“จัสมินหยุดเดี๋ยวนี้นะ จัสมิน!”
เอเดนสั่งเสียงเข้มตลอดทางแต่นางในส่วนพระองค์กลับรีบจ้ำอ้าวเดินหนีเพราะไม่ต้องการเสวนากับเขา ยิ่งกำลังกรุ่นโกรธเรื่ององค์หญิงเธอยิ่งไม่อยากคุย มือหนาคว้าหมับที่ต้นแขนกลมกลึง ออกแรงกระชากทีเดียวร่างบางระหงส์ก็ลอยปะทะอกแกร่ง สายตาดุดันของอีกฝ่ายกระตุกหัวใจดวงน้อยพอสมควร
“ทำไมถึงไปสนับสนุนองค์หญิงแบบนั้น ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย!” เขาตะโกนใส่หน้า
“นาทีนี้องค์หญิงไม่ทรงสนพระทัยสิ่งใดนอกจากเรื่องแก้แค้นให้ฝ่าบาทเท่านั้น”
“แต่เธอควรปรามไม่ใช่เห็นชอบกับแผนการเสี่ยงๆ ของพระองค์” เอเดนไม่ยอมแพ้ ยิ่งจัสมินเถียงเขาก็ยิ่งบีบข้อมือเล็กจนสาวเจ้านิ่วหน้า
“ขนาดนายพูดพระองค์ยังไม่ฟังเลย ไม่มีใครปรามองค์หญิงได้ทั้งนั้น” ในเวลาแบบนี้ยังคิดว่าจะมีใครหยุดแอนเดรียได้อีกหรือ ไม่มีทาง!
“หรือว่าเธอมีแผน” เอเดนหรี่ตามองใบหน้าสะสวย
“แผนอะไร?”
“ก็แผนที่จะส่งองค์หญิงไปเข้ากรงเล็บเสือยังไงล่ะ” แววตาของเอเดนร้อนแรง ประกายไฟรุมเร้าส่งตรงถึงเนื้อนวล
“ร้อน!” จัสมินตกใจรีบผลักเขาออกห่าง คนที่เผลอโกรธจนหน้ามืดเริ่มได้สติ เมื่อครู่พลังของเขาทำร้ายเธอ
“องค์หญิงเป็นคนที่ฉันรักมากที่สุดในชีวิต ฉันไม่มีวันทำร้ายพระองค์”
“แล้วรักมากกว่าฉันไหมล่ะ?!”
คำพูดของเขากระตุกหัวใจให้ปวดหนึบ จัสมินสบตามองผู้ชายร้ายกาจที่ยืนแสยะยิ้มราวกับตัวเองนั้นอยู่เหนือใคร เอเดนสาวเท้าเข้าใกล้ร่างบางแล้วรั้งเอวเล็กคอดกอดแนบอกอีกครั้ง ปีศาจร้ายจงใจเบียดกายใส่เธอ หวังให้นางในจอมเย็นชาสติแตก
“ฉันรู้นะว่าเธอหึงฉัน เธอกลัวว่าฉันจะรักองค์หญิงเลยคิดพาพระองค์ออกไปจากที่นี่” ทว่าความคิดของเขาช่างสกปรกเกินกว่าที่จัสมินจะทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
เพียะ!
มือเรียวตวัดตบแก้มสากจนหน้าหัน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งติดปลายลิ้น เอเดนหันจ้องเธอตาขวาง
“มากไปแล้วนะจัสมิน!” เขากระชากเสียงใส่
“น้อยไปด้วยซ้ำกับความคิดต่ำๆ ของนาย!”
จัสมินสวนกลับ จังหวะที่เอเดนเผลอไผลหล่อนรีบผลักอกเขาออกห่างแล้วยืนทิ้งระยะเพื่อให้ร่างกายได้เป็นอิสระ
“ใช่เอเดน… ฉันรักนาย มันคือความจริงที่ฉันไม่คิดปฎิเสธ”
เสียงหวานยอมรับ
เอเดนยิ้มมุมปาก จัสมินเห็นแววตาหยิ่งผยองของเขาพลันเจ็บลึก นอกจากไม่รักกันแล้วสำหรับเขาเธอยังเปรียบเสมือนเป็นของเล่นชิ้นโปรดที่คอยคิดกลั่นแกล้งให้ตายทั้งเป็น
“แต่ความรักที่ฉันมีต่อองค์หญิงแอนเดรียนั้นมากกว่าเป็นพันเท่า! ฉันไม่มีวันคิดร้ายต่อพระองค์ ถึงแม้ฉันจะรู้อยู่เต็มอกว่านายไม่รักฉันเพราะอะไร แล้วยังไงเหรอ? นายคิดว่านายสำคัญมากถึงขนาดที่ฉันต้องนั่งวางแผนโง่ๆ เพื่อพิชิตใจหรือไง ตลกสิ้นดี!”
จัสมินหัวเราะในลำคอ เอเดนกดสายตาคมดุจ้องร่างบาง ผู้หญิงคนนี้กล้าผยองใส่เขางั้นเหรอ
“ฉันไม่ใช่พวกคลั่งรักขึ้นสมองแบบนาย!”
จัสมินมองปีศาจหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำ เครื่องหน้าหล่อเหลาอันเป็นที่หมายปองของผู้หญิงทั่วทั้งเมือง หากเขากลับไม่เคยชายตาแลใครเพราะสตรีหนึ่งเดียวที่หวังครอบครองนั้นสูงส่งเกินกว่าจะเปลืองร่างกายไปกับดอกไม้ริมทาง แม้ใครจะบอกว่าไม่เหมาะสม แต่ด้วยฐานะชาติตระกูลก็ยังถือว่ามีสิทธิ์ได้เทียบชั้น บิดาเป็นถึงเสนาบดียิ่งใหญ่ผู้ถวายการรับใช้ราชวงศ์วารีมาแสนนาน หากวันหนึ่งจะดันบุตรชายผู้เก่งกาจด้านการศึกและการเมืองให้ครองรักกับองค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวย่อมไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถอยู่แล้ว เพราะแบบนี้ไงเอเดนถึงคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆ องค์หญิงแอนเดรียตลอดเวลา
“ขนาดไม่คลั่งรักแต่ใครกันที่ไม่ยอมตัดใจจากฉันสักที”
คนปากร้ายเดินหน้าขยี้ความรู้สึกต่อเนื่อง จัสมินซ่อนความรวดร้าวไว้ในอก สีหน้าของเธอเย็นชาจนบางครั้งเอเดนก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดสิ่งใดอยู่
“ใครบอกล่ะ ยิ่งนายแสดงธาตุแท้ออกมามากเท่าไหร่ ความรู้สึกดีๆ ก็ยิ่งถูกทำลายลงมากเท่านั้น!”
น้ำเสียงแข็งกระด้างไร้เยื่อใย
เอเดนเหมือนถูกผลักตกจากหน้าผาสูงชัน ตลอดทั้งชีวิตจัสมินเป็นฝ่ายยอมและวิ่งตามเขา พอได้ยินว่าเธอคิดจะตัดใจออกห่างปีศาจหนุ่มก็รู้สึกเหมือนของบางอย่างกำลังจะหายไป เขาไม่รักไม่ชอบก็จริงแต่ก็ไม่ต้องการให้ใครได้ครอบครอง! ในเมื่อจัสมินเลือกที่จะผูกหัวใจไว้ที่เขาตั้งแต่ต้น เธอก็ไม่มีสิทธิ์คิดตีจากเด็ดขาด
เพราะเขาถือว่า… ผู้หญิงคนนี้เป็นของเขาแล้ว!
ณ เมือง Black Rose
“เสด็จออกเยี่ยมประชาชนครานี้ พระองค์จะทรงเลี้ยงอาหารอะไรดีเพคะ?” ลานนาเอ่ยถามราชินีผู้สูงศักดิ์ ปลายฟ้าหันมาส่งยิ้มโดยที่มือไม่ละวางจากการจัดดอกกุหลาบใส่แจกัน ภูมิใจทุกครั้งยามเห็นพวกมันเบิกบานเป็นดอกใหญ่ แปลงกุหลาบหลังตำหนักคือความสุขของเธอยามเครียดหรือเหนื่อยล้า
“ลานนาอยากทำอะไรล่ะ”
นอกจากไม่ตอบแล้วยังย้อนถามกลับ ลานนาวางมือจากการช่วยจัดดอกไม้พลางครุ่นคิด
“จะว่าไปตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ทานอาหารของโลกมนุษย์อีกเลยเพคะ” จู่ๆ หญิงสาวก็รู้สึกคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนขึ้นมากะทันหัน แม้โลกปีศาจจะมีทุกอย่างเหมือนกับโลกมนุษย์ทุกประการ แต่สิ่งที่ไม่มีวันเหมือนก็คือเรื่องอาหาร รสชาติอร่อยถูกปากลานนาก็จริงแต่มันกลับไม่สดชื่นเหมือนตอนทานอาหารที่ตัวเองคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก
“อยากกินเหรอ?”
ปลายฟ้ายิ้มเอ็นดู ตั้งแต่มีลานนามาอยู่ด้วยเธอก็ไม่เหงาอีกต่อไป เคยเป็นมนุษย์เหมือนกันอีกทั้งโชคชะตายังพัดพาให้มาเจอกับปีศาจจอมเจ้าเล่ห์ทั้งคู่ สำหรับปลายฟ้าแล้วลานนาเหมือนเพื่อนและน้องสาวคนสนิทที่สามารถพูดคุยและปรึกษาได้ทุกเรื่อง
“ถ้าได้ทานก็ดีเพคะ” น้ำเสียงน่ารักพูดยิ้มๆ สักพักใบหน้าหวานก็หม่นแสง “แต่ไม่รู้ว่าริชาดจะยอมหรือเปล่า”
“ทำไมล่ะ” ปลายฟ้าขมวดคิ้ว
“องค์ชายไม่ชอบให้หม่อมฉันคิดถึงบ้านเพคะ เวลาพูดถึงโลกมนุษย์ทีไรจะทรงกริ้วทุกทีเลย หาว่าหม่อมฉันมองพระองค์เป็นอื่น คิดว่าหม่อมฉันไม่อบอุ่นเวลาอยู่ด้วยกัน”
ลานนาพูดไปเรื่อยให้อารมณ์บ่นตามประสามากกว่า ปลายฟ้าหลุดขำจนคนเล่าถึงกับหน้าถอดสี
“ริชาดคงกลัวเธอจะทิ้งเขาน่ะ” ทุกคนต่างรู้ดีว่าริชาดทั้งรักทั้งหวงลานนาอย่างกับอะไรดี
“แต่มันมากเกินไปไหมเพคะ หม่อมฉันรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางได้กลับไปอีก ขอแค่ได้กินอาหารของโลกมนุษย์ให้คลายความคิดถึงบ้างก็ยังดี” ลานนาเหมือนเด็กน้อยที่กำลังฟ้องผู้ใหญ่ว่าถูกรังแก
“อ้อนเขาสิ ริชาดน่ะถ้าเจอลูกอ้อนของเธอเดี๋ยวก็ใจอ่อนเองแหละ” ปลายฟ้าแนะนำ ร่างสูงเพรียวหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ลานนามองเครื่องแต่งกายของราชินีพลางสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าลานนา จ้องฉันทำไมเหรอ”
“หม่อมฉันแค่สงสัยว่าเหตุใดถึงฉลองพระองค์ในชุดดำตลอดเลยเพคะ” ราชินีหน้าแดงก่ำยิ่งพานให้คนอยากรู้รอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“คือว่า… เอ่อ…” ปลายฟ้าพูดตะกุกตะกัก
“เพราะว่าฉันชอบน่ะ” สุรเสียงห้าวหาญกล่าวขึ้นท่ามกลางบรรยกาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นกุหลาบ ปลายฟ้าและลานนาสะดุ้งเฮือก ลานนารีบลุกขึ้นย่อกายทำความเคารพต่อผู้ปกครองรัฐ ลีโอโบกมือให้อย่างเป็นกันเอง
“ไม่ต้องหรอก เอาจริงๆ นะ ถ้าอยู่กันตามลำพังทำตัวตามสบายเถอะ” ความจริงเขาไม่ค่อยชอบพิธีรีตองเท่าใดนัก หากไม่ได้อยู่ต่อหน้าคณะเสนาบดีหรือผู้อื่นก็อยากให้เป็นกันเองมากกว่า
แต่ดูเหมือนลานนายังไม่คุ้นชิน หญิงสาวยังคงเว้นระยะห่างระหว่างฐานันดรศักดิ์
“ที่ฝ่าบาททรงตรัสเมื่อครู่…”
ลานนาปรายตามองปลายฟ้า ลีโอยิ้มขันรู้ความคิดของเจ้าหล่อน เขากระแอมไอเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า