รถม้าเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าประตูใหญ่จวนหย่งผิงโหว หลี่อวี้หลันลงจากรถม้าด้วยการประคองของไป๋เยา นางสบตาหลี่ซวนหยวนที่ควบม้าเข้ามาใกล้ เขาเพียงก้มหน้ามองนางโดยไม่กล่าวคำใด สีหน้าและแววตาเรียบเฉย
“ท่านพี่ไม่เข้าจวนหรือเจ้าคะ” ดวงหน้างามพิสุทธิ์ช้อนสายตาเอ่ยถาม ร่างเล็กงามสง่ายืนอย่างนิ่งสงบเงยหน้าจับจ้องคนบนหลังม้าท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง
หลี่ซวนหยวนตะลึงงันกับภาพตรงหน้า เขาย่อมรู้ดีว่าน้องสาวคนรองของเขาผู้นี้รูปโฉมงดงามเพียงใด นางเป็นถึงบุตรสาวของหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ความสะคราญโฉมของหรูซื่อในอดีตจวบจนถึงบัดนี้ก็ยังคงมีผู้คนกล่าวถึงเปรียบเปรยอยู่เสมอ หลี่อวี้หลันผู้เป็นสายเลือดของนางย่อมสืบทอดความงดงามมาเช่นกัน ทว่าเขากลับไม่เคยคาดคิดว่านางจะงามสง่าน่ามองถึงเพียงนี้
“ท่านพี่เจ้าคะ?” เสียงหวานเอ่ยเรียกสติล่องลอยของหลี่ซวนหยวนกลับมา เขาตีหน้าเคร่งขรึมดึงบังเ**ยนม้าหมุนตัวกลับ ก่อนหลุบตามองน้องสาวต่างมารดาอย่างคล้ายไม่ใส่ใจ
“ข้ายังมีงานต้องไปทำต่อ”
“หมายถึงมือสังหารผู้นั้นหรือเจ้าคะ?”
หลี่ซวนหยวนเบี่ยงหน้าก้มมองหลี่อวี้หลัน พยักหน้ารับ “ใช่ คนที่ถูกลอบสังหารครานี้ไม่ใช่คนธรรมดา จะเสียเวลาสืบสวนไม่ได้”
“คนบนรถม้าคันนั้นคือผู้ใดหรือเจ้าคะ ไยท่านพี่ต้องให้ความสำคัญเขาถึงเพียงนี้”
หลี่อวี้หลันเป็นคุณหนูในห้องหอ การที่นางไม่รู้จักเจิ้นกั๋วกงย่อมเป็นเรื่องสมเหตุสมผล เมื่อครู่ตอนเขายืนอยู่ข้างรถม้าจวนกั๋วกง ขณะรถม้ากำลังเคลื่อนตัวเขาบังเอิญเหลือบไปเห็นสตรีผู้หนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มชาวบ้าน นางสวมหมวกผ้าแพรโปร่งยืนอย่างสงบนิ่งทว่างามสง่าดึงดูดสายตายิ่ง ยามสายลมพัดผ้าแพรโปร่งเปิดเผยดวงหน้างดงาม เขาถึงกับตะลึงงันอย่างไม่เชื่อสายตา จึงรีบเดินตามร่างบางเข้าไปในตรอกเพื่อถามให้แน่ใจว่าใช่น้องสาวคนรองของเขาหรือไม่
เพราะหากยามนั้นไม่ได้มีเพียงเขาที่ได้ยลโฉมใบหน้างดงามของนาง แต่คนบนรถม้าก็…
หลี่ซวนหยวนจับจ้องใบหน้าสะคราญโฉมชั่วครู่ หวนนึกถึงข่าวลือเรื่องรสนิยมชมชอบสาวงามของเจิ้นกั๋วกงผู้นั้น ภายในใจรู้สึกกังวลขึ้นมา
จะอย่างไรนางก็คือน้องสาวร่วมสายเลือดของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกผูกพันรักใคร่อันใดต่อน้องสาวผู้นี้เลย แต่ก็มิอาจทนนิ่งเฉยมองดูนางกลายเป็นหนึ่งในของสะสมของจวนกั๋วกงได้เช่นกัน
“เจ้าจำรถม้าคันนั้นได้หรือไม่?” น้ำเสียงเคร่งขรึมเอ่ยถาม สายตานิ่งลึกจับจ้องนางไม่วางตา
หลี่อวี้หลันแย้มยิ้ม “น้องจำได้เจ้าค่ะ รถม้าคันนั้นหรูหราโอ่อ่ายิ่ง บนหน้ารถยังประดับตัวอักษรสีทองคำว่าจ้าวด้วยเจ้าค่ะ”
“รถม้าคันนั้นเป็นของจวนกั๋วกง ผู้ที่อยู่ในรถม้าก็คือเจิ้นกั๋วกง”
“เจิ้นกั๋วกงหรือเจ้าคะ?” เสียงหวานเจือความประหลาดใจจ้องมองเขาอย่างสงสัยใคร่รู้
