คนงามกับคนงาม

1211 Words
ร่างทั้งสองค่อย ๆ ทะยานลงบนพื้นเรือกลางทะเลสาบ เมื่อเท้าแตะพื้นอย่างมั่นคงแล้ว หญิงสาวพลันผละตัวออกจากอ้อมกอดของบุรุษแปลกหน้าทันที นางลูบอกตนเองเบา ๆ เพื่อปลอบขวัญที่เกือบหนีกระเจิงไปหมด กระทั่งตั้งสติได้จึงค่อยเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงเบื้องหน้า หลี่อวี้หลันมีชีวิตมาสองชาติภพ ไม่พูดถึงชาตินี้ เอาแค่ชาติก่อน ไม่ว่าจะศิลปินนักร้องนักแสดงหรือไอดอลทั้งในประเทศและต่างประเทศ ล้วนมีแต่คนหน้าตาดีระดับเทพธิดาเทพบุตรทั้งสิ้น แน่นอนว่านางเห็นคนเหล่านั้นผ่านตามานักต่อนักแล้ว แต่ทว่ายังไม่เคยมีผู้ใดที่มีรูปโฉมสะกดสายตาจนแทบจะลืมหายใจได้เท่ากับบุรุษตรงหน้าอีกแล้ว หากนิยามของคำว่างดงามล่มบ้านล่มเมืองใช้กับบุรุษได้ คนตรงหน้านางผู้นี้ก็คงจะเหมาะกับคำคำนี้มากที่สุดกระมัง คิ้วโก่งดั่งก้านหลิว ดวงตาหงส์งามลุ่มลึกเปล่งประกาย จมูกเรียวโด่ง ริมฝีปากเฉียบบางราวกลีบดอกท้อ ใบหน้ารูปงามหล่อเหลาเหนือสามัญ ท่วงท่าสง่างามสะกดจิตสะกดวิญญาณผู้คนอย่างยิ่ง โอ้… นางคงไม่ได้ตกน้ำตายไปแล้วหรอกกระมัง นี่ใช่เทพเซียนจากสวรรค์หรือไม่ ไฉนถึงได้รูปงามหล่อเหลาเกินมนุษย์มนาถึงเพียงนี้! ไม่ใช่เพียงหลี่อวี้หลันที่ตะลึงลานกับความรูปงามเหนือสามัญของชายหนุ่ม เขาเองก็ตะลึงงันกับความงดงามล่มเมืองของนางเช่นเดียวกัน จ้าวหลิงจับจ้องดวงหน้างามพิสุทธิ์ราวจันทรา ดวงตาเมล็ดซิ่งฉ่ำวาวแลดูออดอ้อนยามช้อนสายตาขึ้นมอง จมูกเล็กเชิดรั้น ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มน่ารักให้ความรู้สึกน่าเอ็นดูยิ่ง หัวใจแกร่งคล้ายถูกกรงเล็บน้อย ๆ ขีดข่วนจนรู้สึกคันยุบยิบไปหมด ทั้งสองประสานสายตากันชั่วขณะหนึ่ง ก่อนหลี่อวี้หลันจะเป็นฝ่ายผละสายตาหนี นางเป็นสตรีจะจ้องมองบุรุษแปลกหน้าโดยตรงเช่นนี้ได้อย่างไร ทว่าบุรุษแปลกหน้าผู้นี้กลับจ้องนางไม่หยุดคล้ายไม่ไยดีธรรมเนียมมารยาทเลยสักนิด หัวใจนางพลันรู้สึกอึดอัดจนอยากเอ่ยคำตำหนิเขาสักสองคำ แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นธงบนหัวเรือ คำตำหนิที่เกือบพรั่งพรูก็ถูกกลืนลงคอจนหมด นี่นางกำลังยืนอยู่บนเรือของรัชทายาทอย่างนั้นหรือ? นางหันมองคนตรงหน้าอีกครั้ง ประสานสายตากับอีกฝ่าย ลอบสังเกตเขาอย่างละเอียด นางจดจำรูปลักษณ์ของรัชทายาทจากต้นฉบับได้ เพราะเขาเป็นพระเอกของเรื่อง ทั้งบุคลิก อุปนิสัยและการแต่งกาย ล้วนโดดเด่นไม่เหมือนใครอยู่แล้ว เมื่อมองประเมินอีกฝ่ายชั่วครู่ นางก็ได้คำตอบว่าคนตรงหน้าไม่ใช่รัชทายาทเป็นแน่ ประการแรกคือคนผู้นี้สวมอาภรณ์สีขาวราวพระจันทร์ ทั้งยังรูปงามล่มเมืองทั่วร่างก็แผ่กลิ่นอายของชายงามมากเกินไป แตกต่างจากรัชทายาทในต้นฉบับอย่างยิ่ง รัชทายาทนั้นเป็นบุรุษองอาจกล้าหาญ คิ้วดาบ ดวงตาคม ท่วงท่าหนักแน่นสง่างาม ทั้งยังมักจะสวมอาภรณ์สีดำอยู่เป็นประจำ ย่อมเป็นคนละคนกับบุรุษตรงหน้าอย่างแน่นอน จ้าวหลิงไม่พูดจา เขายืนนิ่งปล่อยให้ดวงตาคู่งามจ้องมองตนตามใจ แววตาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มประสานสายตากับหญิงงาม ทว่าทั้งสองยังมิทันเอ่ยคำพูดใด ภายในเรือปรากฏร่างสูงของคนผู้หนึ่งเดินออกมาเสียก่อน จ้าวหลิงปรายตามองเขาหนึ่งที แววตาแฝงความขุ่นเคืองสองส่วน บรรยากาศระหว่างเขากับหญิงงามกำลังดี ไฉนคนผู้นี้ถึงออกมาขัดเสียเล่า ช่างไม่รู้ความเสียจริง! ผู้มาใหม่มีหรือจะไม่รับรู้ถึงสายตาตำหนิจากท่านกั๋วกงคนงาม รัชทายาทเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อยมองเมินสายตาขุ่นเคืองของสหายสนิท หันมาสนใจสตรีอาภรณ์สีแดงโลหิตตรงหน้าแทน “คุณหนูท่านนี้ เจ้าคงไม่บาดเจ็บหรอกกระมัง” หลี่อวี้หลันได้ฟังก็พลันเข้าใจทันที คนผู้นี้ต่างหากคือรัชทายาทตัวจริง กลิ่นอายสูงศักดิ์แผ่กำจายทั่วพระวรกาย ใบหน้าหล่อเหลาองอาจสมกับเป็นพระเอกของเรื่องอย่างแท้จริง “ถวายบังคมรัชทายาทเพคะ” นางยอบกายถวายบังคมรัชทายาทอย่างรู้มารยาท ปิ่นประดับลายผีเสื้อสั่นไหวคล้ายกำลังโบยบินล่อสายลมยามหญิงสาวขยับกาย ดวงหน้าสะคราญโฉมก้มลงอย่างสำรวมกิริยา แววตาสืบเสาะเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งเรียบร้อย จ้าวหลิงจับจ้องทุกกิริยาท่าทางของหญิงสาวด้วยแววตาสนใจยิ่ง หญิงงามนั้นจะหาจากที่ใดก็ย่อมได้ แต่หญิงงามเฉลียวฉลาดและไหวพริบดีนั้นหาได้ยากยิ่ง “ขอบคุณคุณชายท่านนี้ที่ช่วยชีวิตเจ้าค่ะ” หลี่อวี้หลันเบี่ยงกายคำนับจ้าวหลิงเช่นกัน นางไม่ได้เงยหน้ามองเขาเหมือนก่อนหน้านี้ เพียงหลุบตาลงเผยให้เห็นแพขนตางามกับสองแก้มนวลแดงปลั่งน่ารักใคร่เอ็นดูนัก “คุณชายท่านนี้?” จ้าวหลิงกล่าวเป็นคำแรก น้ำเสียงของเขาน่าฟังยิ่ง ทั้งลุ่มลึกและแฝงแววเย้าหยอกในที ร่างสูงขยับกายเข้าใกล้หญิงสาวนำพากลิ่นสมุนไพรหอมเย็นเข้ามาด้วย “เจ้ารู้จักรัชทายาท แต่ไม่รู้จักข้างั้นหรือ?” ไยนางต้องรู้จักเขาด้วยเล่า? หลี่อวี้หลันได้แต่ครุ่นคิดในใจ ไม่ได้เอ่ยถามออกไป สีหน้าของนางยังคงสงบนิ่ง “ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นเพียงคุณหนูในห้องหอจึงมิค่อยได้ออกงานเลี้ยงพบปะผู้คนสักเท่าใด มิได้รู้จักคนเยอะนัก ทำให้คุณชายต้องขุ่นเคืองเสียแล้ว” นางช้อนดวงตาเมล็ดซิ่งฉ่ำวาวขึ้นมองชายหนุ่ม แววตาสุกสกาวดั่งดวงดาราไร้เดียงสาอย่างยิ่ง “เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ข้าน้อยขอเสียมารยาทถามท่าน คุณชายคือผู้ใดหรือเจ้าคะ?” ริมฝีปากจ้าวหลิงโค้งขึ้น นัยน์ตาหงส์แฝงรอยยิ้มเปล่งประกาย นางเป็นสตรีคนแรกที่กล้าสบตากับเขาตรง ๆ แถมยังเอ่ยถามนามของเขาด้วยสีหน้าใสซื่อ ความรู้สึกว่านางช่างน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งท่วมท้นเข้ามาในหัวใจชายหนุ่ม หญิงงามนางนี้ช่างน่าสนใจมากขึ้นทุกทีเสียแล้ว “นามของข้าคือ จ้าวหลิง เจ้าเคยได้ยินหรือไม่?” น้ำเสียงของเขานุ่มนวลชวนฟังยิ่ง ละมุนละไมราวกับกำลังหลอกล่อเด็กน้อยก็ไม่ปาน จ้าวหลิงงั้นหรือ… ไยถึงรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้ หลี่อวี้หลันกลอกตาไตร่ตรองครู่หนึ่ง นางมิรู้จักคนสกุลจ้าวเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยได้ยินไป๋เยากล่าวถึงเสียด้วย แต่ในเมื่อเขาอยู่บนเรือลำเดียวกับรัชทายาท เช่นนั้นก็คงเป็นสหายของพระองค์กระมัง เมื่อเห็นท่าทางคนงามขมวดคิ้วเอียงคอครุ่นคิด รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลายิ่งเข้มข้นขึ้น เขาไม่ได้คาดหวังฟังคำตอบว่านางจะรู้จักเขาหรือไม่ เขาเพียงแค่อยากจะทำความรู้จักนางก็เท่านั้น ชายหนุ่มยิ้มนัยน์ตาพราวเอ่ยถามขึ้นว่า “แล้วหญิงงามเช่นเจ้าเล่า มีนามว่ากระไรหรือ?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD