ลองพิสูจน์

1263 Words
วันงานเทศกาลซ่างซื่อ หน้าประตูจวนสกุลหลี่ปรากฏรถม้าหรูหราจอดรออยู่สองคัน คันแรกเป็นของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กับหรูซื่อ คันที่สองเป็นของคุณหนูหลี่ทั้งสามกับคุณชายสามที่ยังเยาว์ ส่วนนายท่านโหว คุณชายใหญ่ คุณชายรองย่อมเดินทางด้วยการขี่ม้า เวลานี้ทุกคนยืนอยู่หน้าประตูกันหมดแล้ว และกำลังรอขึ้นรถม้า ยกเว้นคุณหนูรองเพียงคนเดียว หรูซื่อมองไปทางเรือนหลันเซียงอย่างกังวล ก่อนหน้านี้นางสั่งให้สาวใช้ไปตามบุตรสาวแล้ว แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดจนบัดนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของทั้งสาวใช้และบุตรสาวของนางเลย ขณะที่หรูซื่อกำลังพะว้าพะวังอยู่นั้น บนเส้นทางเดินจากเรือนหลันเซียงพลันปรากฏร่างบางในชุดสีแดงโลหิตกำลังเยื้องย่างเข้ามาด้วยท่วงท่าเชื้องช้าทว่าสง่างามยิ่ง ทุกคนหน้าประตูจวนต่างพากันตกตะลึงกับความงดงามปานเทพธิดาของคุณหนูรองสกุลหลี่ ข่าวลือเรื่องความงามล่มเมืองของหรูซื่อย่อมเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่ใจทุกคน แต่คิดไม่ถึงเลยว่านอกจากบุตรชายทั้งสองของนางจะรูปงามหล่อเหลาเหนือสามัญแล้ว บุตรสาวเพียงคนเดียวจะงดงามสะกดจิตสะกดวิญญาณผู้คนถึงเพียงนี้! นี่ไม่ใช่เรียกว่าหงส์ให้กำเนิดหงส์ มังกรให้กำเนิดมังกรอย่างแท้จริงหรอกหรือ! “ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ อวี้เอ๋อร์มาช้า ทำให้พวกท่านต้องรอแล้ว ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ” ปิ่นประดับลายผีเสื้อสั่นไหวเบา ๆ ยามร่างอรชรยอบกายคำนับ ดวงหน้างดงามผุดผาดแต่งแต้มชาดบางเบาแลดูงามล้ำพิสุทธิ์ สร้อยประดับกลางหน้าผากขาวผ่องเปล่งประกายรับแสงตะวันยามเย็นขับใบหน้างดงามให้ตราตรึงจิตวิญญาณยิ่งกว่าเดิม อาภรณ์ผ้าไหมสีแดงโลหิตแม้จะดูฉูดฉาดบาดตาทว่าเมื่อสวมอยู่บนร่างหลี่อวี้หลันกลับฉาดฉายความสง่างามออกมาอย่างไร้ที่ติ โดยเฉพาะลายปักผีเสื้อสยายปีกบนเนื้อผ้าไหมที่ราวกับว่ามันมีชีวิตและกำลังโบยบินยามนางขยับกาย ฮูหยินผู้เฒ่ากวาดสายตามองการแต่งกายของหลี่อวี้หลันปราดหนึ่งอย่างพอใจ นางโบกมือไม่ถือสาก่อนหมุนกายขึ้นรถม้าด้วยการประคองจากจางหมัวมัว หรูซื่อเดินเข้ามาจับมือหลี่อวี้หลัน สีหน้าแย้มยิ้มชื่นชมในความงดงามของบุตรสาวอย่างยิ่ง “ลูกแม่ ชุดนี้ของเจ้าช่างงดงามนัก งามกว่าชุดเก่านั่นเสียอีก” “ลูกจะงามกว่าท่านแม่ได้อย่างไรกันเล่าเจ้าคะ” นางยิ้มหยอกเย้ามารดาอย่างที่หลี่อวี้หลันคนเก่าไม่เคยทำ หรูซื่อตะลึงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้าง สีหน้าสดใสมีชีวิตชีวา ขับให้ใบหน้างดงามอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน เหล่าชาวบ้านพากันชื่นชมในใจไม่หยุด เพราะมีมารดางดงามเพียงนี้อย่างไรเล่า บุตรสาวถึงได้งามพิลาสล้ำหาผู้ใดเปรียบเช่นนี้ ดูท่าแล้วตำแหน่งหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งสุ่ยหยวนคงไม่พ้นตกเป็นของคุณหนูรองสกุลหลี่ผู้นี้เสียแล้ว เมื่อทุกคนแยกย้ายกันขึ้นรถม้า หลี่อวี้หลันก็ตกเป็นเป้าสายตาของบรรดาพี่น้องบนรถม้าทันที นางแย้มยิ้มบางเบาพลางสังเกตสีหน้าของแต่ละคน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครแสดงเจตนาร้าย รอยยิ้มพลันอ่อนโยนลงหลายส่วน “หน้าของข้ามีอะไรงอกอยู่งั้นหรือ ไยพี่หญิงใหญ่กับน้องทั้งสองถึงมองข้าเช่นนั้นกันเล่า” ตอนนางไม่พูดยังไม่เท่าไหร่ แต่พอนางเอ่ยถามเช่นนี้ออกมา คนทั้งสามต่างพากันเก็บสายตากลับอย่างลุกลนเล็กน้อย เป็นหลี่อิงเหยาพูดทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนขึ้นมาก่อน “วะ วันนี้พี่หญิงรองงามมาก ข้าเพียงรู้สึกประหลาดใจจึงเผลอเสียมารยาท ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ” ต้องรู้ว่าภาพจำเกี่ยวกับพี่หญิงรองผู้นี้ภายในใจของหลี่อิงเหยาที่ผ่านมานั้นไม่เคยมีเรื่องดี ๆ เลย หากเป็นก่อนหน้านี้นางคงไม่กล้าแม้แต่จะจ้องมองหลี่อวี้หลันตรง ๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ช่วงระยะหลังมานี้นับตั้งแต่พี่หญิงรองหายป่วย บรรยากาศรอบตัวของอีกฝ่ายก็ดูจะผ่อนคลายมากขึ้น และยังแย้มยิ้มให้นางเสมอเวลาพบหน้ากัน ไม่ได้มองนางด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์เฉกเช่นกาลก่อนอีก ด้วยเหตุนี้นางจึงกล้าจะพูดคุยกับพี่หญิงรองมากกว่าเมื่อก่อนบ้างแล้ว หลี่อวี้หลันได้ฟังก็แย้มยิ้ม นางแตะหยกประดับบนเอวเล่นด้วยความเคยชินพลางเอ่ยกับหลี่อิงเหยาด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้เหยาเอ๋อร์ก็งดงามมาก เจ้าเหมาะกับสีชมพูอ่อน ๆ เช่นนี้ยิ่ง” คำเอ่ยชมพร้อมกับรอยยิ้มจริงใจของนาง เรียกสายตาสามพี่น้องหยุดมอง ต่างคนต่างมีความคิดหลากหลายอยู่ในหัว แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ยกเว้นอยู่หนึ่งคน… “ท่านคือพี่หญิงรองจริงหรือ?” คำถามตรงไปตรงมาของหลี่ซุนยวนเรียกความตกตะลึงให้กับทุกคน หลี่อวี้หลันถึงกับเย็นวาบไปทั่วทั้งร่าง นางสบประสานสายตากับน้องชายคนเล็ก แววตาจับผิดระคนสืบเสาะมองมาอย่างเปิดเผย ทั้งยังแฝงความฉลาดเฉลียวยิ่ง นางไม่ได้หลบตาเผยพิรุธแต่อย่างใด นัยน์ตางดงามแฝงรอยยิ้มขณะเอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบเรื่อย “หากข้าไม่ใช่พี่หญิงรองของเจ้า แล้วจะให้เป็นผู้ใดเล่า?” “นะ… นั่นสิน้องสาม เจ้าถามอะไรของเจ้ากัน” หลี่อิงเหยาหน้าซีดเผือดเล็กน้อย นางเป็นคนขี้กลัวอยู่แล้ว พอได้ยินคำถามเช่นนี้จากหลี่ซุนยวนก็พลอยหวาดหวั่นขึ้นมา หากพี่หญิงรองไม่ใช่พี่หญิงรองแล้วจะเป็นผู้ใดไปได้อีกเล่า… เพียงแค่คิดยังไม่กล้าจะคิดเลย หลี่ซุนยวนกลับไม่ได้หวาดกลัวเหมือนหลี่อิงเหยา สายตาสืบเสาะยังคงจับจ้องดวงหน้างดงามของพี่สาวคนรอง ราวกับต้องการจะมองทะลุเข้าไปในจิตวิญญาณของนางให้ได้ หลี่อวี้หลันคลี่ยิ้มนุ่มนวลยิ่งกว่าเดิม นางยื่นมือไปทางหลี่ซุนยวน ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงแววขบขัน “เจ้าจะลองพิสูจน์ดูก็ได้นะว่าข้าใช่พี่หญิงรองตัวจริงของเจ้าหรือไม่” ทว่าคนที่เอื้อมมือมาสัมผัสมือนางกลับไม่ใช่หลี่ซุนยวนแต่เป็นหลี่ฝูหรงแทน สัมผัสนุ่มนิ่มอบอุ่นจากปลายนิ้วเรียวค่อย ๆ ลูบไล้ฝ่ามือและหลังมือของนางเบา ๆ การกระทำของหลี่ฝูหรงเรียกสายตาอึ้งงันจากหลี่อวี้หลันอย่างยิ่ง หลังจากลูบไล้สัมผัสมือนางอยู่ครู่หนึ่ง หลี่ฝูหรงก็ผละมือออกไป ดวงตาหงส์งดงามเปล่งประกายแวววาวพลางคลี่ยิ้มบาง ๆ “ผิวของน้องหญิงรองนุ่มลื่นและเนียนขาวราวกับเต้าหู้ยิ่ง” พูดจบก็หันไปหาหลี่ซุนยวน “น้องสาม เจ้าลองสัมผัสมือพี่หญิงรองของเจ้าดูสิ ทั้งเนียนนุ่มทั้งอบอุ่นมากเลยนะ เหมือนกับหมั่นโถวที่เพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ ๆ เลยล่ะ” หลี่อวี้หลัน “…” เดี๋ยวก็เต้าหู้ เดี๋ยวก็หมั่นโถว นี่พี่หญิงใหญ่กำลังพูดถึงผิวของนางอยู่ใช่หรือไม่ คงไม่ใช่ว่ากำลังหิวจนตาลายอยู่หรอกกระมัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD