อีกด้านหนึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก…
แอนเดรียและจัสมินแฝงตัวรวมกับบรรดาประชาชนที่เริ่มทยอยต่อแถวรับอาหารและเครื่องนุ่งห่มจากทางราชวัง สายตาของแอนเดรียเต็มไปด้วยความแค้นยามมองเหล่าพี่น้องตระกูล Black Rose พวกมันยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับผู้บริสุทธิ์ ทั้งๆ ที่ทำเลวคร่าหนึ่งชีวิตให้ตายลงอย่างเลือดเย็น จัสมินสัมผัสได้ว่าองค์หญิงเริ่มตัวสั่น สองมือเรียวกำหมัดแน่น จัสมินกอบกุมมือของแอนเดรียเอาไว้ ออกแรงบีบเบาๆ เพื่อให้เธอคลายความเจ็บปวด
แอนเดรียส่งสายตาขอบคุณมายังผู้หวังดี…
“องค์หญิงอย่าทรงกริ้วไปเลยเพคะ ตอนนี้เราต้องทำตัวให้กลมกลืนที่สุด”
“ฉันจะพยายาม” แอนเดรียได้สติ ดีแค่ไหนที่มีจัสมินคอยพูดบอกให้หัวใจที่ร้อนรุ่มเป็นไฟสงบลง
แอนเดรียและจัสมินต่อแถวกันอย่างเงียบๆ จัสมินคอยกันองค์หญิงไม่ให้พระวรกายโดนตัวปีศาจตนอื่น บรรยกาศสามัญชนเยี่ยงนี้แอนเดรียยังไม่คุ้นชินเท่าไหร่ อีกทั้งยังต่างบ้านต่างเมือง จึงไม่ใช่เรื่องง่ายในการปรับตัว
แถวที่ทั้งสองสาวต่อนั้นเริ่มร่นระยะทางลงเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงตัวข้าหลวงที่ทำหน้าที่แจกจ่ายแจกอาหารและเครื่องนุ่งห่มในที่สุด แอนเดรียใจเต้นรุนแรงยามได้ทอดมองเหล่าตระกูลศัตรูในระยะใกล้ พลันสายตาคมดุจเหยี่ยวของใครบางคนจดจ้องทำให้แอนเดรียต้องรีบหลุบมองต่ำ เธอรีบรับของจากข้าหลวงแล้วเดินแยกออกไปทันที ไม่นานจัสมินก็ตามหลังมาติดๆ
“มีคนมองเรา”
สายตาคมกริบคู่นั้นยังคงมองต่อเนื่อง แอนเดรียกระซิบบอกจัสมิน นางในสาวค่อยๆ ช้อนสายตาขึ้นมองตามตำแหน่งที่องค์หญิงบอก ชายหนุ่มร่างสูงกำยำมาพร้อมอาภรณ์ที่ประทับตราราชวัง มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นหนึ่งในราชวงศ์
“เพคะ มองตลอดเลย” จัสมินว่า แอนเดรียเริ่มกังวล เหงื่อชื้นเต็มฝ่ามือเรียว กลัวว่าจะถูกจับได้
“แต่ยังไงเราก็ต้องทำตามแผนนะเพคะ” จัสมันกล่าว แอนเดสบสายตาจริงจัง พยักหน้ารับอย่างมุ่งมั่นเช่นกัน
“รอให้พวกมันแจกเสร็จก่อน แล้วเริ่มแผนได้เลย!”
จัสมินพยักหน้ารับคำสั่ง บรรยกาศการแจกสิ่งของให้กับประชาชนเริ่มเบาบางลงกว่าเดิม เหล่าพสกนิกรพอได้อาหารและเครื่องนุ่งห่มที่ต้องการก็แยกย้ายกลับไปทำงานของตน เนื่องด้วยส่วนมากที่มาจะเป็นพวกชนชั้นกลางไล่ไปจนถึงชนชั้นต่ำ พวกเขาปลื้มใจที่ได้ยลโฉมราชวงศ์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดปากท้องย่อมสำคัญกว่าเสมอ แม้จะได้รับการช่วยเหลือดีแค่ไหนสุดท้ายความเหลื่อมล้ำทางสังคมก็ไม่อาจหมดไปง่ายๆ อยู่ดี
ในที่สุดช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง พื้นที่ลานกว้างใหญ่ไร้ซึ่งประชาชนที่มามุ่งล้อมในช่วงแรก เหลือเพียงเหล่าข้าหลวงและราชบริวารที่คอยคุ้มกันราชวงศ์ในขณะขึ้นรถม้ากลับสู่ราชวัง แอนเดรียและจัสมินมองหน้าสบตากันชั่วขณะ ร่างเพรียวระหงส์พุ่งตัวขวางทางรถม้าของลีโอและปลายฟ้าอย่างแรง สร้างความตื่นตระหนกแก่บุคคลสำคัญทั้งสอง
“เกิดอะไรขึ้น?” ปลายฟ้าร้องถาม
“มีอะไร!” ลีโอเสียงดัง แววตาดุดันน่ากลัว
“มีหญิงสาวขวางขบวนรถม้าพะยะค่ะ”
สารถีรายงาน ลีโอกัดกรามกรอด หุนหันลงจากรถจนปลายฟ้าต้องรีบตามเพราะกลัวเขาจะอาละวาดหนัก
“เย็นพระทัยเพคะฝ่าบาท” ปลายฟ้าต้องรีบปราม
“พวกเธอเป็นใคร”
สุรเสียงเข้มข้นกระชากถาม แอนเดรียข่มกลั้นความแค้นไว้ในอก ไม่เงยหน้าขึ้นสบตากับผู้ยิ่งใหญ่
“เงยหน้าขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” ลีโอตวาดกร้าว ท่าทางฉุนเฉียวของเขาทำให้พี่น้องต่างกรูมายืนเคียงข้าง
“บอกให้เงยหน้า!!!”
“เย็นพระทัยเพคะ” ปลายฟ้าลูบแขนพระสวามี ก่อนเบนสายตามองไปยังร่างบางทั้งสอง “เงยหน้าขึ้นเถอะ” น้ำเสียงของราชินีช่างนุ่มนวลเหลือเกิน
จัสมินค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเป็นคนแรก ใบหน้าสวยหวานสะดุดตาองค์รักษ์หนุ่มผู้หนึ่งเข้าอย่างจัง ริมฝีปากเจ้าหล่อนอวบอิ่มแดงระเรื่อน่าสัมผัส ผิวกายขาวเนียนละเอียด ผมยาวสลวยดำขลับ ทุกองค์ประกอบช่างงดงามราวกับรูปปั้นสลักลวดลายวิจิตร
“มองตาค้างเลยหรือ”
แฟกเตอร์ถามบุคคลข้างกายพลางอมยิ้ม
“มิได้พะยะค่ะ”
แดเนียล ตอบอย่างสุขุม บุคคลิกของเขาเป็นที่รู้กันว่านิ่งเงียบเพียงใด แดเนียลเป็นองค์รักษ์มือขวาประจำกายแฟกเตอร์ คุ้นเคยกันมาแต่เยาว์วัย เรียกได้ว่าเป็นสหายคู่ใจก็ยังได้
“อีกคนล่ะ เงยหน้าขึ้นสิ”
ปลายฟ้าปรายตามองหญิงสาวอีกคน แอนเดรียรวบรวมสมาธิ การเผชิญหน้ากับคนที่ฆ่าพี่ชายตัวเองมันยากเหลือแสน
องค์หญิงผู้สูงศักดิ์เงยหน้าขึ้นสบตากับเหล่าศัตรูที่มองจ้อง ดวงตาคมเฉี่ยวสะกดมนต์ต่อผู้พบเห็น หล่อนสวยสง่าเกินกว่าจะเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา งดงามดุจดั่งราชนิกูลชั้นสูง ปลายฟ้าขมวดคิ้วยามพินิจพิจารณาหญิงสาวปริศนาทั้งสอง อาภรณ์แสนธรรมดาแต่ทำไมกลับดูมีค่ายิ่งยามอยู่บนกายของพวกเธอ เครื่องหน้าผุดผ่องเปล่งประกาย ยิ่งการันตีในความสดสะพรั่ง
แฟกเตอร์รู้สึกปั่นป่วนแปลกๆ ยามสบมองสตรีหน้าร้ายทว่าสวยเกินใคร
“กล้าดียังไงมาขวางทางขบวนเสด็จ อยากโดนตัดหัวใช่ไหม!”
ลีโอตวาดกร้าว
“ฝ่าบาทเพคะ” ปลายฟ้าลูบแขนกำยำอีกครั้ง นัยน์ตาลึกซึ้งพยายามบอกให้เขาใจเย็นๆ
“เธอสองคนชื่ออะไร แล้วทำไมถึงมาขวางทางพวกเรา” น้ำเสียงนุ่มนวลสมกับเป็นราชินีผู้ทรงคุณธรรม
“ระ เราสองคน มะ ไม่ได้ตั้งใจเพคะ ระเราสองคนคะ แค่…”
จัสมินแสร้งทำทีกลัวลนลานจนพูดติดขัด
“ค่อยๆ พูด ใจเย็นๆ ไม่มีใครทำอะไรหรอก” ปลายฟ้าบอก
“พวกเราเป็นเพียงชาวบ้านเร่ร่อนเพคะ”
แอนเดรียกล่าวในที่ทีสุขุม พยายามสร้างบุคคลิกให้แตกต่างกับจัสมินเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย
“แล้วทำแบบนี้ทำไม?” ปลายฟ้าถามต่อ กลายเป็นว่า ณ ที่ตรงนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่จดจ้องไปยังสองสาวปริศนา
“หม่อมฉันอยากทำงานในวังหลวง หม่อมฉันไม่มีที่ไปเพคะ”
แอนเดรียบอกไปตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ก่อนวางแผนนี้เธอหาข้อมูลเกี่ยวกับปลายฟ้ามาเป็นอย่างดี รู้ว่าราชินีแห่งเมือง Black Rose มีจิตใจอ่อนโยนกว่าราชินีองค์ใดในประวัติกาล เธอเป็นมนุษย์ธรรมดาที่โชคชะตานำพาให้มาครองรักกับลีโอที่เมืองปีศาจแห่งนี้ เธอปกครองฝ่ายในโดยใช้ความเมตตาและความเข้าใจเป็นหลัก ไม่ใช้อารมณ์หรือวางตนอยู่เหนือเหตุผล
“การจะทำงานในวังหลวงได้นั้นต้องผ่านการทดสอบหลายอย่าง ไม่ใช่มาขอแล้วจะทำได้เลย ทหาร! เอาตัวนางสองคนไปลงโทษเดี๋ยวนี้!!!” ริชาดว่า
“ไม่เอาสิริชาด” ลานนาปราม ริชาดถอนหายใจหงุดหงิด
“สองคนนี้ทำความผิดฐานขวางทางขบวนเสด็จไม่พอ ยังจะมีหน้ามาขอทำงานในวังหลวงอีก โทษประหารยังน้อยไปด้วยซ้ำ!”
“ไม่ได้ยินที่เขาบอกหรือไง เขาสองคนไม่มีที่ไป ดูจากลักษณะแล้วคงเร่ร่อนมานานพอควร น่าสงสารออก” ลานนาผู้มีจิตใจเมตตาว่า
แอนเดรียและจัสมินลอบยิ้มในใจ อย่างน้อยๆ เธอก็ทำให้หนึ่งในราชวงศ์เวทนาได้
ทีนี้จะเหลือก็แต่…
“ฝ่าบาทเพคะ”
“ไม่ได้!” ไม่ต้องรอให้ชายาเอ่ยจบลีโอก็รีบค้านเสียงเข้มทันที รู้อยู่แล้วว่าเธอต้องการเอ่ยสิ่งใด
“หม่อมฉันเข้าใจว่ากฏย่อมต้องเป็นกฏ แต่ทั้งสองก็เป็นประชาชนของเรานะเพคะ หากทิ้งขว้างไม่ใยดีก็กระไรอยู่”
ปลายฟ้าให้เหตุผล ก่อนจะปรายตามองลานนาแล้วคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้