ตอนที่ 2

1361 Words
“เลิกทำงานเถอะลูก… รีบๆ แต่งงานเข้าบ้านคุณหญิงผกาไปเถอะ ไอ้งานบริษัทน่ะจะเสียเวลาทำอยู่ทำไม เงินเดือนก็ได้ไม่กี่บาท คุณหญิงผกาท่านรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะให้หนูเป็นเลขาส่วนตัวของท่าน คอยช่วยดูแลการงานและบ่าวไพร่ในบ้านที่มีอยู่มากมาย” เป็นอีกเสียงโน้มน้าวของผู้เป็นบิดา อีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอเริ่มใจอ่อนลงในที่สุด ก็เพราะว่าบิดาของเธอเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านนายพลพิศาสซึ่งเป็นบิดาของเจ้าบ่าว ทำให้ดาราวดียอมแต่งงานกับ ‘พีรวิทย์’ ทายาทคนเดียวของคุณหญิงผกาในที่สุด พีริวทย์เป็นเซเลปหนุ่มรูปหล่อที่บรรดาไฮโซและสาวน้อยสาวใหญ่ต่างพากันคลั่งไคล้หลงใหลจนแทบจะตบตีกันตาย ในอินสตาแกรมมีสาวๆ ติดตามเขาเป็นแสน ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าผู้หญิงเหล่านั้นอยากเกี่ยวดองร่วมเครือญาติกับครอบครัวอภิมหาเศรษฐีอย่างเขา แต่สำหรับดาราวดีแล้วเธอรู้สึกเฉยๆ อันที่จริงก่อนหน้านี้ดาราวดีแทบไม่เคยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับนายพีรวิทย์คนนี้แม้แต่น้อยนิด เธอเป็นคนค่อนข้างหัวเก่า ออกจะเชยๆ เสียด้วยซ้ำ ตามเทคโนโลยีไม่ค่อยทัน ปกติก็ไม่ค่อยสนใจข่าวคราวในวงการบันเทิงอยู่แล้ว ละครหลังข่าวก็ไม่ค่อยได้ดู ยิ่งเรื่องราวเกี่ยวกับวงการไฮโซยิ่งไปกันใหญ่ ยังดีที่เธอมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ชอบเอาเรื่องราวในวงการบันเทิงมาเล่าให้ฟัง ล้วนแต่เป็นเรื่องซุบซิบดารานินทาวงการไฮโซ เธอก็พลอยรับรู้ไปด้วย ทั้งที่ก็ฟังอย่างผ่านๆ เผินๆ ไม่ได้สนใจจริงจัง จนกระทั่งได้ยินเพื่อนรักเอ่ยถึงชื่อของนาย ‘พีรวิทย์’ ต่อมาดาราวดีก็เริ่มแอบทำความรู้จักกับเขาอยู่เงียบๆ ผ่านช่องทางสืบค้นของอากู๋กูเกิ้ล จนทำให้รู้ว่าเขาคงเจ้าชู้มาก ยืนยันด้วยข้อความและโพสต์เกี่ยวกับเขาที่ขึ้นมายาวพรืด ตอนที่อากู๋กูเกิ้ลแสดงผลของการสืบค้น จากเรื่องราวที่กวาดสายตาอ่านเพียงคร่าวๆ ล้วนเกี่ยวกับกิตติศัพท์ความเจ้าชู้และเรื่องราวกระฉ่อนฉาวของเขาเสียเป็นส่วนใหญ่ ว่าเลิกกับคนนั้น คบกับคนนี้ กิ๊กกับคนโน้น มีข่าวลือเกี่ยวกับเขาเต็มไปหมด “แล้วนายพีรวิทย์ ลูกชายของคุณหญิงผกาเค้าจะชอบหนูผู้หญิงอย่างหนูหรือคะ” ดาราวดีถามออกไปด้วยน้ำเสียงซึ่งปราศจากความมั่นใจโดยสิ้นเชิง เธอรู้ตัวว่าไม่ได้สวยเซ็กซี่เหมือนบรรดาสาวๆ มากมายที่พีรวิทย์เคยคบหา “ถามอะไรอย่างนั้น ลูกแม่ไม่ได้ด้อยกว่าใครเลยนะจ๊ะ ทั้งรูปร่างหน้าตา ทั้งการศึกษา ถ้าลูกสาวของแม่ไม่เพียบพร้อมจริงๆ แล้วละก็ มีหรือที่คุณหญิงผกาท่านจะมาทาบทาบกับแม่ด้วยตัวเองถึงบ้าน อ้อ… แม่อยากให้หนูเรียกพี่เค้าว่า ‘พี่พีร์’ ฟังดูดีกว่าเรียกนายนั่นนายนี่นะจ๊ะ” มารดาหันมามองหน้าลูกสาวอย่างให้กำลังใจ เหมือนรู้ว่าดาราวดีไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเองสักเท่าไร ซ้ำยังบอกให้เธอเริ่มนับญาติกับผู้คนในตระกูลนี้ ทั้งที่ตอนนั้นดาราวดีก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรลงไป หญิงสาวเคยเอ่ยถามกับมารดา ถึงเหตุผลที่คุณหญิงผกาอยากได้เธอไปเป็นลูกสะใภ้ แล้วก็ได้คำตอบว่าคุณหญิงเป็นเพื่อนรักกับมารดาของเธอมานาน อีกทั้งท่านนายพลพิศาลซึ่งเป็นสามีของคุณหญิงผกาก็เป็นผู้บังคับบัญชาของพ่อ เคยไปมาหาสู่กันจนรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี อันที่จริงคุณหญิงผกาท่านเคยเห็นดาราวดีมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เรียกได้ว่าเห็นกันมาตั้งแต่ตอนตีนเท่าฝาหอยเลยก็ว่าได้ และด้วยความที่คุณหญิงอยากมีลูกสาวมาแต่ไหนแต่ไร ทำให้ท่านรักและเอ็นดูดาราวดีมาโดยตลอด ด้วยรู้ว่าเธอเป็นหญิงสาวที่ได้รับการอบรมบ่มเพาะนิสัยใจคอและกิริยามารยาทมาเป็นอย่างดี ภายใต้กฎระเบียบซึ่งค่อนข้างเข้มงวดของครอบครับที่มีผู้นำเป็นทหาร ตอนไปเรียนที่มหาวิทยาลัยก็มีคนคอยขับรถรับส่ง ดาราวดีแทบจะไม่เคยได้เที่ยวเตร่เฮฮาสังสรรค์เหมือนเพื่อนฝูงในรุ่นราวคราวเดียวกัน หลังเจอหน้าดาราวดีในงานการกุศลครั้งล่าสุดที่มารดาของเธอพยายามคะยั้นคะยอให้ไปออกงานด้วยกัน คุณหญิงผกาก็มาทาบทามกับพ่อแม่ของหญิงสาวอย่างเป็นจริงเป็นจังจนเธอเองก็รู้สึกตกใจ ตั้งตัวไม่ทันกับความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต ภายในห้องนอนกว้างใหญ่ ต้องเรียกว่า ‘ห้องหอ’ สินะ มันช่างกว้างขวางเสียจนหญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ส่วนประกอบเล็กๆ ของความเลิศหรูอลังการภายในห้องแห่งนี้ ดาราวดีจ้องมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง หมุนตัวไปมาเหมือนไม่แน่ใจว่าผู้หญิงที่กำลังเห็นอยู่ในกระจกนั้นคือตัวเธอ ชุดวิวาห์สีขาวพิสุทธิ์ ใบหน้าหมดจดงดงาม ริมฝีปาก ดวงตา และคิ้วที่ได้รับการตกแต่งจนคมขำ ดูงดงามขึ้นมาจากเค้าโครงเดิม ทำให้เธอดูแปลกตาจนเกือบจำตัวเองไม่ได้ หญิงสาวคลายมุ่นมวยของก้อนผมที่ขมวดเอาไว้หลังท้ายทอย เส้นผมสีดำราวแพรไหมคลี่คลายลงมาสู่ลาดไหล่สล้าง ขณะที่กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะอาบน้ำ ในคืนวิวาห์ที่ไร้เงาของเจ้าบ่าว บางครั้งเธอก็อดคิดไม่ได้ว่ากำลังพาตัวเองมาอยู่ผิดที่ผิดทางหรือเปล่า ดาราวดีนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า ตอนที่เจ้าบ่าวของเธอยังอยู่ในห้อง ร่างสูงใหญ่ของพีรวิทย์นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ดวงตารียาวรูปทรงคล้ายผลอัลมอนด์กำลังพริ้มสนิท ประสานฝ่ามือเอาไว้ใต้แผงอกกว้างที่ขยับยกขึ้นลงเป็นจังหวะ และเสียงระบายลมหายใจออกมาอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง ที่ช่วยยืนยันว่าเขากำลังหลับสนิท ไม่แปลกถ้าพีรวิทย์จะเหนื่อย หญิงสาวเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เพราะต้องยืนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมเป็นสักขีพยานรักกันอย่างล้นหลาม แน่นขนัดไปทั้งห้องโถงของโรงแรมหรู ตอนนั้นเธอกับเขาต้องเดินทักทายแขกเหรื่อในงานจนรู้สึกอ่อนล้าอย่างที่เห็น “พี่พีร์จะเอาน้ำเย็นมั้ยคะ ดาวจะไปเอามาให้” เธอเลียบๆ เคียงๆ เข้าไปถาม ด้วยกลัวว่าความห่วงใยนั้นอาจจะเป็นการรบกวนการนอนของเขา “ไม่ต้อง…”              เขาตอบสั้นๆ ทั้งที่ยังหลับตา             ครู่สั้นๆ ต่อมา ชายหนุ่มก็ลืมตาตื่น จากนั้นก็ผลุนผลันลุกขึ้นจากเตียง ก้าวยาวๆ เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องซึ่งเชื่อมต่อกับห้องนอน จากนั้นก็กลับเข้ามาในห้อง ก้มหน้าก้มตางุ่นง่านคล้ายหาอะไรสักอย่าง เมื่อหาไม่เจอก็หันมามองหน้าเธอ             “เห็นกุญแจรถมั้ย” เขาถามโดยไม่มองหน้าเธอ น้ำเสียงบ่งบอกถึงนิสัยเอาแต่ใจของตัวเอง สองมือลูบคลำกระเป๋ากางเกงพยายามค้นหากุญแจ “ไม่เห็นค่ะ พี่พีร์ไปลืมเอาไว้ที่ไหนหรือเปล่าคะ” หญิงสาวฉุกคิดขึ้นได้ว่าเธอไม่ควรจะถามออกไปเช่นนั้น หลังจากโดนคนอารมณ์ร้อนซ้ำยังปากร้ายตอบกลับมาจนเธออึ้ง พูดอะไรไม่ออก “ถ้ารู้แล้วจะถามเธอหาสวรรค์วิมานอะไร” เขาก้าวยาวๆ กลับเข้าไปในห้องน้ำ เป็นจังหวะเดียวกันกับสายตาของดาราวดีเหลียบไปเห็นพวงกุญแจรถของเขาตกอยู่ข้างเตียง มันคงหล่นออกมาจากกระเป๋ากางเกงในตอนที่เขาล้มตัวลงนอน อาจจะเป็นเพราะผืนพรมเปอร์เซียหนานุ่ม ที่ทำให้ไม่ได้ยินเสียงกุญแจตกกระทบพื้น “เจอแล้วค่ะพี่พีร์… ” 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD