กระอักโลหิต

1373 Words
รัชสมัยหมิงจง ปีที่ยี่สิบ เดือนสอง วันที่ยี่สิบแปด เมืองสุ่ยหยวนคือเมืองหลวงซึ่งเจริญรุ่งเรืองที่สุดในแคว้นต้าหยวน การค้าขายคึกคัก ผู้คนคับคั่งสัญจรไม่ขาดสาย ราษฎร์ร่มเย็นเป็นสุข โคมไฟหน้าเรือนทุกหลังถูกจุดสว่างส่องแสงระยิบระยับราวกับดวงดาราบนท้องนภา ทว่ายามราตรีที่แสงจันทราสว่างไสว ร่างบางในชุดผ้าต่วนเรียบบางกำลังนอนกระสับกระส่ายจมอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เหงื่อกาฬโชกชุ่มไปทั่วทั้งกายอยู่ภายในเรือน ‘หลันเซียง’ ของจวนหย่งผิงโหว หลี่อวี้หลันกำลังฝันว่าตนนอนคว่ำอยู่บนที่นอนนิ่ม ๆ ภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวสะอาดตา มือข้างหนึ่งถือหนังสือเล่มหนึ่งที่เพิ่งหยิบขึ้นมาอ่านจากกองหนังสืออีกยี่สิบกว่าเล่มข้างกาย ฟืบ เสียงหน้ากระดาษเปิดผ่านดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าสลับกับเสียงถุงขนมและเสียงเคี้ยวกรุบ ๆ จากริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มมันวาว ปลายนิ้วดันกรอบแว่นสายตาหนาเตอะให้กระชับแนบใบหน้าขณะสายตายังคงจดจ้องภาพวาดบนหนังสืออย่างตั้งใจ มังฮวาเรื่อง ‘ร้อยบุปผาพันจันทรา’ กำลังดำเนินเรื่องมาถึงสองเล่มสุดท้าย เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นและชวนตื่นเต้นขึ้นทุกที ยิ่งอ่านก็ยิ่งเพลิน ยิ่งเพลินก็ยิ่งวางไม่ลง จากเล่มแรกจนถึงเล่มที่ยี่สิบสองต้องใช้เวลาในการอ่านถึงสองวันสองคืนเต็ม ๆ เหลือเล่มสุดท้ายที่ยังวางอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพื่อรอให้หยิบขึ้นมาอ่าน ทว่า… จู่ ๆ ภาพตรงหน้าพลันหมุนเคว้ง ราวกับร่างกายไร้แรงโน้มถ่วงกะทันหัน สายลมจากทุกสารทิศพัดกระโชกเข้ามาอย่างรุนแรง ร่างบางฟุบตัวลงหมอบบนที่นอนพลางกรีดร้องสุดเสียงด้วยความตื่นตระหนก เฮือก! ดวงตาเมล็ดซิ่งงดงามฉ่ำวาวเหม่อมองม่านมุ้งข้างเตียง ทรวงอกอวบอิ่มกระเพื่อมขึ้นลงรัวแรง ท่ามกลางความมืดสลัวของแสงจันทร์นอกหน้าต่าง นางเหม่อลอยเนิ่นนานราวกับวิญญาณยังไม่กลับเข้าร่าง ครู่หนึ่งถึงจะคลายความตื่นตระหนกลงได้ “คุณหนู ฝันร้ายอีกแล้วหรือเจ้าคะ” ไป๋เยาสาวใช้วัยแรกรุ่นขยี้ตาตกใจตื่นรีบกระวีกระวาดเข้ามาเปิดม่านโปร่งข้างเตียง คุกเข่าร้องเรียกคุณหนูของตน หลี่อวี้หลันยันกายลุกขึ้นนั่ง กวาดสายตามองรอบห้องหนึ่งครั้ง ก่อนถอนหายใจออกมา ยื่นมือรับน้ำชาขึ้นดื่มขับไล่ความกระหาย ลำคอแห้งผากค่อยชุ่มชื้นขึ้นเล็กน้อย “ดีขึ้นหรือไม่เจ้าคะ?” “อืม ข้าไม่เป็นไร เจ้านอนต่อเถอะ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางสะดุ้งตื่นกลางดึก ต้องกล่าวว่านางเป็นเช่นนี้แทบจะทุกคืน นับตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อครึ่งเดือนก่อน ไป๋เยามีสีหน้ากังวล ไม่ยอมกลับไปนอนที่ของตนบริเวณหน้าเตียงเตา แต่ยังนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงเช่นเดิม “คุณหนูฝันร้ายเช่นนี้ทุกคืนเลยนะเจ้าคะ บอกฮูหยินดีหรือไม่เจ้าคะ จะได้ตามท่านหมอหลวงมาตรวจอาการท่านด้วย” “ไม่จำเป็น” นางรู้ตัวเองดีว่าอาการฝันร้ายนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร มันไม่ใช่โรคประหลาด ไม่ใช่โรคเจ็บป่วยใด แต่เป็น ‘โรคทางใจ’ ของนางเอง เป็นโรคที่เกิดมาจากจิตวิญญาณของนาง ไม่ได้เกี่ยวอันใดกับร่างกายนี้เลย ความจริงแล้วหลี่อวี้หลันไม่ใช่คนของยุคสมัยนี้ ไม่สิ ต้องกล่าวว่านางไม่ใช่คนของโลกนี้ถึงจะถูกต้องกว่า เพราะโลกที่นางอยู่ยามนี้เป็นยุคสมัยโบราณที่ไม่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นชื่อแคว้น ชื่อเมือง หรือชื่อกษัตริย์ ล้วนไม่มีอยู่จริงในยุคที่นางจากมา เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกแต่งขึ้นในมังฮวาหรือการ์ตูนที่นางกำลังอ่านอยู่นั่นเอง! มังฮวาเรื่อง ‘ร้อยบุปผาพันจันทรา’ เป็นมังฮวาออนไลน์ชื่อดังบนเว็บมังฮวาซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากในหมู่นักเรียนนักศึกษา หลี่อวี้หลันก็เป็นหนึ่งในนั้น เพื่อนร่วมหอเป็นคนแนะนำให้นางอ่านเพราะเห็นว่าชื่อของนางร้ายในเรื่องนี้เหมือนกับนาง หลังจากผ่านการสอบอันแสนหฤโหดเสร็จ นางจึงตัดสินใจเหมาซื้อมังฮวาฉบับหนังสือมาครบทุกเล่มเพื่อตั้งใจจะนอนอ่านข้ามวันข้ามคืนให้สบายอารมณ์ ไหนเลยจะคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเหนือธรรมชาติขึ้นกับนางได้! จู่ ๆ นางก็ฟื้นขึ้นมาในร่างของคุณหนูรองหลี่ ตัวร้ายอันดับสองของมังฮวาเรื่องนี้! หลี่อวี้หลัน คุณหนูรองผู้มีชื่อเดียวกับนาง เป็นตัวร้ายอันดับสองที่มีจุดจบไม่ดี ถึงนางจะยังอ่านไม่ถึงเล่มสุดท้าย แต่ก็พอจะเดาจุดจบของคุณหนูรองผู้นี้ได้ สตรีผู้มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต มักใหญ่ใฝ่สูง ขี้อิจฉาริษยาและมุ่งร้ายผู้อื่น สตรีเช่นนี้คงไม่ได้ตายดีเป็นแน่ และนางก็ดันมาอยู่ในร่างของสตรีร้ายกาจผู้นั้น!! อึก… พรวด! “คะ คุณหนู! ทะ ท่าน… ท่านกระอักเลือดอีกแล้ว!” ไป๋เยาหวีดร้องตกใจรีบหยิบผ้าแพรพกมาซับริมฝีปากให้เจ้านาย ดวงหน้างามล้ำซับสีระเรื่อหลุบมองโลหิตอุ่นร้อนบนฝ่ามือขาวซีดของตน หากนับตามจริงแล้ว การกระอักโลหิตครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ห้า ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อตอนที่นางฟื้นขึ้นมาในร่างนี้ครบเจ็ดวัน ยามนั้นจู่ ๆ นางก็กระอักโลหิตออกมาคำโต ทำเอาคนทั้งจวนปั่นป่วนไปหมด เชิญหมอหลวงมาตรวจก็ไม่พบความผิดปกติ หมอหลวงเพียงเขียนเทียบยาบำรุงให้แล้วก็กลับไป ทว่าวันต่อมานางกระอักโลหิตออกมาอีก หมอหลวงคนเดิมจึงถูกตามตัวกลับมาตรวจอีกครั้ง และก็ไม่พบความผิดปกติเช่นเดิม เป็นเช่นนี้อยู่สามวัน กระทั่งวันที่สาม หลี่อวี้หลันเผลอปัดถ้วยชาตกแตก นางคิดจะเก็บเศษกระเบื้องเอง แต่ไป๋เยาไม่ยินยอมให้นางทำ ทั้งสองจึงยื้อยุดกันครู่หนึ่ง สุดท้ายเป็นไป๋เยาเสียหลักล้มลงบนพื้นทำให้ฝ่ามือถูกเศษกระเบื้องบาดจนเป็นแผล หลี่อวี้หลันรู้สึกผิดอย่างมาก นางจึงยอมนั่งนิ่งปล่อยให้ไป๋เยาจัดการเก็บกวาดอย่างว่าง่าย ทว่าวันต่อมานางก็ไม่ได้กระอักโลหิตอีก แต่หลังจากนั้นเจ็ดวันนางกลับมากระอักโลหิตอีกครั้ง คืนนั้นนางฝันถึงต้าซือผู้เฒ่าผู้หนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางหมอกควัน เขากล่าวกับนางในความฝันว่า ‘มนุษย์ทุกคนล้วนมีบทบาทหน้าที่ หากฝืนกฎธรรมชาติ ฝืนโชคชะตาฟ้าลิขิต ย่อมได้รับการลงโทษจากสวรรค์’ ยามนั้นนางฟังไม่เข้าใจ จึงถามกลับไปว่า ‘หน้าที่ของข้าคืออะไร บทบาทของข้าคืออะไร นางร้าย? ตัวร้าย? เช่นนั้นรึ?’ ต้าซือผู้เฒ่าไม่ตอบ เพียงยิ้มอย่างเมตตา นางตรึกตรองชั่วครู่จึงกล่าวต่อ ‘แล้วถ้าข้าไม่อยากเป็นตัวร้ายเล่า?’ ‘หากเจ้านอกบทเกินเจ็ดวันจะต้องกระอักโลหิตหนึ่งคำ’ คราวนี้นางตื่นตะลึงถึงขั้นตื่นตระหนก น้ำเสียงที่เอ่ยถามยิ่งแหบแห้ง ‘ชะ เช่นนั้นข้าต้องเป็นตัวร้ายเท่านั้นหรือ…’ นางไม่อยากเป็น… ไม่อยากมีจุดจบที่น่าอนาถเช่นนั้น! หลี่อวี้หลันไม่ทันได้ฟังคำตอบจากต้าซือผู้เฒ่าก็พลันสะดุ้งตื่นเสียก่อน จากนั้นนางไม่ได้ฝันถึงต้าซือผู้เฒ่าอีกเลย ยามนี้นางกระอักโลหิตอีกแล้ว คงเป็นเพราะเจ็ดวันที่ผ่านมานางไม่ได้เล่นไปตามบทบาทของตัวร้าย กลับกัน… นางเอาแต่ขังตัวเองอยู่แต่ในเรือนไม่ได้ก้าวออกไปไหนเลยด้วยซ้ำ คนที่นางพบหน้ามีเพียงไป๋เยา หมอหลวงจาง หรูซื่อมารดาของนาง และสาวใช้ที่จำชื่อไม่ได้อีกสองสามคนเท่านั้น ต้องทำอย่างไรถึงจะหยุดกระอักโลหิตได้… หรือว่านางต้องเล่นบทตัวร้ายจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD