“คุณหนู… คุณหนูเจ้าคะ ท่านโหวกับฮูหยินกลับไปแล้วเจ้าค่ะ”
หลังจากไป๋เยาเอ่ยจบ ร่างบางบนเตียงพลันผุดลุกขึ้นนั่งก่อนชะเง้อคอมองทางประตูเรือน เมื่อเห็นว่าทุกคนกลับไปกันหมดแล้ว จึงถอนหายใจออกมาหนึ่งคำรบ
“ท่านพ่อถามอะไรเจ้าบ้าง?” หลี่อวี้หลันขยับกายลงมานั่งหย่อนขาข้างเตียง รับถ้วยชาจากไป๋เยามาดื่มอึกหนึ่ง อีกมือหยิบขนมกุ้ยฮวามากัดกินอีกหนึ่งคำ
“ถามเรื่องอาการป่วยของคุณหนูเจ้าค่ะ บ่าวเล่าไปตามความจริงทั้งหมด”
หลี่อวี้หลันชะงักเล็กน้อย เอียงหน้ามองประเมินสาวใช้คนสนิทก่อนพยักหน้าอย่างพอใจ
“ดี ๆ บอกไปตามความจริงนั่นแหละดีแล้ว” นางกัดขนมเข้าปากอีกสองคำแล้ววางลงบนจาน ปัดไม้ปัดมือลุกขึ้นยืนเดินมานั่งบนตั่งเตาข้างหน้าต่าง หยิบตำรา ‘สารทฤดูหวนธารา’ ตำราเรื่องเล่าเกี่ยวกับความรักที่กำลังเป็นที่นิยมในยุคสมัยนี้มาเปิดอ่านต่อ หลังจากอ่านไปได้ครู่ใหญ่จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามบ่าย นางพลันคิดถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้จึงหันไปถามไป๋เยา “เจ้าว่า ข้าจะออกไปข้างนอกได้หรือไม่?”
“คุณหนูจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ?”
ดวงหน้างามครุ่นคิดถึงสิ่งที่นางต้องการ “ข้าอยากตัดชุดใหม่…” เสียงของนางหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าร้านใดมีช่างตัดเย็บฝีมือดีบ้าง”
ไป๋เยาหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนพยักหน้ารับ “มีเจ้าค่ะ หอรุ่ยอี้เป็นร้านแพรพรรณชื่อดังของเมืองหลวง ที่นั่นมีช่างตัดเย็บที่มีฝีมือล้ำเลิศอยู่คนหนึ่งนามว่าสี่หร่าน บ่าวได้ยินมาว่าสี่หร่านผู้นี้เป็นหญิงหม้ายอายุยี่สิบสามปี นางมีฝีมือด้านการตัดเย็บเป็นเลิศ บรรดาเหล่าฮูหยินกับคุณหนูชนชั้นสูงในเมืองล้วนต้องการสั่งตัดอาภรณ์กับนางทั้งนั้นเจ้าค่ะ”
“ถ้าฝีมือเป็นเลิศเช่นนั้นคงจะคิวเยอะน่าดู” หลี่อวี้หลันพึมพำกับตนเองเบา ๆ แต่ไป๋เยากลับได้ยิน นางเงยหน้างงงันมองผู้เป็นนาย
“คิวคืออันใดหรือเจ้าคะ?”
หลี่อวี้หลันขี้เกียจอธิบายจึงโบกมือปัด ๆ แล้วถามเข้าเรื่อง “ถ้าข้าต้องการพบแม่นางสี่หร่านผู้นี้ จะต้องทำอย่างไรบ้าง?”
“หากคุณหนูต้องการพบ แค่ส่งเทียบเชิญมาที่จวนก็ได้แล้วเจ้าค่ะ แต่อาจต้องรอนานสักหน่อย เพราะสี่หร่านผู้นี้ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่เจ้าค่ะ”
ต้องรอนานงั้นหรือ… ไม่ได้ นางรอนานขนาดนั้นไม่ได้
“เช่นนั้นถ้าข้าไปหานางที่ร้านเล่า?”
ไป๋เยาเอียงคอมองผู้เป็นนายด้วยความสงสัย เอ่ยปากตอบอย่างลื่นไหล “ถ้าไปหาที่ร้านก็คงจะพบได้เจ้าค่ะ คุณหนูจะไปพบนางหรือเจ้าคะ?”
หลี่อวี้หลันพยักหน้า “อืม เตรียมรถม้า ข้าจะออกไปข้างนอก” นางชะงักเล็กน้อยพลางขมวดคิ้วคล้ายเพิ่งจะนึกได้ “ข้าต้องไปขออนุญาตผู้ใดก่อนออกจากจวนด้วยหรือไม่”
“ต้องขออนุญาตจากฮูหยินก่อนเจ้าค่ะ”
“ได้ เจ้าไปเตรียมรถม้าเถอะ ข้าจะไปเรือนท่านแม่ก่อนแล้วค่อยตามออกไป”
ตอนเดินมาถึงเรือนเหอเซียง ยังไม่ทันให้บ่าวหน้าเรือนเข้าไปรายงาน จูหมัวมัวบ่าวรับใช้คนสนิทของหรูซื่อที่ยืนอยู่หน้าประตูมองเห็นคุณหนูรองตั้งแต่ไกลจึงรีบออกมาต้อนรับ แล้วเชิญนางเข้าไปในเรือน
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่อวี้หลันเข้ามาในเรือนเหอเซียงนับตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา นางกวาดตามองเครื่องเรือนที่ไม่หรูหราแต่ก็ไม่ถือว่าด้อยราคา เทียบกันแล้วเครื่องเรือนในเรือนหลันเซียงของนางกลับดูหรูหราโอ่อ่ากว่าที่นี่ยิ่งนัก ทำให้นางแจ้งใจในความรักใคร่เอ็นดูที่หรูซื่อมีให้กับบุตรสาวจอมร้ายกาจผู้นี้แล้ว
“อวี้เอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไร” หรูซื่อกำลังนั่งตรวจบัญชีอยู่บนเตียงเตา บนโต๊ะเตี้ยด้านข้างยังมีลูกคิดและบัญชีอีกสองสามเล่มวางซ้อนกันอยู่ นางรีบวางบัญชีในมือลงแล้วเดินเข้ามาจับมือบุตรสาวสุดที่รักก่อนจูงมานั่งบนเตียงเตาด้วยกัน ดวงหน้างามสะคราญแบบฉบับสตรีวัยสามสิบสองฉายความกังวลระคนห่วงใย เอ่ยว่า “ถึงอากาศจะอุ่นขึ้นบ้างแล้ว แต่เจ้ายังไม่หายป่วย มิควรออกมาเดินตากแดดตากลมหนาวเยี่ยงนี้”
หลี่อวี้หลันลอบมองมารดาในชาตินี้ของนางอย่างละเอียดอีกครั้ง พลางครุ่นคิดถึงเนื้อหาในต้นฉบับ ในอดีตหรูซื่อเคยได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองสุ่ยหยวน นอกจากความสะคราญโฉมแล้ว ยังเพียบพร้อมด้วยชาติตระกูลและความสามารถ
ตระกูลเดิมของนางคือตระกูลหรู เป็นตระกูลขุนนางฝ่ายบู๊มาหลายชั่วอายุคน ญาติพี่น้องฝั่งบุรุษล้วนเข้าร่วมกองทัพ ต่างมียศมีตำแหน่งในกองทัพตั้งแต่ชั้นผู้น้อยจนถึงชั้นสูง โดยเฉพาะนายท่านผู้เฒ่าหรูที่เคยเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ และยังเป็นสหายร่วมรบกับนายท่านผู้เฒ่าหลี่ด้วย
กล่าวคือท่านตาและท่านปู่ของนางต่างก็เป็นอดีตแม่ทัพเก่ากันทั้งคู่ หลี่อวี้หลันรู้สึกสะท้อนใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่นางร้ายหลี่อวี้หลันต่างก็มีสายเลือดนักรบอยู่ในกายอย่างเต็มเปี่ยมแท้ ๆ แต่เหตุไฉนนางจึงไม่มีนิสัยองอาจห้าวหาญสักนิดเลยเล่า กลับโง่เขลาเบาปัญญา ปล่อยให้ความอิจฉาริษยาครอบงำจนหลงเดินทางผิด สุดท้ายตนเองต้องจมอยู่ในหุบเหวของทะเลทุกข์เยี่ยงนั้น
เฮ้อ… อย่างว่าแหละ ก็มันคือมังฮวานี่นะ
หลี่อวี้หลันถูกสรรค์สร้างขึ้นมาให้เป็นตัวร้ายเพื่อเป็นขวากหนามและช่วยส่งเสริมเส้นทางชีวิตรักของนางเอกกับพระเอก หากไม่มีนางร้ายอย่างนางแล้วเรื่องราวมันจะสนุกครื้นเครงได้อย่างไรกันเล่า
ชะตาชีวิตนางร้ายนี่มันช่างน่าเศร้าเสียจริง
“อวี้เอ๋อร์ เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ หรือว่าอาการป่วยของเจ้ากำเริบอีกแล้ว” น้ำเสียงหวั่นใจของหรูซื่อเรียกสติหลี่อวี้หลันกลับมา นางมองมารดาด้วยแววตาเหนื่อยอ่อนเล็กน้อย
“ลูกไม่ได้เป็นอะไรเจ้าค่ะ เพียงแค่กำลังคิดถึงเรื่องที่กำลังอยากทำอยู่”
หรูซื่อถอนหายใจอย่างโล่งอก สีหน้าคลายกังวลลง ขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เจ้าอยากทำอะไรหรือ บอกแม่มา แม่จะหามาให้เจ้า ต่อให้สูงค่าและหายากเพียงใดแม่ก็จะพยายามหามาให้เจ้า”
นางมองมารดาด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง ยิ้มบอก “ไม่ใช่ของสูงค่าหรือหายากกระไรหรอกเจ้าค่ะ ลูกแค่ได้ยินมาว่าที่หอรุ่ยอี้มีช่างตัดเย็บฝีมือดีอยู่คนหนึ่ง จึงคิดอยากจะไปสั่งตัดอาภรณ์สักสองสามชุดเจ้าค่ะ”
“หอรุ่ยอี้รึ? เจ้าอยากตัดชุดใหม่หรือ”
“เจ้าค่ะท่านแม่ ลูกขอออกจากจวนตอนนี้เลยได้หรือไม่ ลูกอยากจะรีบสั่งตัดชุดใหม่ไว ๆ น่ะเจ้าค่ะ”