“แด๊ดดี้น่ารักที่สุดเลยค่ะ”
แคทมองคลาร์คด้วยดวงตาเปล่งประกายหลังจากที่เขาโทรสั่งลูกน้องให้พักงานประชาสัมพันธ์สาวทันทีที่รู้เรื่องที่แคทต้องเจอ ตอนนี้แคทกับคลาร์คนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวในห้องทำงานของคลาร์ค เพื่อพูดคุยกันตามลำพังหลังจากที่คลาร์คได้บอกกับลิลลี่จนทำให้คนอื่นๆ รับรู้ไปด้วยว่าแคทคือลูกสาวของเพื่อนรุ่นพี่ที่คลาร์คให้ความสำคัญมากที่สุด
“ว่าแต่แด๊ดดี้ไม่ต้องไปดูแลคุณลิลลี่จริงๆ เหรอคะ เมื่อเช้าแคทก็เห็นมาพร้อมกัน แคทรออยู่ในห้องนี้คนเดียวก็ได้นะคะ” แคททำท่าเกรงใจ แกล้งถามถึงลิลลี่ที่ตอนนี้ต้องแยกออกไปคุยงานกับฝ่ายการตลาดขณะที่คลาร์คเลือกมาอยู่กับเธอ
“ไม่ต้องหรอก โปรเจ็คของลิลลี่มีคนดูแลอยู่แล้ว อีกอย่าง แด๊ดแค่บังเอิญเจอเขาหน้าบริษัทเฉยๆ เรียกว่ามาพร้อมกันไม่ได้หรอก” คลาร์คพูดอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับอธิบาย แคทใจฟูขึ้นมา หลังจากแน่ใจแล้วว่าลิลลี่ไม่ใช่คนสำคัญของคลาร์คอย่างที่เธอแอบกังวล
“ว่าแต่เราเถอะคิดยังไงถึงมาเมืองไทยคนเดียวโดยไม่บอกแด๊ดก่อน” คาร์คหันมาถามแคทบ้าง แคทเลยต้องรีบหาคำพูดมาตอบ เพื่อซ่อนเรื่องที่เธอตั้งใจจะมาพิชิตใจเขา
“ก็บอกแล้วไงคะว่าแคทคิดถึงแด๊ดดี้ แด๊ดดี้ไม่ไปหาแคทกับพ่อเลยนี่คะ” แคททำปากยื่นงอแงขึ้นมา “ทำไมอยู่ๆ แด๊ดดี้หายไปล่ะคะ แคทรอแด๊ดดี้ทุกวันเลย แด๊ดดี้รู้ไหมคะ”
แคทช้อนตามองคลาร์คอย่างจนดูน่าสงสาร คนมองใจอ่อนยวบ ดวงตาคมกล้าวูบไหวด้วยความรู้สึกผิดขึ้นมา
“แด๊ดงานยุ่งน่ะ แต่แด๊ดไม่เคยลืมแคทเลยนะ” คลาร์คให้เหตุผลเดิม เขาเม้มปากบางๆ ก่อนจะยกมือลูบศีรษะของแคทที่เอียงศีรษะเข้าหาฝ่ามือของเขาด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น “และพอแคทไม่ได้บอกแด๊ดล่วงหน้า แด๊ดเลยไม่ได้เคลียร์งานรอไว้ ช่วงนี้คงต้องนั่งดูแด๊ดทำงานไปก่อนนะ”
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา” ขอแค่ได้อยู่กับแด๊ดดี้กับพอ... ประโยคนี้แคทแอบคิดในใจ
“แด๊ดจะให้ไรอันซื้อน้ำกับขนมมาให้แล้วกัน ช็อคโกแลตเย็นกับเค้กดาร์คช็อคโกแลตเหมือนเดิมนะ”
“ค่ะ” แคทยิ้มกว้าง ดีใจที่คลาร์คยังจำได้ว่าเธอชอบกินอะไร
คลาร์คโทรสั่งเลขาของตัวเองแล้วลุกไปทำงานที่โต๊ะของเขา ไม่ถึงสิบนาทีไรอันก็นำขนมและเครื่องดื่มมาให้แคทตามที่คลาร์คสั่ง แคทนั่งกินขนมพร้อมกับแอบมองคลาร์คที่กำลังตั้งใจทำงานอย่างมีความสุขโดยที่คลาร์คไม่รู้ตัว
แคทอมยิ้ม แด๊ดดี้ของเธอยังดูดีเหมือนเดิมทั้งๆ ที่ปีนี้เขาอายุสี่สิบต้นๆ แล้ว แต่ใบหน้าของเขายังคงหล่อเหลาคมเข้มในแบบชายหนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ ท่าทางของเขายังดูสง่า มีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ ดูดีกว่าเพื่อนผู้ชายร่วมรุ่นของเธอเสียอีก