หลี่ซวนหยวนมองนางปราดหนึ่งก่อนเอ่ยต่อ “วันหน้าหากเจ้าบังเอิญพบกับรถม้าคันนั้นอีก จำเอาไว้ว่าต้องออกห่างให้ไกล อย่าได้เฉียดใกล้หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่”
“เพราะเหตุใดหรือเจ้าคะ” นางช้อนสายตาไร้เดียงสาขึ้นมองเขา แววตาใสซื่อน่าเอ็นดูไม่หลงเหลือความเย่อหยิ่งอวดดีเหมือนเฉกเช่นในอดีต การเปลี่ยนแปลงราวกับพลิกฟ้าพลิกดินนี้ทำให้หลี่ซวนหยวนรู้สึกสับสนอยู่บ้าง
“พี่ชายเปรียบเสมือนบิดา ในเมื่อข้าสั่งเจ้า เจ้าก็ต้องเชื่อฟัง เข้าใจหรือไม่”
จู่ ๆ เขาก็ทำตัวเป็นพี่ชายขึ้นมา หลี่อวี้หลันรู้สึกประหลาดใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาเคร่งขรึมจริงจังของเขา นางจึงแย้มยิ้มอ่อนหวานพลางพยักหน้ารับอย่างว่านอนสอนง่าย
“น้องเข้าใจแล้ว น้องเชื่อฟังท่านพี่เจ้าค่ะ”
หลังจากมองน้องสาวคนรองอย่างพึงพอใจหนึ่งที หลี่ซวนหยวนจึงควบม้าจากไป หลี่อวี้หลันมองตามแผ่นหลังกว้าง ก่อนเก็บสายตากลับแล้วเดินเข้าประตูใหญ่หน้าจวนโหว
ขณะเดินมาถึงเรือนหลันเซียง ยังไม่ทันจะก้าวเท้าเหยียบขั้นบันได ด้านหลังปรากฏเสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังขึ้น นางหันมองก็พบกับชายหนุ่มรูปโฉมหล่อเหลา ผิวขาว คิ้วเรียว นัยน์ตาคม หน้าตาคล้ายคลึงหรูซื่อถึงเจ็ดแปดส่วน เขาสวมชุดของสำนักศึกษา เกล้าผมสวมกวานหยก ท่าทางองอาจปราดเปรียวสมเป็นสายโลหิตนักรบโดยแท้
“น้องพี่! เจ้ากลับมาแล้วหรือ” เขาตรงเข้ามาจับไหล่ทั้งสองของนางพลางหมุนซ้ายหมุนขวากวาดสายตามองจากบนลงล่างสองที เมื่อเห็นว่านางยังดูสบายดีจึงพ่นลมหายใจออกมา
คนผู้นี้ก็คือ หลี่เซียวหย่วน พี่ชายคนรองของหลี่อวี้หลัน หรูซื่อมีบุตรทั้งหมดสามคน บุตรชายสองคนคือคุณชายรองกับคุณชายสาม และมีหลี่อวี้หลันเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว นางจึงรักใคร่เอ็นดูบุตรสาวผู้นี้ยิ่ง และมักสั่งสอนบุตรชายทั้งสองให้รักใคร่ปกป้องหลี่อวี้หลันอยู่เสมอ ไม่ว่าเรื่องใดล้วนต้องยอมลงให้หลี่อวี้หลัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นางร้ายหลี่อวี้หลันกลายเป็นหญิงเอาแต่ใจนิสัยเย่อหยิ่งเช่นนั้น
ส่วนจุดจบของพี่ชายกับน้องชายร่วมอุทรของนางร้ายหลี่อวี้หลันในต้นฉบับก็ไม่ต่างจากมารดาของนางนัก ล้วนตายแทนนางทั้งสิ้น
“พี่รอง ไฉนท่านถึงกลับมาได้เล่า ไม่ใช่บอกว่าต้องค้างคืนที่เรือนรับรองของสำนักศึกษาเพื่อเตรียมตัวสอบหรอกหรือ”
เมื่อห้าวันก่อนหลี่เซียวหย่วนมาหานางที่เรือนเพื่อบอกกล่าวเรื่องที่ตนต้องไปพำนักที่เรือนรับรองของสำนักศึกษาบัณฑิตหลวงไห่ชานเพื่อเตรียมตัวสอบรอบสอง ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งผ่านการสอบรอบแรกไป ทั้งยังทำผลสอบได้ลำดับต้น ๆ ของสนามสอบขุนนางฝ่ายบู๊อีกด้วย
หลี่เซียวหย่วนเดินตามหลังหลี่อวี้หลันเข้ามาในเรือนหลันเซียง หลังจากนั่งลงรับถ้วยชาจากไป๋เยามาดื่มอึกหนึ่งจึงค่อยเอ่ยตอบ “พี่เป็นห่วงเจ้า ได้ยินว่าเมื่อเช้าเจ้ากระอักโลหิตอีกแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง หมอหลวงตรวจแล้วได้ความว่าอย่างไร”