ณ เมือง Black Rose
“ฝ่าบาทเพคะ เซนโยสิ้นพระชนม์แล้วเพคะ”
ปลายฟ้าเอ่ยบอกปีศาจหนุ่มที่กำลังฝึกซ้อมยิงธนูร่วมกับบรรดาพี่น้องคนอื่นๆ สายตาของเขาไม่ละห่างจากเป้าหมายตรงหน้า รอยยิ้มเหยียดผุดขึ้นบนเรียวปากหยักทรงเสน่ห์ ลานนาลอบมองริชาดสามีของตนเช่นกัน ท่าทีพึงพอใจราวกับข่าวที่ราชินีนำมาแจ้งให้ทราบคืออาหารอันโอชะ
“ก็น่าตายนะ”
แฟกเตอร์เอ่ยพลางวางธนูคู่กายลงบนโต๊ะไม้ ก่อนทิ้งตัวนั่งดื่มชาร้อนๆ ที่นางในนำมาถวายระหว่างทำกิจกรรมโปรด
“โดนมนต์ของพวกเราไปขนาดนั้นถ้ารอดก็เก่งละ”
ฟินิกซ์หัวเราะหยัน ปลายฟ้ามองค้อนปีศาจหนุ่มทั้งสองพลางเดินไปใกล้ผู้ปกครองรัฐ
“ฝ่าบาท…” น้ำเสียงของเธออ่อนแสง ลีโอวางมือจดจ้องใบหน้างดงามของชายา “เราทำเกินไปหรือเปล่าเพคะ”
ความที่เจ้าหล่อนมีจิตใจอ่อนโยนเป็นเดิมทุนจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับความโหดเหี้ยมได้
“หรือต้องรอให้มันฆ่าลีโอก่อนเธอถึงจะคิดว่าควรทำ”
ริชาดมองค้อน
“ไม่เอาสิ” ลานนาเตือนสติสามี ริชาดทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอแต่ก็ยอมหยุดเพื่อเธอ “ขอประทานอภัยด้วยเพคะราชินี” ลานนาก้มศีรษะลุแก่โทษ ปลายฟ้าพยักหน้าไม่ถือความ
“เมืองวารีคงร้อนเป็นไฟยามไร้ผู้ปกครองรัฐ หม่อมฉัน…”
“อย่าไปสนใจเลยปลายฟ้า”
ลีโอพูดในที่สุด ท่าทีของเขาไม่โมโหหรือหงุดหงิด ใบหน้าคมคายมีรอยยิ้มหวานส่งตรงถึงร่างบางเสมอ
“ถ้าเราไม่ฆ่าเขาสักวันเขาก็ต้องฆ่าเรา อีกอย่างมรกตจันทราไม่ใช่ของๆ วารีตั้งแต่แรก ไอ้บ้านั่นอยากโลภมากเองทำไมล่ะ” ถ้าไม่คิดแย่งของมีค่าแห่งราชินีไปจากเมือง เรื่องราวทุกอย่างคงไม่ลงเอยเช่นนี้ เซนโยเดินหมากผิดตั้งแต่เริ่ม คงคิดว่าจะเคี้ยวพวกชาวปีศาจแห่ง Black Rose ได้ง่ายๆ
แต่ผิดคาด ลานนามีใจให้ริชาดและพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขาโดยไม่โอนอ่อนไปหาอีกฝ่าย
“จริงเพคะ”
ทุกสายตาหันไปมองคาร่าที่เดินยิ้มหวานมาแต่ไกล บรรดาพี่ชายปลื้มปริ่มยามเห็นน้องสาวเพียงหนึ่งเดียว พวกเขารีบลุกไปสวมกอดร่างบางเป็นการต้อนรับ ภาพตรงหน้าสร้างความประทับใจต่อปลายฟ้าและลานนา
“น้องกลับมาแล้ว ทำไมคราวนี้ไปนานจังล่ะ”
ลีโอเป็นฝ่ายถามคนแรก
“น้องอยากอยู่กับธรรมชาติให้นานที่สุดเพคะ”
“อยากอยู่กับธรรมชาติหรือว่าอยากเก็บเกี่ยวมนตราเพิ่มกันแน่” ริชาดยิ้มยกมุมปาก คาร่าแม้จะเก่งกาจเกินใครทว่าหล่อนกลับเป็นพวกแสวงรู้ตลอดเวลา หากมีมนตราบทใดที่ยังไม่รู้เธอจะรีบศึกษาเพื่อไม่ให้พลาดแม้แต่บทเดียว
“ท่านพี่รู้ใจน้อง” คาร่ายิ้มตอบ ก่อนกวาดตามองลานนา “กี่เดือนแล้ว?” คนถูกถามหน้าแดงก่ำ ริชาดหัวเราะในลำคอก่อนเดินไปโอบกอดชายาสุดที่รัก
“เดือนหน้าก็คลอดแล้ว” เขาพูดแล้วฉกฉวยแก้มนวลต่อหน้าทุกคน ลานนาเบิกตากว้างพลางตีแขนกำยำเต็มแรง
“คนบ้า! อายคนอื่นเขานะ”
เหล่าปีศาจต่างหัวเราะให้กับความน่ารักสดใสของลานนาและริชาด ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าปีศาจที่ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมและเย็นชาที่สุดอย่างริชาดจะมีคู่ครองเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แถมอ่อนหวานอย่างลานนา มนุษย์สาวแสนพยศที่ต้องผ่านบททดสอบมากมายกว่าจะได้หัวใจของปีศาจหนุ่ม ริชาดเองก็รักและหึงหวงชายาคนนี้เป็นที่สุด
บรรดาองค์รักษ์หนุ่มๆ มองนิดมองหน่อยก็เดือดดาล หาว่าพวกเขามีใจชอบพอในตัวเจ้าหล่อน ลานนาต้องคอยห้ามปรามบ่อยครั้งเพื่อไม่ให้เขามุทะลุทำในสิ่งที่ไม่สมควร ทว่าภาพเหล่านั้นกลับเป็นเรื่องตลกขบขันสำหรับพี่น้อง พวกเขาต่างแกล้งยั่วยุอารมณ์คนขี้หึงเวลาที่ต้องการเห็นสีหน้าร้อนรนของอีกฝ่าย
“ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ” คาร่าถามต่อ
“ไม่ทราบเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ให้เทพมาดูให้”
“ทำไมล่ะ?”
คาร่าแปลกใจ ปกติหากชายาหรือสนมท่านใดที่ตั้งครรภ์จะต้องให้เทพมาเปิดดวงชะตาและทำนายเพศของบุตรกันทุกคน เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาช้านานกว่าหลายหมื่นปี
“ลานนาอยากลุ้นน่ะ” ริชาดว่า เขานั้นตามใจเธอเสมอ
“ลานนากำลังจะมีทายาทให้ท่านพี่ริชาดแล้ว เมื่อไหร่ราชินีจะทรงมีบ้างล่ะเพคะ” องค์หญิงจอมแสบหันมาทางปลายฟ้าเสียดื้อๆ คนที่กำลังฟังเรื่องราวเพลินๆ ถึงกับสำลักน้ำชากะทันหัน ดวงตากลมโตเลิ่กลั่กยามสายตาร้อนแรงของสวามีจับจ้อง ทำเอาแก้มนวลแดงระเรื่อเพราะไม่ได้อยู่กันตามลำพัง
“หม่อมฉันอยากเห็นทายาทคนสำคัญของเมืองแล้วเพคะ”
คาร่ายังคงพูดไม่เลิก อาการเขินอายของราชินีที่ก่อนหน้ามีแต่ความเย็นชาแสดงออกต่อหน้าสาธารณะชนยิ่งทำให้เหล่าปีศาจต่างพึงพอใจ ลีโอนั่งลงข้างๆ ปลายฟ้า ฝ่าบาทจอมร้ายกาจเชยปลายคางมนให้เจ้าหล่อนสบตากับตน
“ว่าไงล่ะปลายฟ้า มาอยู่ก่อนแท้ๆ แต่กลับปล่อยให้ลานนาแซงหน้าไปซะงั้น” เขาแสร้งว่า
“ฝ่าบาท!”
ปลายฟ้าถลึงตาใส่ ไม่กล้ามองใครนอกจากก้มหน้างุด อากัปกิริยาของเธอช่างน่ารักและกระตุ้นต่อมความเป็นชายได้ดีเหลือเกิน ลีโอยักคิ้วให้บรรดาพี่น้องก่อนจะร่ายเวทย์มนต์พาปลายฟ้าหายไปจากลานสนามยิงธนูกว้างใหญ่
ลานนายกมือปิดหน้าแล้วอายแทน
“เป็นอะไร?” ริชาดขบขัน “หรือว่าอยากไปแบบเขา”
น้ำเสียงเข้มกระซิบชิดใบหูขาวสะอาด ลานนามองค้อนทุบแขนปีศาจจอมเจ้าเล่ห์หนึ่งที
“บ้าน่า!”
สาวเจ้าเดินหนีเพราะทนสายตาหยอกล้อของทุกคนไม่ไหว ริชาดยิ้มยกมุมปากในท่าทีมีเลศนัยก่อนเดินตามร่างบางไปติดๆ ทิ้งสามพี่น้องให้มองตามพลางส่ายหัว
“เฮ้อ…” ฟินิกซ์ถอนหายใจ ยกแก้วน้ำชาขึ้นดื่มดับกระหาย
“ทำไมทำเสียงแบบนั้น อิจฉาเขาเหรอ” แฟกเตอร์ว่า ชายหนุ่มเตรียมตัวซ้อมยิงธนูอีกครา
“ทำไมต้องอิจฉา ก็แค่พวกมีพันธะ” ฟินิกซ์ว่าแล้วหัวเราะ คาร่าพลอยยิ้มตามไปด้วย
“น้องก็คิดว่าท่านพี่อยากมีพันธะกับเขาบ้างเสียอีก” องค์หญิงน้อยหยอกเย้าพี่ชาย ฟินิกซ์ยักไหล่ก่อนพูดต่อว่า
“ระดับพี่ต้องเต็มไปด้วยนางโลมสวยๆ เท่านั้น เมียเดียวแบบนั้นไม่ใช่ทางของพี่” ปีศาจหนุ่มเจ้าสำราญกล่าวพลางยิ้มเจ้าชู้ แฟกเตอร์ส่ายหน้าให้กับความอวดดีของพี่น้องร่วมสายเลือด คาร่านั่งมองพี่ชายยิงธนูแข่งกัน ในใจของเธอกำลังล่วงรู้อะไรบางอย่าง ภายใต้ใบหน้างดงามนิ่งเฉยราวกับไร้เรื่องขุ่นข้องหมองใจ
หากใครจะรู้ว่าเธอสัมผัสได้ถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่เมื่อเธอไม่พูดบรรดาพี่ๆ หรือใครก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเธอทั้งสิ้น
ถ้าพูดก็จบ! แต่คาร่าชอบที่จะปล่อยให้เรื่องราวเป็นไปตามอำนาจแห่งกฏของกาลเวลามากกว่า
“องค์หญิงจะทรงทำแบบนี้ไม่ได้นะพะยะค่ะ!”
เอเดน บุตรชายของเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่กล่าวกับสตรีสูงส่งแห่งเมืองวารี ดวงตาเรียวรีมุ่งมั่นตามที่ลั่นวาจาทุกประการ ยังไงซะความตั้งใจของเธอก็ต้องดำเนินต่อไป ไม่มีทางยอมแพ้หรือถอยหลังเด็ดขาด
“ตอนนี้บ้านเมืองกำลังเสียขวัญ ขาดฝ่าบาทไปองค์หญิงเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่จะช่วยพยุงเมืองวารีให้อยู่รอดปลอดภัย ประชาชนต่างตั้งตารอวันแต่งตั้ง”
เอเดนชี้แจง หวังให้แอนเดรียเห็นถึงคุณค่าของบ้านเมืองมากกว่าความแค้นส่วนตัว
“เราคงขึ้นครองราชย์อย่างไร้สุขหากไม่ได้แก้แค้นให้ท่านพี่”
น้ำเสียงเรียบนิ่งหากแฝงไปด้วยความร้อนรุ่ม
“เรื่องแก้แค้นหม่อมฉันคิดว่าเราค่อยหาทางถล่มพวกมันทีหลังก็ยังไม่สาย อย่าทรงลงมือเองเลยพะยะค่ะ”
เอเดนเป็นห่วง เมือง Black Rose ไม่ใช่เมืองที่จะเข้าออกได้ง่ายๆ การป้องกันนั้นแน่นหนาโดยเฉพาะเขตพระราชวัง
ทหารพวกนั้นเหี้ยมโหดกว่าตระกูลปีศาจใดทั้งหมด ใครที่คิดเข้าไปทำร้ายเชื้อพระวงศ์ต่างได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม
“ไม่ได้!” แอนเดรียเสียงแข็งก่อนเอ่ยต่อว่า “เรื่องนี้ฉันต้องแก้แค้นพวกมันด้วยตัวของฉันเอง”
“แต่ว่า…”
“นายอยู่ทางนี้ก็ช่วยดูแลไปก่อน ดูแลแทนฉัน”
แอนเดรียกล่าว จัสมินถอนหายใจพลางมองชายหนุ่มรูปร่างกำยำ เธอและเขาต่างหนักใจที่ไม่อาจห้ามปรามองค์หญิงได้
“พ่อของนายก็เป็นถึงเสนาบดีใหญ่ เขาย่อมดูแลเมืองวารีแทนฉันได้อยู่แล้ว” นั่นแหละคือเหตุผลที่ทำให้เอเดนไม่อยากปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป ถ้าไม่มีแอนเดรียผู้ซึ่งเป็นทายาทคนสำคัญของเมืองแล้ว บิดาของเขาอาจคิดทำบางอย่างที่เป็นผลร้ายต่อบ้านเมืองได้
ในฐานะบุตรชายเอเดนไม่สามารถบอกกล่าวสตรีเบื้องหน้าได้ว่าผู้เป็นพ่อกำลังคิดไม่ซื่อ เขาจึงอยากปกป้องและดูแลตำแหน่งอันทรงเกียรติให้กับเธอแด่เพียงผู้เดียว ทว่าเอเดนกลับไม่รู้ว่าจัสมินล่วงรู้อะไรบางอย่าง นางในคนสนิทเก็บงำความลับไว้ในใจเพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนที่มีปีศาจหนุ่ม
“แล้วองค์หญิงจะทรงเข้าไปอย่างไร” ในเมื่อห้ามไม่ได้ก็อยากรู้ว่าผู้คิดทำการใหญ่มีแผนอะไร
“ฉันรู้มาว่าราชินีปลายฟ้าเป็นผู้มีจิตใจงดงาม โอบอ้อมอารีต่อเหล่าพสกนิกรเป็นอย่างมาก”
แอนเดรียกล่าวขึ้น เรียวปากบางแสยะยิ้มเล็กน้อย
“ใช่เพคะ ความดีของราชินีแห่งเมือง Black Rose เลื่องลือมาถึงเมืองของเรา” จัสมินเสริมคำพูดนั้น
“แล้วเกี่ยวอะไรกับการเข้าเมืองพะย่ะค่ะ”
เอเดนยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“อีกสามวันลีโอและปลายฟ้าจะออกเยี่ยมเยียนความเป็นอยู่ของประชาชน ช่วงเวลาสำคัญเช่นนั้นภายในเมืองคงวุ่นวายไม่น้อย ถ้าฉันกับจัสมินทำทีเป็นคนเร่ร่อนแฝงตัวเข้าไปเพื่อขออาหารที่ทางสำนักราชวังนำมาแจกจ่ายก็คงไม่มีใครสงสัย”
แผนการนี้แยบยลกว่าที่คิด จัสมินรู้สึกพึงพอใจที่อย่างน้อยองค์หญิงแอนเดรียก็ไม่คิดทำการมุทะลุโดยไร้ซึ่งการไตร่ตรอง นางในสาวรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก
“หม่อมฉันเห็นด้วยกับองค์หญิงเพคะ” จัสมินสนับสนุน เอเดนพ่นลมหายใจหงุดหงิดพลางตวัดตามองอีกฝ่าย
“แต่ยังไงมันก็เสี่ยงอยู่ดี!” น้ำเสียงของเขาเข้มข้น จัสมินสบตามองใบหน้าคมคายอย่างไม่คิดเกรงกลัว
“ถ้าต้องการล่าเนื้อศัตรูให้อยู่ในกำมือมันก็ต้องยอมเสี่ยง”
แอนเดรียชื่นชมความเด็ดเดี่ยวของจัสมิน หล่อนไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยสักครั้ง แม้จะห้ามในคราแรกแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะอยู่เคียงข้างและสนับสนุนเธอเสมอมา
“จัสมินพูดถูก ถ้าต้องการล่าเนื้อศัตรูต่อให้ปลายมีดจ่ออยู่ที่คอมันก็ต้องยอมเสี่ยง”
ความมุ่งมั่นขององค์หญิงผู้ห้าวหาญเพิ่มทวีคูณ ความแค้นที่สุมอยู่ในอกรอวันชำระล้างจนแทบอยากลงมือเสียเดี๋ยวนี้
“ฉันจะเอาเลือดของพวกมันมาสังเวยให้กับท่านพี่ให้จงได้!”
เธอรอให้เวลานั้นมาถึงไม่ไหวแล้ว!