สี่หร่านยิ่งฟังก็ยิ่งตื่นเต้น ความใคร่รู้สิ่งแปลกใหม่ระริกไหวในดวงตาทั้งสอง นางชี้ไปทางแบบภาพกางเกงชั้นใน เอ่ยถาม “แล้วสิ่งนี้เล่า มันคือกางเกงไร้ขาใช่หรือไม่”
ดวงหน้างามพยักหน้ารับคำ ชี้ปลายนิ้วลงตรงกลางเป้ากางเกงซึ่งมีความกว้างประมาณสามชุ่น “แม้รูปร่างจะคล้ายกับกางเกงไร้ขา แต่สิ่งนี้จะใช้เนื้อผ้าที่บางกว่าและยังต้องเพิ่มพื้นที่ตรงนี้เข้าไปด้วย”
“เพราะเหตุใด?” สี่หร่านเลิกคิ้วสงสัย นางเองก็จับจ้องเป้ากางเกงชั้นในมาตั้งแต่แรกแล้ว รู้สึกสงสัยใคร่รู้อย่างยิ่งว่าเพราะเหตุใดตรงส่วนนั้นต้องใช้พื้นที่ถึงสามชุ่น
“เพราะสตรีเช่นพวกเราจะต้องมีวันหลั่งโลหิตทุกเดือน ปกติแล้วเราจะใช้ผ้ารอบเดือนที่ต้องร้อยเชือกผูกกับเอวใช่หรือไม่” ยามเอ่ยถึงเรื่องนี้สีหน้าของหลี่อวี้หลันไม่ได้เปลี่ยนสี นางยังคงท่าทางสงบนิ่งอธิบายต่อไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่งคง “มิปิดบังแม่นาง ตัวข้านั้นมิใคร่ชมชอบผ้ารอบเดือนนัก จึงคิดแบบกางเกงชั้นในนี้ขึ้นมาเพื่อให้ตรงส่วนนี้สามารถวางผ้ารอบเดือนแนบกับร่างกายได้อย่างมิดชิด และยังสามารถขยับตัวหรือเดินเหินได้อย่างสะดวกอีกด้วย”
“เป็นเช่นนี้เองหรือ ดียิ่ง…” สี่หร่านตะลึงงันกับความคิดแปลกใหม่ของหลี่อวี้หลัน ไยนางจะไม่รู้ถึงปัญหาที่สตรีต้องพบเจอทุกเดือนเล่า แต่นางกลับไม่ทันคาดคิดถึงสิ่งเหล่านี้เลย
เมื่อเห็นแววตาสี่หร่านแวววาวเปล่งประกายไม่หยุด หลี่อวี้หลันรีบถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มความตื่นเต้นเอาไว้อย่างสุดประมาณ “ท่านยินดีจะรับงานนี้หรือไม่ หากท่านติดขัดตรงที่ใดก็สามารถถามข้ามาได้เลย…”
“ยินดี! ข้ายินดียิ่ง!”
นางยังเอ่ยไม่ทันจบประโยค สี่หร่านกลับพยักหน้าตอบรับรัวเร็วด้วยความยินดี แววตาสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น
หลี่อวี้หลันลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในที่สุดนางก็จะมีชุดชั้นในสวมใส่เสียที ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาในยุคโบราณแห่งนี้ ไม่ว่าจะเรื่องอาหารการกิน สภาพอากาศ สำนวนภาษา ธรรมเนียมปฏิบัติต่าง ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบกาย นางล้วนทำใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้และพยายามปรับตัวให้ชินได้ ยกเว้นอยู่เรื่องเดียวก็คือการไม่ได้สวมชุดชั้นในนี่แหละ ทุกครั้งเวลานางจะเดินจะนั่งล้วนไม่คุ้นชินทั้งสิ้น มันรู้สึกโล่งราวกับตนเองกำลังเปลือยกายอย่างไรไม่รู้ เพราะเหตุนี้นางถึงไม่อยากออกไปไหน วัน ๆ เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในเรือนอย่างไรเล่า
.
.
.
