บทที่ 3.3 - ถูกชะตา (จบตอน)

1422 Words
“อีกอย่างวังของลานนาข้าหลวงก็ยังมีไม่มากนัก รับเอาไว้เป็นข้าหลวงส่วนพระองค์ให้กับลานนาและริชาดก็ได้เพคะ” ลานนาตาโต รีบถวายบังคมรับความเมตตาเหล่านั้น “ขอบพระทัยเพคะ” หญิงสาวย่อกายทำความเคารพปลายฟ้า ดวงตากลมโตเคลื่อนมองผู้ปกครองรัฐ “ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันจะขอทำหน้าที่ฝึกทั้งสองให้เรียนรู้การเป็นข้าหลวงที่ดีเองเพคะ แม้ไม่ได้รับการทดสอบเช่นคนอื่นแต่ก็ใช่ว่าจะฝึกฝนไม่ได้นะเพคะ” ลานนาที่อยากช่วยผู้ยากไร้รีบสมทบ ลีโอเม้มปากแน่น ปรายตามองพี่น้องที่เหลือ ทุกคนพยักหน้าเชิงให้เขาตัดสินใจ ลีโอมองร่างบอบบางของสตรีแปลกหน้าที่มอบคลานอยู่ไม่ไกลอีกครั้ง “ก็ได้” ปลายฟ้าดีใจแต่พยายามเก็บอาการ ผิดกับลานนาที่แทบจะกระโดดโลดเต้น ถ้าไม่ได้ริชาดปรามไว้หล่อนคงตะโกนกู่ก้องไปแล้ว “แต่ฉันให้เวลาแค่สามเดือนเท่านั้น เธอต้องฝึกพวกหล่อนให้ทำหน้าที่ได้เทียบเท่ากับข้าหลวงในวังโดยไม่ขาดตกบกพร่อง เข้าใจไหม?” ลีโอชี้หน้าลานนา ริชาดไม่ค่อยพอใจที่เขาชี้หน้าคนรักของตน ต่อให้อีกฝ่ายจะดำรงค์ตำแหน่งถึงผู้ปกครองรัฐก็เถอะ! “น้อมรับพระบัญญชาเพคะฝ่าบาท” “นี่เป็นห้องของเธอทั้งสอง อยู่ได้ไหม?” ลานนาพาสาวปริศนาผู้ตกเป็นประเด็นถกเถียงที่หน้าประตูวังก่อนหน้านี้มาดูห้องพักอาศัยในวังของตนกับริชาด แอนเดรียและจัสมินไม่ติดขัดเรื่องที่อยู่ แม้จะคับแคบเทียบไม่ได้กับวังหลวงที่เมืองวารี แต่อย่างน้อยพวกเธอก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของศัตรูแล้ว หลังจากนี้ก็แค่ทำตามแผนที่วางไว้ให้สำเร็จ “อยู่ได้เพคะ พระองค์ทรงเมตตาพวกเรามากเหลือเกิน” จัสมินโค้งศีรษะให้กับบุคคลเบื้องหน้า แอนเดรียทำตามอย่างไม่ถือยศถืออย่าง “ไม่เป็นไร คิดเสียว่าช่วยๆ กันไปเนอะ” ลานนายิ้มกว้าง ท่าทางใจดีของเธอทำให้แอนเดรียและจัสมินผ่อนคลายระคนแปลกใจอยู่ลึกๆ “แล้วอีกเรื่องนะ เวลาอยู่ตามลำพังไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์กับฉันก็ได้ พูดสบายๆ เป็นกันเองเถอะ” ลานนาว่า “ไม่ได้!” ริชาดที่เดินมาทันได้ยินประโยคเด็ดเข้าพอดีก็เกิดความไม่พอใจ ส่งสายตาร้อนแรงไปยังชายาสุดที่รัก ลานนาถึงกลับกลืนน้ำลายเพราะท่าทางของเขาขุ่นเคืองพอตัว “เป็นข้าหลวงจะมาตีเสมอต่อราชวงศ์ได้อย่างไร!” ริชาดปรายตามองสองสาว ไม่รู้สิ… เขารู้สึกไม่ค่อยไว้วางใจนางทั้งสอง เหมือนมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่ภายใน “มิบังอาจเพคะองค์ชาย” จัสมินโค้งกายด้วยท่าทีนอบน้อม หล่อนเป็นธรรมชาติมากกว่าแอนเดรียด้วยว่าเป็นนางในอยู่แล้ว แอนเดรียรีบทำตามจัสมินเพราะกลัวอีกฝ่ายจะสงสัย เธอยังต้องใช้เวลาในการปรับตัวพอสมควร ต้องสวมหัวโขนเล่นเป็นข้าหลวงแม้จะมีศักดิ์เทียบเทียมราชวงศ์เฉกเช่นพวกเขาก็ตาม “ดี คิดได้ก็ดี” น้ำเสียงมิวายประชด ลานนาถอนหายใจ “ฝ่าบาททรงเรียกประชุมด่วนไม่ใช่หรือ” ได้ทีจึงรีบอ้างเรื่องงาน ขืนอยู่ต่อเขาอาจพ่นไฟใส่คนของเธอได้ “อืม” พูดจบก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ลานนาขมวดคิ้วแปลกใจที่สองสาวนิ่งเฉย ไม่มีท่าทีตกใจหรือขวัญผวากับการใช้เวทย์มนต์ของริชาด “ไม่กลัวเหรอ?” “กลัว” จัสมินงุนงง ก่อนเอ่ยถามว่า “กลัวสิ่งใดหรือเพคะ?” “ก็ที่องค์ชายริชาดหายตัวไปเมื่อครู่ พวกเธอไม่กลัวหรือ ฉันรู้มาว่านอกวังต่อให้มีพลังยังไงก็ไม่มีปีศาจตนใดเหาะเหินเดินอากาศ หรือหายตัวได้เหมือนคนในวังหลวง” จัสมินและแอนเดรียตัวชาวาบ พลาดท่าเสียแล้ว! “เอ่อ… คือว่า” จัสมินติดขัด จู่ๆ หล่อนก็คิดแก้ต่างไม่ถูก “กลัวสิเพคะ” แอนเดรียแทรกขึ้น สองมือลูบแขนเรียวทำทีหวาดผวา “เพียงแต่หม่อมฉันข่มความรู้สึกเอาไว้ ถ้าอยากเป็นข้าหลวงในวังก็ต้องพยายามปรับตัวให้คุ้นชินต่อสิ่งแปลกใหม่ไม่ใช่หรือเพคะ” แอนเดรียหาทางเอาตัวรอดได้อย่างแยบยล “จริงเพคะ หม่อมฉันเองก็คิดเช่นเดียวกัน” จัสมินรีบสมทบ สบมองใบหน้าสวยสง่าขององค์หญิง “อ้อ! ว่าละ” ลานนาไม่สงสัยอะไร หล่อนฉีกยิ้มกว้างเป็นกันเอง “จริงด้วยสิ เธอสองคนชื่ออะไรเหรอ” จัสมินมองหน้าแอนเดรีย “หม่อมฉันมีนามว่าแอนเดรียเพคะ” พระนามแท้กลั่นออกจากเรียวปากบางได้รูปนั้นทำเอานางในส่วนพระองค์ถึงกับเบิกตากว้าง “ส่วนเพื่อนของหม่อมฉัน จัสมันเพคะ” ถือโอกาสแนะนำอีกฝ่ายเสร็จสรรพ์ “แอนเดรียและจัสมิน” ลานนาชี้นิ้วทั้งสองสลับไปมา พยายามจดจำชื่อของพวกเธอเอาไว้ “เอาล่ะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว วันนี้ก็พักผ่อนให้เต็มที่นะ ส่วนเรื่องฝึกฝนการเป็นข้าหลวงค่อยเริ่มพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย ฉันน่ะไม่ค่อยซีเรียสหรอก” “ซะ ซี อะไรเหรอเพคะ?” จัสมินสงสัยคำพูดของลานนา “จริงสิ” ลานนาหลุดขำเล็กน้อย อย่างว่าเนอะ เธอเป็นมนุษย์บางครั้งก็ชอบติดเอาคำพูดของโลกตัวเองมาใช้ “เอาเป็นว่าฉันไปก่อนนะ เธอสองคนก็อาบน้ำให้สดชื่น นอนพักเยอะๆ ศึกหนักรออยู่” “เป็นพระกรุณาเพคะพระชายา” ลานนารู้สึกขนลุกกับตำแหน่งที่แอนเดรียเรียกตน หญิงสาวยิ้มส่งท้ายก่อนเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้สองสาวอยู่กันตามลำพัง “เหตุใดองค์หญิงถึงบอกพระนามแท้ต่อชายาขององค์ชายริชาดเพคะ” และจัสมินก็ไม่พลาดที่จะถามคำถามเคลือบแคลงใจ “ถ้าหากพวกเขารู้ความจริงขึ้นมา…” จัสมินเริ่มกังวล “อย่าห่วงไปเลยจัสมิน พวก Black Rose ไม่มีใครรู้จักฉันหรือรู้จักเธอจริงๆ สักคน” “แต่ว่า…” “พวกมันรู้แต่เพียงว่าท่านพี่เซนโยเป็นผู้ปกครองรัฐแห่งเมืองวารี บอกชื่อจริงไปก็ไม่ได้ทำให้แผนของเราสั่นคลอนแต่อย่างใด ปีศาจโหดร้ายอย่างพวกมันเคยสนบรรดาพี่น้องราชวงศ์อื่นเสียที่ไหน” เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าราชวงศ์แห่งเมือง Black Rose หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีและคิดเสมอว่าตนนั้นยิ่งใหญ่เหนือราชวงศ์ใดในโลกปีศาจ แคว้นอื่นๆ ต่างตกเป็นเมืองขึ้นมากมาย จะมีก็แต่เมืองใหญ่ๆ ที่พอจะสู้รบปรบมืออยู่ได้บ้าง ซึ่งในนั้นก็คือเมืองวารีของเธอนั่นเอง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยใยดีต่อสมาชิกในราชวงศ์ใดนอกจากตัวผู้ปกครองรัฐแต่ละเมืองเท่านั้น “เพคะ หม่อมฉันคงกังวลเกินไป” จัสมินถอนหายใจ แค่วันแรกอะไรๆ ก็ดูน่าเกรงขามไปเสียหมด “องค์หญิงของหม่อมฉันทรงพระปรีชาสามารถยิ่งเพคะ พระองค์ทรงเอาตัวรอดได้ดีเหลือเกิน” จัสมินชมไปยิ้มไป “ไม่เท่าไหร่หรอก ดีที่ว่าชายาของริชาดนั้นใจดีมีเมตตา ไม่ใช่พวกชอบจับผิดเหมือนสวามีของเธอ” องค์ชายริชาดแม้จะเพิ่งเคยได้พบหน้าแต่ความดุดันของเขาไม่น้อยไปกว่าผู้ปกครองรัฐอย่างลีโอเลย เผลอๆ บางมุมจะโหดกว่าด้วยซ้ำ “หม่อมฉันพอจะทราบมาว่าพระชายาทรงเป็นมนุษย์เฉกเช่นเดียวกับราชินีปลายฟ้าเพคะ” จัสมินกล่าว แอนเดรียหยุดมือจากการเตรียมเครื่องแต่งกาย นั่งจ้องหน้าเธอตาเป็นมัน “หมายความว่าอย่างไร พระชายาก็เป็นมนุษย์ด้วยหรือ?” “เพคะ” แอนเดรียค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อย เหตุใดราชวงศ์เมือง Black Rose ถึงนิยมรักใคร่กับมนุษย์นักนะ “ถึงว่านิสัยใจคอไม่ต่างกันเลย” หล่อนทั้งสองผิดแผกไปจากปีศาจตนอื่นที่ค่อนขอดไปทางดุดัน แม้เป็นสตรีก็ไร้ซึ่งความอ่อนหวาน เช่นตัวแอนเดรียเองเป็นต้น… “ช่างเถอะ ใครจะเป็นมนุษย์หรือเป็นสายเลือดปีศาจแท้ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราควรใส่ใจอยู่ดี” แอนเดรียว่า ก่อนที่แววตาคู่สวยจะเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์ในชั่วพริบตา “สำหรับฉันแล้ว… ต้องการแก้แค้นพวกมันเท่านั้น!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD