สะใภ้สาวเลี้ยวรถเข้ามาจอดในคฤหาสน์เลิศภูวนันท์นานแล้ว แต่กลับลังเลไม่ยอมก้าวขาออกจากรถเสียที ตอนตัดสินใจจะหย่ากับภรัณว่ายากแล้ว ตอนลงมือทำจริงๆ ยิ่งยากกว่า หัวใจคนไม่ใช่เครื่องจักร สั่งปุ๊บจะได้ตัดฉับอย่างรวดเร็วทันใจ อย่างไรก็ต้องมีความรู้สึกผูกพันหลงเหลือยู่บ้าง ของเธอไม่ใช่แค่ผูกพัน แต่ความรักที่มีต่อเขาก็ยังมีอยู่เต็มหัวใจ
เฌอปัณณ์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ปลุกแรงฮึดและความเด็ดขาดในตัวขึ้นมา เปิดประตูก้าวขาเดินฉับๆ เข้าไปในคฤหาสน์ราวกับกลัวตัวเองจะหมุนตัวกลับ เธอเห็นพ่อแม่สามีนั่งอยู่ในห้องรับแขก แต่คิดไม่ถึงว่าภรัณเองก็จะอยู่ที่นี่ด้วย ปกติเขามักจะหลีกเลี่ยงไม่ค่อยกลับมาบ้าน เพราะรำคาญที่พ่อแม่เอาแต่เซ้าซี้ถามถึงเรื่องหลาน
“ภาม แกแต่งงานกับน้องมานานแล้วนะ จะผัดวันประกันพรุ่งไปถึงเมื่อไหร่ นี่ก็สามปีแล้วนะ ถึงเวลาที่ควรจะคิดเรื่องมีลูกได้แล้ว”
เธอคิดปุ๊บ ภัสสรผู้เป็นแม่สามีก็เอ่ยถามลูกชายขึ้นมาทันควันเลย ก่อนจะมีเสียงสำทับจากพ่อสามีอย่างวุฒิชัยเสริมขึ้นอีกแรงว่า
“แม่แกพูดถูก ฉันกับแม่แกนับวันก็มีแต่แก่ตัวลงไปทุกวัน พวกฉันอยากอุ้มหลานชาตินี้ ไม่ใช่ชาติหน้า แกไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณช่วยทำให้พ่อแม่สมหวังบ้างเลยรึไง เมียแกทั้งสวยแถมยังน่ารักขนาดนั้น แกเองก็หล่อได้พ่อมาเต็มๆ ถ้ามีลูกสักสองสามคนคงจะน่ารักน่าชังมากแน่ๆ อย่าว่าแต่พวกฉันจะหลงหลานเลย เผลอๆ แกนั่นแหละที่จะหลงลูกจนโงหัวไม่ขึ้น”
“บอกแล้วไงครับว่าผมไม่คิดจะมีลูก”
น้ำเสียงเด็ดขาดเย็นชาของสามีเธอ ทำให้คนที่ยืนแอบฟังอยู่ตรงนี้ชาดิกไปทั้งตัวและหัวใจราวกับโดนแช่แข็ง สีหน้าที่หม่นเศร้าอยู่แล้วยิ่งซีดเผือด ริมฝีปากสั่นระริกอย่างระงับความเสียใจไม่อยู่ รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าภรัณไม่รักเธอ แล้วจะคิดมีลูกกับเธอได้ยังไง แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเขาเอ่ยตัดรอนอย่างไร้เยื่อใย เธอก็ยังคงปวดใจคล้ายถูกคมมีดกรีดเฉือนอยู่ดี
“ทำไม ลูกสะใภ้ฉันไม่ดีตรงไหน หรือไม่ออดอ้อนดัดจริตเหมือนแม่นางเอกแฟนเก่าที่ทิ้งแกไปรึไง แกถึงทำใจรักน้องไม่ได้สักทีฮึตาภาม!” ภัสสรถามลูกชายอย่างเอาเรื่อง ซ้ำยังค้อนปะหลับปะเหลือกจนลูกตาแทบจะหลุดออกจากเบ้า ทำเอาวุฒิชัยต้องช่วยปลอบใจให้คลายโทสะด้วยการตบหลังมือภรรยาแผ่วเบา
ทว่าคนต้นเรื่องกลับนั่งไขว่ห้างอย่างไม่สะทกสะท้าน ยังคงเอ่ยอย่างไม่แยแสว่า
“ไม่รักก็คือไม่รักครับ ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น เพราะฉะนั้นผมคงทำให้คุณพ่อคุณแม่สมหวังเรื่องนี้ไม่ได้ ตัดใจเถอะครับ ยังไงผมก็ไม่ยอมมีลูกกับเฌอเป็นอันขาด ผมไม่อยากให้ลูกเกิดมารับรู้ว่าพ่อของแกเกลียดแม่ของแกมากแค่ไหน มันจะกลายเป็นปมด้อยในใจเด็กซะเปล่าๆ”
เฌอปัณณ์ยิ้มขื่น อดรู้สึกเหมือนถูกเขาเสียดสีไม่ได้ ภรัณช่างมีแก่ใจคิดถึงลูกที่ยังไม่เกิดของเธอเสียจริง หากเป็นลูกของมารีนละก็ เขาคงจะยินดีปรีดาเต็มใจยอมรับล่ะสิท่า
“ไอ้ลูกบ้า!” ภัสสรชี้หน้าด่าลูกชายอย่างขัดใจ “แกนี่มันโง่ แถมยังตาบอด มองไม่เห็นความดีของเมียแกบ้างเลยรึไง น้องรักแก ดูแลเอาใจใส่แกดีทุกอย่าง แกจะทำตัวร้ายกับน้องยังไงก็ไม่เคยปริปากบ่น ขนาดตอนแต่งงานแกไม่ยอมจัดพิธีให้สมเกียรติน้อง แต่ทำมุบมิบเหมือนเห็นน้องเป็นแค่เมียลับเมียเก็บ น้องก็ยังไม่เคยถือสาหรือโกรธแกเลยสักนิด คนดีๆ แบบนี้แกยังไม่รัก แล้วแกจะรักผู้หญิงแบบไหนอีกห้ะ หรือต้องดีเลิศ วันๆ เอาแต่นั่งชูคอเชิดหน้าเป็นกิ้งก่าแบบแม่มารีนมาแรดคนนั้น”
“เรื่องนี้เมลไม่เกี่ยว คุณแม่อย่าลากเธอเข้ามายุ่งเลยครับ” ภรัณเสียงแข็งบ่งบอกว่าไม่พอใจ
ดูเอาเถอะว่าเขาปกป้องมารีนจนออกนอกหน้าขนาดไหน แม้แต่แม่แท้ๆ ก็ยังแตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลย!