“คุณหนู ท่านออกมาได้เสียทีนะเจ้าคะ บ่าวร้อนใจจะแย่แล้ว” ไป๋เยารีบปรี่เข้ามาหาทันทีที่เห็นคุณหนูของตนยกม่านเดินออกมาจากด้านหลังร้าน หลงจู๊กับสตรีสูงศักดิ์ก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว ในหอรุ่ยอี้ยามนี้จึงเงียบสงบไม่มีลูกค้าคนอื่นอยู่เลยสักคน
“ไปกันเถิด” หลี่อวี้หลันไม่อยากเสียเวลาอยู่ในร้านต่อจึงพาไป๋เยาเดินออกมา ตอนนางกำลังยืนรอให้ไป๋เยาไปตามรถม้าของจวนโหวอยู่หน้าหอรุ่ยอี้ บังเอิญเห็นแผงขายตำราริมทางจึงเดินเข้าไปเลือกดูด้วยความสนใจ
ขณะกำลังจะหยิบตำราเล่มหนึ่งขึ้นมา จู่ ๆ เสียงเอะอะโวยวายดังแว่วมาจากที่ไกล ๆ ผู้คนพากันหันไปมองก็พบว่าบนปลายทางของถนนปรากฏอาชาสีน้ำตาลสองตัวกำลังห้อตะบึงเข้ามาในย่านการค้าด้วยความเร็วสูง ผู้คนบนถนนต่างพากันวิ่งหนีแหวกทางให้กับอาชาทั้งสองตัวนั้น บางคนหลบไม่ทันก็ล้มคว่ำลงบนพื้นถนน ข้าวของกระจัดกระจายเต็มไปหมด
ฮี้…
เสียงอาชาตัวหน้าสุดหยุดวิ่งกะทันหันห่างจากจุดที่หลี่อวี้หลันยืนอยู่ประมาณสามจั้ง มันกู่ร้องออกมาเสียงดังก่อนจะยกตัวถีบขาหน้าขึ้นสูงส่งผลให้ชายชุดดำบนหลังม้าพลัดตกลงบนพื้นถนน ผู้คนรอบข้างแตกตื่นวิ่งหนีกระเจิงคนละทิศละทาง บนถนนย่านการค้าเกิดความโกลาหลในฉับพลัน
หลี่อวี้หลันไม่เคยเห็นเหตุการณ์น่าตื่นตกใจเช่นนี้มาก่อน นางไม่ได้แสดงความหวาดกลัวออกมาเพราะจุดที่เกิดเหตุอยู่ไกลจากนางมากโข จึงเพียงยืนนิ่งสงบเป็นผู้ชมที่ดีไม่ได้ขยับเขยื้อนหรือกรีดร้องเหมือนเหล่าคุณหนูคนอื่น
ยามนี้เองที่อาชาอีกตัวควบมาถึง ชายชุดน้ำเงินบนหลังม้าตัวที่สองเหินกายลงมาเตะแผ่นหลังของชายชุดดำที่ตกจากหลังม้าตัวแรก แรงเตะของเขาแฝงด้วยไอสังหารเต็มเปี่ยมทำให้ชายชุดดำกระเด็นไปหลายจั้งก่อนตกลงพื้นแล้วกระอักโลหิตออกมา
ภายในชั่วพริบตาทหารรักษาการณ์เมืองหลวงพลันกรูกันเข้ามาจำนวนมาก ล้อมจับชายชุดดำผู้นั้นเอาไว้ได้ทันท่วงที จังหวะนี้เองปรากฏรถม้าคันใหญ่ตกแต่งอย่างหรูหราเคลื่อนเข้ามาจอด หน้ารถม้าคันนั้นมีตัวหนังสือสีทองคำว่า ‘จ้าว’ ประดับอยู่
ชายชุดน้ำเงินหมุนกายรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปยืนค้อมคำนับประสานมือข้างรถม้า พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทว่าหนักแน่นมั่นคง “นายท่าน จับมือสังหารผู้นั้นได้แล้วขอรับ”
หลังจากได้ยินชายชุดน้ำเงินเรียกขานคนในรถม้า หลี่อวี้หลันสัมผัสได้ถึงความเงียบงันรอบด้านในชั่วพริบตา นางกวาดสายตามองผู้คนบนถนนย่านการค้าด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ไฉนจู่ ๆ เสียงเอะอะมะเทิ่งเมื่อครู่ถึงเงียบลงในฉับพลันได้เล่า? หรือว่าคนในรถม้าผู้นั้นจะเป็นผู้สูงศักดิ์ที่มีอำนาจล้นฟ้าเสียจนผู้คนหวาดเกรงจนมิกล้าส่งเสียงกันกระนั้นหรือ
ขณะนางกำลังครุ่นคิดสงสัยอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงทุ้มกังวานแฝงแววเกียจคร้านดังขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อยออกมาจากตัวรถม้าหรูหราคันนั้น
“ส่งตัวไปให้รองแม่ทัพหลี่จัดการ”
อาชาสีน้ำตาลเข้มตัวหนึ่งควบมาถึงพอดี ร่างสูงในชุดรองแม่ทัพรักษาการณ์เมืองหลวงกระโดดลงจากหลังม้าด้วยท่าทางองอาจสง่างามยิ่ง เขาสาวเท้าตรงไปยืนข้างรถม้าด้านข้างชายชุดน้ำเงินก่อนประสานมือโค้งคำนับ “ท่านกั๋วกงโปรดวางใจ ผู้น้อยรองแม่ทัพหลี่จะไต่สวนอย่างเข้มงวดแน่ขอรับ”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก” น้ำเสียงเกียจคร้านเจือความเบื่อหน่ายเล็กน้อย บ่งบอกให้รู้ว่ายามนี้ผู้พูดกำลังเอนกายอย่างสุขสำราญใจอยู่ภายในรถม้า หาได้สนใจไยดีกับเหตุการณ์ลอบสังหารที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่