แต่เรื่องพวกนั้นไม่ได้สำคัญเท่ากับเรื่องที่เขายังคงอ่อนโยนและใจดีกับเธอเหมือนเดิม ใส่ใจเธอเหมือนเก่า เพียงแค่ได้สบตาของเขา เธอก็รู้สึกอุ่นซ่านไปพร้อมๆ กับความรู้สึกคล้ายกับมีพลุระเบิดขึ้นมาในใจของเธอ
เธอไม่รู้ตัวว่าเธอเริ่มรู้สึกแบบนี้กับคลาร์คตั้งแต่เมื่อไหร่ ความผูกพันตั้งแต่เด็กทำให้เธอไม่รู้ว่าเธอเปลี่ยนไปรักคลาร์คในแบบที่หญิงสาวรักผู้ชายคนหนึ่งตอนไหน รู้แค่ว่าตอนนี้เธอชอบเขามากจนไม่อยากเสียเขาไป อยากให้เขารักเธอเหมือนที่เธอรักเขาเหมือนกัน
ถ้าเธอได้เป็นคนรักของเขา เธอจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูทำให้แคทตื่นจากฝันหวาน รวมถึงคนที่นั่งหลังโต๊ะทำงานก็เงยหน้าขึ้นมาเช่นกัน
“คุณคลาร์คครับ คุณลิลลี่ขอเข้าพบครับ”
แคทที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หน้าตึงขึ้นมาหลังจากได้ยินคำรายงานของไรอันที่เอ่ยชื่อของผู้หญิงที่เธอหมายหัวว่าเป็นศัตรูหัวใจ แค่เห็นสายตาของลิลลี่เธอก็มองออกแล้วว่าลิลลี่กำลังคิดอะไร ถ้าไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายก็กำลังสนใจแด๊ดดี้ของเธอเหมือนกัน
“คลาร์คคะ” ลิลลี่ส่งเสียงหวานตอนที่ก้าวเข้ามาในห้องหลังจากได้รับคำอนุญาต “อ้าวหนูแคท ยังอยู่เหรอจ๊ะ”
ลิลลี่ที่หันมาเจอแคทฉีกยิ้มกว้างอย่างใจดี ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยมองแคทอย่างไม่เป็นมิตรมาก่อน
แคทกำลังจะส่งยิ้มตอบ แต่ลิลลี่กลับหันหน้าหนีไม่สนใจเธออีก รีบเดินไปหาคลาร์คแทน เหมือนกับว่าที่เอ่ยทักแคทก็แค่ทำไปตามมารยาทเท่านั้น
แคทเลยหุบยิ้ม และทำหน้าบึ้งยิ่งกว่าเก่า ยิ่งเห็นว่าลิลลี่ที่ยืนหน้าโต๊ะของคลาร์คก้มตัวต่ำเพื่อโชว์ร่องอก แคทก็ยิ่งหงุดหงิดกับท่าทางของผู้หญิงคนนี้
“ใกล้จะเที่ยงแล้ว เราไปกินข้าวพร้อมกันเลยดีไหมคะคลาร์ค” ลิลลี่ถามพร้อมกับเลื่อนมือเข้าหามือหนา แต่ยังไม่ทันได้วางมือเล็กบนนั้น ก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอีกครั้ง
“คุณคลาร์คครับ คุณแพรวาขอเข้าพบครับ”
ลิลลี่ที่กำลังยั่วยวนคลาร์คหลุดอาการทำท่าไม่พอใจบ้าง แคทขมวดคิ้วยุ่ง แพรวาคือชื่อของผู้หญิงแน่ๆ แล้วผู้หญิงที่ไหนมาหาแด๊ดดี้ของเธออีก
“บอกคุณแพรวาให้รอสักครู่” คลาร์คส่งเสียงบอกไรอัน จากนั้นจึงดึงสายตากลับมาหาลิลลี่ “ลิลลี่ครับ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ วันนี้ผมคงไม่กินข้าวกับคุณไม่ได้”
คนถูกปฏิเสธหน้าเจื่อน แคทเองก็มีสีหน้าไม่ดีเหมือนกัน
หรือว่าแด๊ดดี้ของเธอตั้งใจจะไปกินข้าวกับผู้หญิงที่ชื่อแพรวา...
หรือว่าผู้หญิงคนนี้...คือคนที่แด๊ดดี้กำลังสนใจกันนะ