“ภาม!” วุฒิชัยปรามลูกชายเสียงขรึม ไม่พูดมาก แค่มองตาให้ภรัณรู้ตัวว่ากำลังลามปามผู้เป็นแม่มากเกินไป
“ผมขอโทษครับ” เขาก้มหัวให้มารดา ทว่ายังคงยืนยันในความคิดตนหนักแน่นว่า “แต่ยังไงผมก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ ผมจะไม่มีลูกกับเฌอ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคตก็ตาม”
“ที่แกไม่ยอมมีลูก เพราะคิดจะหย่ากับน้อง แล้วกลับไปคืนดีกับแม่ดารานั่นใช่มั้ย”
เฌอปัณณ์เฝ้ามองสามีตาไม่กะพริบ อย่าว่าแต่แม่สามีที่ถามตรงๆ เพราะความอยากรู้เลย เธอเองก็อยากจะรู้ให้แน่ชัดเหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องที่ว่าเขารักคนอื่นจะเป็นจะตาย แต่เธออยากรู้ว่าตลอดสามปีที่ผ่านมา ทุกสิ่งที่เธอทุ่มเททำเพื่อเขา มันเคยสะกิดใจหรือมีความหมายในใจเขาสักนิดบ้างรึไหม หรือว่าระหว่างเราจะไม่เคยมีความรู้สึกอะไรกันเลยสักนิด ไม่มีความรักความผูกพัน ไม่มีแม้แต่ความดีเพียงน้อยนิด
“พี่ภาม พี่เคยรักเฌอบ้างมั้ย?” เธอเอ่ยเสียงแผ่วหวิวลอยไปกับอากาศ เป็นคำถามที่ไม่เคยกล้าเอ่ยกับเขาสักครั้ง ได้แต่เก็บมาคิดน้อยใจอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะถามเขาอย่างนี้ ส่วนคำตอบจะเป็นอย่างไรนั้น...
ริมฝีปากภรัณเม้มสนิท เลือกเบือนหน้าหนีมารดา ซุกซ่อนแววตาลุ่มลึกที่ยากจะคาดเดา ถึงเขาไม่พูด เฌอปัณณ์ก็รู้คำตอบดีอยู่แก่ใจ หัวใจเธอยิ่งรวดร้าวเจ็บปวดจนแน่นหน้าอกไปหมด หญิงสาวยกมือกุมหน้าอกสู้อดทนกัดริมฝีปากแน่น พยายามควบคุมเสียงสะอื้นที่อาจจะเล็ดลอดหลุดออกไปให้พวกเขาได้ยินอย่างสุดตัว
เธอเข้าใจแล้ว...
รู้ซึ้งไปถึงก้นบึ้งหัวใจแล้วว่าไม่ควรฝืนดันทุรังต่อไป หยุดคาดหวังหรือคิดเพ้อฝันเสียที เพราะต่อให้ทำดีจนตัวตาย ภรัณก็ไม่มีวัน ‘รัก’ เธอ!
เฌอปัณณ์ฝืนความปวดร้าวยืดแผ่นหลังตั้งตรง แม้จะบอบบางและดูโดดเดี่ยว แต่ก็แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นกล้าหาญ สองขาเรียวก้าวออกจากที่กำบังไปหยุดยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา เอ่ยคำพูดราบเรียบด้วยใบหน้าที่เปี่ยมรอยยิ้มเฉกเช่นคนที่ผ่านการตัดสินใจมาอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วว่า
“ในเมื่อพี่ภามไม่เคยรักเฌอและไม่คิดจะสร้างครอบครัวด้วยกัน เราก็อย่าฝืนกันอีกเลย หย่ากันเถอะค่ะ”