ถูกผสมผสานระหว่างมนุษย์และจิ้งจอก นางจึงมีร่างเนื้อเป็นหญิงสาวแสนงามเช่นเผ่าพันธุ์แห่งสัตว์เทพ ซึ่งหากเป็นเพศหญิงล้วนรูปโฉมสะคราญหวานล้ำยิ่งกว่าเทพธิดาหรือหากเป็นชายย่อมงามสง่าปานเทพบุตรบนแดนสวรรค์ ครอบครัวตระกูลหงย้ายจากหมู่บ้านหนานชาง ซึ่งเป็นถิ่นฐานบ้านเกิดของหงจินเป่า สามพ่อแม่ลูกได้อพยพมาตั้งรกรากอาศัยอยู่แถบชายป่าดงดิบห่างไกลจากชุมชน เพื่อหลีกเลี่ยงคำครหาของชาวบ้าน เพราะหงกุ้ยหลินมีรูปโฉมงดงามและยังคงความสาวสะพรั่งดั่งดรุณีแรกรุ่น สังขารมิได้ร่วงโรยตามวัยเช่นกับหงจือเป่าผู้เป็นสามี สองสามีภรรยาใช้ชีวิตคู่อยู่กินร่วมกันเช่นสามีภรรยาทั่วไปอย่างสงบสุขและเป็นเวลายาวนานนับสิบปี ดำรงชีพสมถะด้วยการทำไร่นาสวน บางครั้งบางคราวหงจือเป่าจะนำพืชผลที่ได้จากการทำไร่และของป่าหายากเข้าไปขายในเมือง เพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็น  หงกุ้ยหลินมีความหวังอยากจะกลายเป็นมนุษย์และแก่เฒ่าไปพร้อมกับสามี หากบุตรคนแรกที่เกิดกับมนุษย์ของนางมีอายุครบ 18ปี  ในภพชาตินี้หงกุ้ยหลินจะกลายเป็นมนุษย์อย่างถาวร ทว่าเมื่อบุตรสาวเพียงคนเดียวของจือเป่ากับนางจิ้งจอกกุ้ยหลินมีอายุแค่เพียง 10ขวบ หงกุ้ยหลินก็ถูกเหล่าชาวยุทธ์ที่อ้างตนว่าเป็นผู้มีคุณธรรมตามล่า “กุ้ยฟางลูกต้องอยู่ในหุบเขาจิ้งจอกเท่านั้น สัญญากับพ่อว่าเจ้าจะไม่ออกมาจากหุบเขาแห่งนี้เด็ดขาด” หงจือเป่ากำชับหงกุ้ยฟางด้วยอารามรีบเร่ง ขณะเด็กหญิงตัวน้อยก้มหน้าหลบสายตาของผู้เป็นบิดา เขาได้ทอดทิ้งธิดาคนเดียวของตนไว้กลางหุบเขาจิ้งจอกเพียงลำพังตามคำขอร้องของภรรยาว่าธิดาของนางจะปลอดภัยเมื่ออยู่ในหุบเขาจิ้งจอกซึ่งมีวิญญาณแห่งบรรพบุรุษซึ่งเป็นสัตว์แห่งเทพคุ้มครอง ทว่าเด็กหญิงหงกุ้ยฟางได้แอบติดตามบิดาไปอย่างเงียบเชียบด้วยสายเลือดจิ้งจอกที่แม้จะมีเพียงครึ่งแต่หงกุ้ยฟางมีความเฉลียวฉลาดว่องไวโดยสัญชาตญาณ ร่างเล็กปีนป่ายหลบซ่อนกายอยู่บนต้นไม้ใหญ่พุ่มใบหนาที่เคยแอบหนีมาเล่นซุกซนยามบิดามารดายุ่งวุ่นวายอยู่กับการทำไร่นาสวน หงจือเป่ารีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือหงกุ้ยหลินซึ่งกลายร่างเป็นจิ้งจอกเก้าหางตอนถูกจับมัดด้วยเชือกอาคม แม้จะรู้ดีว่าไม่สามารถช่วยผู้เป็นภรรยาของตนให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกลุ่มชาวยุทธ์ได้ ทว่าเขาก็ไม่อาจปล่อยนางต้องถูกเผาทั้งเป็นโดยไม่ช่วยเหลือใดๆ  “นั่นไงผัวนังจิ้งจอก จับมัน! ” ภาพบิดาถูกเหล่าผู้มีวรยุทธ์ทำร้ายและจับไปเผาทั้งเป็นพร้อมกับมารดาผู้เป็นจิ้งจอกบนกองฟืนขนาดใหญ่  เด็กน้อยไร้เดียงสาเสียใจแทบสิ้นสติแต่ไม่สามารถช่วยเหลือบุพการีของตนได้เพราะหงกุ้ยหลินเพ่งกระแสจิตร่ายเวทย์สะกดร่างของหงกุ้ยฟางไม่ให้ขยับกาย ขณะที่เด็กน้อยอยู่ในระยะห่างไกลจากนางกว่าหนึ่งลี้  หากชาวยุทธ์กลุ่มนั้นพบว่าครอบครัวตระกูลหงยังมีธิดาอายุสิบขวบอีกหนึ่งชีวิต เลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของนางก็จะถูกจับเผาทั้งเป็นเช่นกัน หงกุ้ยฟางตกอยู่ภายใต้เวทมนต์สะกดของมารดาบนต้นไม้ใหญ่แห่งนั้นนานกว่าหนึ่งวัน เฝ้ามองร่างของบุพการีถูกเผาทั้งเป็น ทว่าเด็กหญิงตัวน้อยสามารถจดจำใบหน้าผู้ลงมือสังหารบิดามารดาของตนได้อย่างแม่นยำไม่มีวันลืม ชายวัยกลางคนผู้นั้นไม่เหมือนคนปกติร่างกายเป็นชายทว่ากรีดกรายดั่งหญิงใส่เสื้อผ้าอาภรณ์หรูหรา นิ้วชี้ข้างขวาสวมแหวนโลหะรูปทรงโค้งยาวส่วนปลายนั้นคมกริบเสมือนกรงเล็บสัตว์ร้าย “เจ้าขาว เอาอะไรมาให้ข้าอีกแล้ว” อินทรีย์ขาวเพื่อนรักเพียงตัวเดียวของหงกุ้ยฟางวางโลหะสีเงินรูปทรงแหลมคมในกรงเล็บลงที่โต๊ะไม้ขอนเบื้องหน้าของเด็กสาว นางใช้ชีวิตลำพังในหุบเขาใหญ่กลางป่าลึกที่ชาวบ้านธรรมดาต่างหวาดกลัววิญญาณจิ้งจอกซึ่งถูกชาวยุทธ์เข่นฆ่าจะตามมาหลอกหลอน หากว่าหลงเข้าไปในหุบเขาต้องคำสาปแห่งนี้ แท้จริงแล้วข่าวลือสยองขวัญเหล่านั้นล้วนเป็นฝีมือของนางมนุษย์ครึ่งจิ้งจอกที่รอดชีวิตจากการถูกชาวยุทธ์ตามล่าสังหารล้างเผ่าพันธุ์  ร่างเล็กบางในชุดเครื่องแต่งกายทะมัดทะแมงคล้ายเด็กหนุ่มกำลังขมักเขม้นทอผ้าห่มไว้ใช้ให้ทันหน้าหนาวด้วยกี่ทอผ้าและของใช้ขนาดเล็กที่หงกุ้ยฟางแอบลงไปถ่ายขนเอามาจากบ้านหลังเก่าซึ่งเคยอาศัยอยู่กับบิดามารดาเมื่อแปดปีก่อน  “กริช ? มีมนุษย์ใจกล้าบุกเข้ามาหุบเขาจิ้งจอกรึ” หงกุ้ยฟางคุยกับนกอินทรีย์ พลางหยิบเอาอาวุธมีคมขนาดเล็กขึ้นมาหมุนดูปลายมีดคมกริบและด้ามจับที่มีลวดลายแกะสลักประณีตงดงามอย่างพิจารณา  ก่อนลุกขึ้นจากกองผ้าบนโต๊ะท่อนไม้ ที่เคยเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่แล้วถูกฟ้าผ่าหักออกเป็นสองซีก ครึ่งเล็กไหลตกลงไปตามกระแสน้ำ ส่วนครึ่งใหญ่เกยล้มพาดอยู่ด้านข้างต้นลำธาร และนางได้ลงมือเลื่อยขัดจนพื้นผิวไม้ขรุขระเรียบลื่นเงางามเพื่อใช้ประโยชน์จากมัน  หงกุ้ยฟางเข้าไปค้นหาสิ่งของในบ้านหลังน้อยซึ่งนางก่อมันขึ้นด้วยอิฐที่ทำจากดินเหนียวและมูลกระทิงป่า ด้วยภูมิปัญญาความรู้ที่จดจำมาตั้งแต่เยาว์วัยตอนเห็นบิดาปั้นอิฐเพื่อนำไปขายในหมู่บ้าน “ข้าอาจจะได้ใช้ประโยชน์จากของเก็บตกพวกนี้”  หงกุ้ยฟางยิ้มร่าให้เจ้าขาวที่ส่งเสียงร้องและกระพือปีกตอบรับ นางนำเอาหนังสัตว์แผ่นบางมาเทียบวัดกับกริช ดัดแปลงเป็นปลอกสวม เก็บซ่อนเอาไว้ด้านข้างของรองเท้าหนังกวางทรงสูงยาวหุ้มถึงลำแข้งสำหรับเดินป่าเพื่อใช้ประโยชน์ในอนาคตหรือเอาไว้ป้องกันตัว ข้าวของเครื่องใช้ทันสมัยส่วนใหญ่ล้วนได้มาจากการนำของป่าหายากไปขายในเมือง เช่นหนังสัตว์ที่ตายใหม่ๆ น้ำผึ้งป่า เห็ดหลินจือ โสมสายพันธุ์ต่างๆ รวมไปถึงสมุนไพรหายาก ส่วนวัตถุชิ้นเล็กแปลกตานั้นล้วนได้มาจากการสำรวจป่าของเจ้าขาว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD