“อีกอย่างวังของลานนาข้าหลวงก็ยังมีไม่มากนัก รับเอาไว้เป็นข้าหลวงส่วนพระองค์ให้กับลานนาและริชาดก็ได้เพคะ”
ลานนาตาโต รีบถวายบังคมรับความเมตตาเหล่านั้น
“ขอบพระทัยเพคะ” หญิงสาวย่อกายทำความเคารพปลายฟ้า ดวงตากลมโตเคลื่อนมองผู้ปกครองรัฐ
“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันจะขอทำหน้าที่ฝึกทั้งสองให้เรียนรู้การเป็นข้าหลวงที่ดีเองเพคะ แม้ไม่ได้รับการทดสอบเช่นคนอื่นแต่ก็ใช่ว่าจะฝึกฝนไม่ได้นะเพคะ” ลานนาที่อยากช่วยผู้ยากไร้รีบสมทบ
ลีโอเม้มปากแน่น ปรายตามองพี่น้องที่เหลือ ทุกคนพยักหน้าเชิงให้เขาตัดสินใจ ลีโอมองร่างบอบบางของสตรีแปลกหน้าที่มอบคลานอยู่ไม่ไกลอีกครั้ง
“ก็ได้”
ปลายฟ้าดีใจแต่พยายามเก็บอาการ ผิดกับลานนาที่แทบจะกระโดดโลดเต้น ถ้าไม่ได้ริชาดปรามไว้หล่อนคงตะโกนกู่ก้องไปแล้ว
“แต่ฉันให้เวลาแค่สามเดือนเท่านั้น เธอต้องฝึกพวกหล่อนให้ทำหน้าที่ได้เทียบเท่ากับข้าหลวงในวังโดยไม่ขาดตกบกพร่อง เข้าใจไหม?” ลีโอชี้หน้าลานนา ริชาดไม่ค่อยพอใจที่เขาชี้หน้าคนรักของตน
ต่อให้อีกฝ่ายจะดำรงค์ตำแหน่งถึงผู้ปกครองรัฐก็เถอะ!
“น้อมรับพระบัญญชาเพคะฝ่าบาท”
“นี่เป็นห้องของเธอทั้งสอง อยู่ได้ไหม?”
ลานนาพาสาวปริศนาผู้ตกเป็นประเด็นถกเถียงที่หน้าประตูวังก่อนหน้านี้มาดูห้องพักอาศัยในวังของตนกับริชาด แอนเดรียและจัสมินไม่ติดขัดเรื่องที่อยู่ แม้จะคับแคบเทียบไม่ได้กับวังหลวงที่เมืองวารี แต่อย่างน้อยพวกเธอก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของศัตรูแล้ว
หลังจากนี้ก็แค่ทำตามแผนที่วางไว้ให้สำเร็จ
“อยู่ได้เพคะ พระองค์ทรงเมตตาพวกเรามากเหลือเกิน”
จัสมินโค้งศีรษะให้กับบุคคลเบื้องหน้า แอนเดรียทำตามอย่างไม่ถือยศถืออย่าง
“ไม่เป็นไร คิดเสียว่าช่วยๆ กันไปเนอะ”
ลานนายิ้มกว้าง ท่าทางใจดีของเธอทำให้แอนเดรียและจัสมินผ่อนคลายระคนแปลกใจอยู่ลึกๆ
“แล้วอีกเรื่องนะ เวลาอยู่ตามลำพังไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์กับฉันก็ได้ พูดสบายๆ เป็นกันเองเถอะ” ลานนาว่า
“ไม่ได้!”
ริชาดที่เดินมาทันได้ยินประโยคเด็ดเข้าพอดีก็เกิดความไม่พอใจ ส่งสายตาร้อนแรงไปยังชายาสุดที่รัก ลานนาถึงกลับกลืนน้ำลายเพราะท่าทางของเขาขุ่นเคืองพอตัว
“เป็นข้าหลวงจะมาตีเสมอต่อราชวงศ์ได้อย่างไร!”
ริชาดปรายตามองสองสาว ไม่รู้สิ… เขารู้สึกไม่ค่อยไว้วางใจนางทั้งสอง เหมือนมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่ภายใน
“มิบังอาจเพคะองค์ชาย” จัสมินโค้งกายด้วยท่าทีนอบน้อม หล่อนเป็นธรรมชาติมากกว่าแอนเดรียด้วยว่าเป็นนางในอยู่แล้ว
แอนเดรียรีบทำตามจัสมินเพราะกลัวอีกฝ่ายจะสงสัย เธอยังต้องใช้เวลาในการปรับตัวพอสมควร ต้องสวมหัวโขนเล่นเป็นข้าหลวงแม้จะมีศักดิ์เทียบเทียมราชวงศ์เฉกเช่นพวกเขาก็ตาม
“ดี คิดได้ก็ดี” น้ำเสียงมิวายประชด ลานนาถอนหายใจ
“ฝ่าบาททรงเรียกประชุมด่วนไม่ใช่หรือ” ได้ทีจึงรีบอ้างเรื่องงาน ขืนอยู่ต่อเขาอาจพ่นไฟใส่คนของเธอได้
“อืม” พูดจบก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ลานนาขมวดคิ้วแปลกใจที่สองสาวนิ่งเฉย ไม่มีท่าทีตกใจหรือขวัญผวากับการใช้เวทย์มนต์ของริชาด
“ไม่กลัวเหรอ?”
“กลัว” จัสมินงุนงง ก่อนเอ่ยถามว่า “กลัวสิ่งใดหรือเพคะ?”
“ก็ที่องค์ชายริชาดหายตัวไปเมื่อครู่ พวกเธอไม่กลัวหรือ ฉันรู้มาว่านอกวังต่อให้มีพลังยังไงก็ไม่มีปีศาจตนใดเหาะเหินเดินอากาศ หรือหายตัวได้เหมือนคนในวังหลวง”
จัสมินและแอนเดรียตัวชาวาบ พลาดท่าเสียแล้ว!
“เอ่อ… คือว่า” จัสมินติดขัด จู่ๆ หล่อนก็คิดแก้ต่างไม่ถูก
“กลัวสิเพคะ” แอนเดรียแทรกขึ้น สองมือลูบแขนเรียวทำทีหวาดผวา “เพียงแต่หม่อมฉันข่มความรู้สึกเอาไว้ ถ้าอยากเป็นข้าหลวงในวังก็ต้องพยายามปรับตัวให้คุ้นชินต่อสิ่งแปลกใหม่ไม่ใช่หรือเพคะ”
แอนเดรียหาทางเอาตัวรอดได้อย่างแยบยล
“จริงเพคะ หม่อมฉันเองก็คิดเช่นเดียวกัน” จัสมินรีบสมทบ สบมองใบหน้าสวยสง่าขององค์หญิง
“อ้อ! ว่าละ” ลานนาไม่สงสัยอะไร หล่อนฉีกยิ้มกว้างเป็นกันเอง “จริงด้วยสิ เธอสองคนชื่ออะไรเหรอ”
จัสมินมองหน้าแอนเดรีย
“หม่อมฉันมีนามว่าแอนเดรียเพคะ”
พระนามแท้กลั่นออกจากเรียวปากบางได้รูปนั้นทำเอานางในส่วนพระองค์ถึงกับเบิกตากว้าง
“ส่วนเพื่อนของหม่อมฉัน จัสมันเพคะ” ถือโอกาสแนะนำอีกฝ่ายเสร็จสรรพ์
“แอนเดรียและจัสมิน” ลานนาชี้นิ้วทั้งสองสลับไปมา พยายามจดจำชื่อของพวกเธอเอาไว้
“เอาล่ะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว วันนี้ก็พักผ่อนให้เต็มที่นะ ส่วนเรื่องฝึกฝนการเป็นข้าหลวงค่อยเริ่มพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย ฉันน่ะไม่ค่อยซีเรียสหรอก”
“ซะ ซี อะไรเหรอเพคะ?” จัสมินสงสัยคำพูดของลานนา
“จริงสิ” ลานนาหลุดขำเล็กน้อย อย่างว่าเนอะ เธอเป็นมนุษย์บางครั้งก็ชอบติดเอาคำพูดของโลกตัวเองมาใช้
“เอาเป็นว่าฉันไปก่อนนะ เธอสองคนก็อาบน้ำให้สดชื่น นอนพักเยอะๆ ศึกหนักรออยู่”
“เป็นพระกรุณาเพคะพระชายา”
ลานนารู้สึกขนลุกกับตำแหน่งที่แอนเดรียเรียกตน หญิงสาวยิ้มส่งท้ายก่อนเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้สองสาวอยู่กันตามลำพัง
“เหตุใดองค์หญิงถึงบอกพระนามแท้ต่อชายาขององค์ชายริชาดเพคะ” และจัสมินก็ไม่พลาดที่จะถามคำถามเคลือบแคลงใจ
“ถ้าหากพวกเขารู้ความจริงขึ้นมา…” จัสมินเริ่มกังวล
“อย่าห่วงไปเลยจัสมิน พวก Black Rose ไม่มีใครรู้จักฉันหรือรู้จักเธอจริงๆ สักคน”
“แต่ว่า…”
“พวกมันรู้แต่เพียงว่าท่านพี่เซนโยเป็นผู้ปกครองรัฐแห่งเมืองวารี บอกชื่อจริงไปก็ไม่ได้ทำให้แผนของเราสั่นคลอนแต่อย่างใด ปีศาจโหดร้ายอย่างพวกมันเคยสนบรรดาพี่น้องราชวงศ์อื่นเสียที่ไหน”
เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าราชวงศ์แห่งเมือง Black Rose หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีและคิดเสมอว่าตนนั้นยิ่งใหญ่เหนือราชวงศ์ใดในโลกปีศาจ แคว้นอื่นๆ ต่างตกเป็นเมืองขึ้นมากมาย จะมีก็แต่เมืองใหญ่ๆ ที่พอจะสู้รบปรบมืออยู่ได้บ้าง ซึ่งในนั้นก็คือเมืองวารีของเธอนั่นเอง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยใยดีต่อสมาชิกในราชวงศ์ใดนอกจากตัวผู้ปกครองรัฐแต่ละเมืองเท่านั้น
“เพคะ หม่อมฉันคงกังวลเกินไป” จัสมินถอนหายใจ แค่วันแรกอะไรๆ ก็ดูน่าเกรงขามไปเสียหมด
“องค์หญิงของหม่อมฉันทรงพระปรีชาสามารถยิ่งเพคะ พระองค์ทรงเอาตัวรอดได้ดีเหลือเกิน” จัสมินชมไปยิ้มไป
“ไม่เท่าไหร่หรอก ดีที่ว่าชายาของริชาดนั้นใจดีมีเมตตา ไม่ใช่พวกชอบจับผิดเหมือนสวามีของเธอ” องค์ชายริชาดแม้จะเพิ่งเคยได้พบหน้าแต่ความดุดันของเขาไม่น้อยไปกว่าผู้ปกครองรัฐอย่างลีโอเลย เผลอๆ บางมุมจะโหดกว่าด้วยซ้ำ
“หม่อมฉันพอจะทราบมาว่าพระชายาทรงเป็นมนุษย์เฉกเช่นเดียวกับราชินีปลายฟ้าเพคะ”
จัสมินกล่าว แอนเดรียหยุดมือจากการเตรียมเครื่องแต่งกาย นั่งจ้องหน้าเธอตาเป็นมัน
“หมายความว่าอย่างไร พระชายาก็เป็นมนุษย์ด้วยหรือ?”
“เพคะ”
แอนเดรียค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อย เหตุใดราชวงศ์เมือง Black Rose ถึงนิยมรักใคร่กับมนุษย์นักนะ
“ถึงว่านิสัยใจคอไม่ต่างกันเลย”
หล่อนทั้งสองผิดแผกไปจากปีศาจตนอื่นที่ค่อนขอดไปทางดุดัน แม้เป็นสตรีก็ไร้ซึ่งความอ่อนหวาน
เช่นตัวแอนเดรียเองเป็นต้น…
“ช่างเถอะ ใครจะเป็นมนุษย์หรือเป็นสายเลือดปีศาจแท้ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราควรใส่ใจอยู่ดี” แอนเดรียว่า ก่อนที่แววตาคู่สวยจะเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์ในชั่วพริบตา
“สำหรับฉันแล้ว… ต้องการแก้แค้นพวกมันเท่านั้น!”