หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวขององค์หญิงแอนเดรียจากปากของบุตรชายเพียงคนเดียว เสนาบดีใหญ่ฝั่งซ้ายก็นั่งยิ้มพลางลูบปลายคางครุ่นคิดถึงอนาคตของบ้านเมือง สายตาของบิดาแข็งกร้าวแฝงเงาความเจ้าเล่ห์ ด้วยสายเลือดอันเข้มข้นทำให้เอเดนรู้ว่าคนเบื้องหน้ากำลังคิดทำการสิ่งใดอยู่ และแน่นอนเขาจะไม่ยอมให้ความปราถนานั้นสมหวัง
“ถึงแม้องค์หญิงจะทรงตัดสินพระทัยเช่นนั้นแต่ลูกก็จะขอดูแลบ้านเมืองแทนพระองค์ให้ดีที่สุด เพื่อรอวันที่พระองค์จะกลับมาขึ้นครองราชเป็นผู้ปกครองรัฐคนต่อไป”
คำพูดของปีศาจหนุ่มสะกิดหัวใจคนฟัง บิดาหน้าขรึมยามสบนัยน์ตาดุดันของอีกฝ่าย ทำไมจะไม่รู้ว่าบุตรชายกำลังพยายามสะกัดแข้งขาของตน
“การจะเป็นผู้ปกครองรัฐไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ผู้หญิงจะทำได้”
อีธาน เสนาบดีฝั่งซ้ายผู้ยิ่งใหญ่กล่าว เอเดนรู้อยู่แล้วว่าบิดาต้องเอ่ยเช่นนี้ ปีศาจหนุ่มวางแก้วชาลงบนโต๊ะ หมุนวนมันเล่นราวกับกำลังคิดทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“แต่องค์หญิงทรงเป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของฝ่าบาทเซนโย พระองค์มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ทุกประการ”
“องค์หญิงแอนเดรียขาดคุณสมบัติในการปกครองบ้านเมือง พระองค์ควรมีคนช่วยดูแลมากกว่านั่งชี้เป็นชี้ตายราษฏร”
น้ำเสียงอีธานเริ่มน่ากลัว
“แล้วถ้าไม่ให้องค์หญิงขึ้นครองราชย์ท่านพ่อจะขึ้นเองหรือ?” บุตรชายย้อนเจ็บแสบ
“เอเดน!”
อีธานขึ้นเสียง พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้ปะทุ เขากับบุตรชายหารือกันไม่ได้จริงๆ ความคิดเห็นไม่เคยตรงกันเลยสักครั้ง
“พ่อไม่ได้คิดจะขึ้นแต่ต้องการให้แกขึ้นแทนต่างหาก”
หัวใจของเอเดนแทบหยุดเต้น เขาหยุดการหมุนแก้วชาแล้วสบนัยน์ตาของชายสูงวัยผู้มากล้นด้วยท่วงท่าสง่างาม
“ท่านพ่อหมายความว่า…” คิ้วหนาเข้มขมวดชน
“ใช่” อีธานตอกย้ำความมั่นใจของอีกฝ่าย ก่อนเอ่ยต่อว่า “ถ้ามีคู่ครองที่เหมาะสมช่วยปกครองบ้านเมืองอะไรๆ คงง่ายขึ้น”
หากถามความพึงพอใจแน่นอนเอเดนปรารถนาในตัวองค์หญิงผู้สูงส่ง แต่กระนั้นก็ไม่อยากวางใจบิดาด้วยรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร อีธานมองใบหน้าหล่อขรึมของบุตรชายแล้วยิ้มบางเบา เข้าใจว่าตัวเขาคงห่วงแอนเดรียไม่น้อย
“พ่อแค่ต้องการให้ลูกได้ครองรักกับคนที่ลูกมีใจให้ ไม่ดีหรือ?”
ถึงจะพูดเช่นนั้นแต่ลึกๆ ย่อมมีแผนการรองรับเสมอ
“ผมรักองค์หญิงแต่ในขณะเดียวกันผมก็ไม่อยากฝืนใจพระองค์”
“ฝืนใจอะไรกันเอเดน ลูกกับองค์หญิงมักคุ้นกันมาตั้งแต่น้อย นิสัยใจคอเรียกว่ามองกันทะลุปรุโปร่ง ถ้าจะหาใครสักคนมาเคียงข้างพระองค์ในเมืองนี้ พ่อไม่เห็นใครนอกจาก…”
บิดาชี้ร่างสูง นัยน์ตาคมกล้าคิดหนัก
“ส่วนเรื่องที่องค์หญิงจะปลอมตัวเข้าเมือง Black Rose พ่อเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ถ้าพระองค์เห็นสมควรจะทำก็สุดแล้วแต่พระองค์” อีธานต้องการแสดงให้บุตรชายเห็นถึงความแน่วแน่ในการดันเขาขึ้นเคียงข้างแอนเดรีย เอเดนต่อให้ฉลาดเป็นกรดเพียงใดสุดท้ายก็ไม่มีวันทัดเทียมผู้ให้กำเนิดอยู่ดี ในเมื่อเสนาบดีฝั่งซ้ายผู้นี้มีอำนาจและรับใช้ราชวงศ์มานานนับ ย่อมรู้ลึกตื้นหนาบ้างและรู้กลยุทธ์ทางการเมืองเหนือผู้อื่น หนทางใดที่จะนำพาเขาไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้เขาทำทั้งนั้น ไม่รีรอให้ใครหรือสิ่งใดมาขัดขวางเด็ดขาด
เมืองวารีต้องเป็นของเขา!
กลางดึกสงัดแสงดาวทอประกายระยิบระยับเต็มท้องฟ้า อากาศหนาวเย็นกระทบผิวกายสตรีทั้งสอง จัสมินเห็นองค์หญิงแอนเดรียนั่งขดกายในรถม้าก็อดสงสารไม่ได้ ยอมถอดเสื้อคลุมขนสัตว์ของตัวเองไปห่อหุ้มร่างกายอีกฝ่าย
“อากาศของเมือง Black Rose จะหนาวเย็นกว่าเมืองวารีนัก องค์หญิงต้องรักษาพระวรกายให้อบอุ่นนะเพคะ”
“แล้วเธอล่ะ ไม่หนาวหรือ?” แอนเดรียเป็นห่วง
“หม่อมฉันทนได้เพคะ”
ตอบเช่นนี้แสดงว่าหล่อนหนาวแต่เสียสละความอบอุ่นให้แก่องค์หญิงที่รัก แอนเดรียถอดเสื้อคลุมส่งคืนจัสมิน
“เอาไปใส่เถอะ ความหนาวแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“แต่ว่า…”
“สิ่งที่เราสองคนกำลังจะทำหนาวเย็นกว่านี้นัก ฉันไม่อยากทำตัวอ่อนแอในขณะที่คิดทำการใหญ่” แววตามุ่งมั่น จัสมินเข้าใจความรู้สึกขององค์หญิงดี การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักแน่นอนความเจ็บปวดสามารถทำลายล้างทุกสิ่งได้
“อีกนานไหมกว่าจะถึงวังหลวง” แอนเดรียเปิดหน้าต่างเอ่ยถามองค์รักษ์ผู้ทำหน้าที่เป็นสารถีควบคุมรถม้า
“ใกล้แล้วพะยะค่ะ ไม่เกินรุ่งสางกระหม่อมคาดว่าเราจะถึงวังหลวงก่อนประตูวังเปิดพะยะค่ะ”
แอนเดรียยิ้มโล่งใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน หันมาสบตากับจัสมินที่มองเธออย่างสวามิภักดิ์ นางในส่วนพระองค์ผู้นี้เปรียบเสมือนพี่น้องคลานตามกันมา แอนเดรียเอื้อมมือไปแตะไหล่บาง ความรู้สึกอุ่นวาบแล่นพล่านในใจของจัสมิน
“ถ้าเธอกลัวหรืออยากถอนตัวฉันไม่ว่าอะไรเลยนะ”
เพราะรู้ว่าการณ์นี้เสี่ยงนัก หากทำสำเร็จก็ดีไปแต่ถ้าไม่อันตรายย่อมถึงชีวิต แอนเดรียไม่อยากให้จัสมินเอาลมหายใจอันมีค่ามาทิ้งให้กับความแค้นของเธอ ทว่าอีกฝ่ายไม่คิดเช่นนั้น ยิ่งองค์หญิงแสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยหล่อนก็ยิ่งต้องการปกป้องมากเท่านั้น ในเมื่อเลือกแล้วว่าจะรับใช้จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ต่อให้ความตายยืนรออยู่เบื้องหน้าเธอก็พร้อมเผชิญหน้ากับมัน
ไม่คิดถอยหลังเด็ดขาด
“ไม่เพคะ! หม่อมฉันพร้อมยืนเคียงข้างพระองค์เสมอ”
จัสมินกล่าวเสียงหนักแน่น แม้จะเป็นสตรีแต่ความอาจหาญกล้าแกร่งไม่แพ้บุรุษเพศ
“ขอบใจมากนะจัสมิน ขอบใจจริงๆ”
รถม้าแล่นด้วยความเร็วเพื่อเร่งให้สตรีทั้งสองถึงที่หมายตามเวลา ไม่นานประตูวังหลวงที่เฝ้ารอก็ปรากฏชัดต่อสายตา หัวใจของแอนเดรียคล้ายจะหลุดออกจากอก สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งแห่งตระกูล Black Rose จัสมินเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ความหนาวเย็นเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่มยามเข้าใกล้อณาเขตของศัตรู ทุกสรรพสิ่งย้ำเตือนให้ตระหนักถึงภารกิจอันยิ่งใหญ่ พลาดไม่ได้! ถ้ามาแล้วสิ่งเดียวที่ต้องได้กลับคืนคือชัยชนะเหนือพวกมันเท่านั้น
“กลับไปได้แล้ว ขอบใจมาก”
“พะยะค่ะ”
องครักษ์หนุ่มโค้งศีรษะทำความเคารพก่อนควบรถม้าจากไปยังเส้นทางเดิม แอนเดรียกับจัสมินหลบอยู่ในพุ่มไม้ขนาดใหญ่ ยามวิกาลเช่นนี้เหล่าชาวเมือง Black Rose คงหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา จัสมินมองซ้ายขวาเพื่อตรวจสอบบริเวณว่ามีใครอื่นนอกจากพวกเธออีกหรือไม่ ทุกอย่างเงียบสงบหญิงสาวก็เบาใจ
“คืนนี้เราก็นอนกันที่นี่แหละ” แอนเดรียกล่าว
“เพคะ” ว่าแล้วแอนเดรียก็ทำการร่ายมนตราสร้างวิมานสำหรับพักพิงชั่วคราวและไม่ลืมกำบังตัวเธอและจัสมินให้อยู่รอดจากสายตาของชาวเมือง Black Rose
“จัสมิน…”
“เพคะ” จัสมินที่กำลังจะล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างหันมองตามเสียงเรียก แอนเดรียที่กำลังเหม่อมองแสงจันทร์ผ่านหน้าต่างบานใหญ่เต็มไปด้วยความกังวล
“เธอว่าเราจะทำสำเร็จไหม?”
แม้ความแค้นจะอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจหากกระนั้นก็อดหวาดระแวงไม่ได้ ยิ่งเข้าสู่อณาจักร์ของเมืองปีศาจที่ขึ้นชื่อว่าอัมหิตและโหดเหี้ยมที่สุดอย่าง Black Rose เธอก็ยิ่งกังวล ชีวิตพร้อมด้วยบ้านเมืองที่ต้องดูแล แอนเดรียไม่เคยลืมว่าตนเป็นใคร เมืองวารีไร้ซึ่งผู้ปกครองรัฐอย่างเซนโยแล้ว ในฐานะทายาทเพียงหนึ่งเดียวเธอต้องรับผิดชอบความเป็นอยู่ของประชาชน
แอนเดรียเริ่มรู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้เห็นแก่ตัว การมาอยู่ในถ้ำเสือถ้าไม่ได้ลูกเสือเธอก็ต้องตกเป็นเหยื่อเสียเอง
“สำเร็จเพคะ!” จัสมินหนักแน่น แอนเดรียหันมาสบตาด้วย
“ทำไมถึงมั่นใจนักล่ะ?”
“หม่อมฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้แผนการของพระองค์สำเร็จ อย่าทรงกังวลไปเลยเพคะ วางพระทัยให้เย็นเถอะเพคะ”
แววตาของจัสมินห่วงใยอีกฝ่ายเสมอ
“นั่นสินะ” แอนเดรียสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนเอ่ยต่อว่า
“พอได้ยินเธอพูดแบบนี้แล้วฉันก็คลายความกังวลลงไปมากทีเดียว” พลันภาพในอดีตลอยทับซ้อนเตือนสติ ร่างของพี่ชายนอนทุรนทุรายผุดขึ้นในมโนสำนึก แอนเดรียกำหมัดแน่น ริมฝีปากบางกระจับเม้มสนิทเป็นเส้นตรง สายตาเคียดแค้นพร้อมทำลายล้างทุกสิ่ง
“หลังจากวันนี้เป็นต้นไปฉันจะไม่อ่อนแอ มาถึงนี่แล้วสิ่งเดียวที่ต้องได้คือชีวิตและความย่อยยับของพวกมันทุกคน!”