เช้าวันต่อมา
“ไปพร้อมกันนะ เดี๋ยวฉันไปส่ง” ทรัชที่ยืนพิงรถรอพราวฟ้าอยู่ เมื่อเห็นหญิงสาวเดินมาเขาก็เอ่ยเรียกทันที ทำให้พราวฟ้าหันไปมอง
“ทรัช” เธอเดินเข้าไปหาทรัชช้าๆ
“กำลังจะไปเรียนเหรอ”
“อืม ฉันยืนรอเธอนานจนจะไปเรียนสายแล้ว”
“แล้วทรัชมายืนรอพราวทำไม มีเรื่องอะไรเหรอ”
“ฉันอยากไปส่งเธอ” ทรัชพูดขึ้นเสียงหวานละมุน ทำให้พราวฟ้าเกิดอาการหน้าแดงขึ้นมาทันที
“ขึ้นรถสิ” แล้วเขาก็เดินมาเปิดประตูให้เธออย่างสุภาพบุรุษ ทำให้หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธและยอมเดินขึ้นไปนั่งบนรถอย่างว่าง่าย ก่อนที่คนตัวสูงจะขึ้นรถตามมาและขับออกไปอย่างช้าๆ เพราะเขาอยากใช้เวลาอยู่กับคนตัวเล็กนานๆ
บนรถ
“ทรัชเรียนคณะอะไรเหรอ” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นอย่างพยายามชวนคุยและเธอก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าทรัชเรียนที่ไหน คณะอะไร เธอจึงลองถามขึ้น
“วิศวกรรมศาสตร์น่ะ”
“หนุ่มวิศวะนี่เอง แบบนี้สาวกรี๊ดเยอะแน่ๆ” พราวฟ้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริง
“แน่นอนอยู่แล้ว” ทรัชก็ยิ้มตอบกลับมา
“เราขอถามได้ไหม ทำไมทรัชถึงเลือกเรียนวิศวะเหรอ ในเมื่อบ้านทรัชมีธุรกิจเป็นของตัวเอง น่าจะเรียนบริหารมากกว่านะ”
“ฉันเลือกเรียนคณะนี้เพราะชอบน่ะ แล้วจริงๆบริษัทของพ่อฉันทำเกี่ยวกับหมู่บ้านจัดสรรและโรงแรมน่ะ การที่ฉันเรียนวิศวะก็สามารถมาช่วยธุรกิจที่บ้านได้ แต่ฉันก็มีเรียนคอร์สบริหารควบคู่กันไปนะ เพราะสุดท้ายฉันก็ต้องมาบริหารบริษัทแทนพ่ออยู่ดี เรื่องบริหารก็ต้องรู้ด้วย”
“ทรัชนี่เก่งเนอะ เรียนในสิ่งที่ชอบแต่ก็ไม่ทิ้งหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำในวันข้างหน้า”
“แล้วเธอล่ะ เรียนคณะอะไร”
“เราเคยเรียนบริหารน่ะ แต่ตอนนี้ไม่ได้เรียนแล้ว” พราวฟ้าพูดด้วยสีหน้าหงอยลงจนทรัชสังเกตได้
“ทำไมถึงเรียนบริหารล่ะ”
“ความจริงเราอยากเรียนทำอาหาร แต่พ่อบอกให้เรียนบริหารเพื่อจะมาช่วยธุรกิจ แต่สุดท้ายเราก็ไม่สามารถทำตามสิ่งที่ชอบและสิ่งที่พ่อต้องการได้สักอย่าง” เธอตอบเขากลับไปเสียงสั่นๆ
“อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิ เอางี้ไหม เดี๋ยวฉันส่งเธอเรียนเอง”
“เราไม่เอาหรอกทรัช” ร่างบางรีบปฏิเสธออกไปทันที
“งั้นเธอมาเรียนคอร์สบริหารกับฉันสิ”
“ฮะ!”
“ฉันมีลงเรียนทุกวันเสาร์อาทิตย์ มาเรียนด้วยกันนะ”
“มะ..” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยอะไรออกมา
“ห้ามปฏิเสธ เพราะฉันอยากใช้เวลาร่วมกับเธอ” ทรัชพูดขึ้นก่อนจะจอดรถหน้าตลาดและหันมาสบสายตาคู่สวยของร่างบางพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้เธอ จนพราวฟ้าถึงกับเขินจนลืมคำพูดปฏิเสธเขาไปในทันที
“ทรัชอ่า ทำไมชอบมองด้วยสายตาแบบนี้ก็ไม่รู้” ร่างบางหันหน้าหนีเพื่อหลบสายตาคมที่จ้องมายังเธออยู่ในตอนนี้ด้วยความเขินอายจนแก้มขึ้นสีแดงอีกครั้ง ก่อนจะพึมพำออกมาแผ่วเบา
“หึ” ทรัชก็อมยิ้มให้กับความน่ารักของพราวฟ้า
“เราไปก่อนดีกว่า” แล้วร่างบางก็แก้เขินด้วยการรีบก้มหน้าก้มตาลงจากรถโดยเร็วที่สุด
“น่ารัก” ปากหนาพึมพำออกมาอย่างเอ็นดู ก่อนจะขับรถไปมหาลัยทันที
ผ่านไปสักพัก
ติ้งๆๆ ขณะที่ฉันกำลังขายขนมอยู่นั้น เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น
ข้อความ
ทรัช : กำลังเลิกเรียน
ทรัช : รอกลับพร้อมกันนะ เดี๋ยวไปรับ
read
เมื่อมือบางกดเข้าไปอ่านข้อความที่ถูกส่งเข้ามาโดยทรัช รอยยิ้มก็เผยบนใบหน้าของฉันทันที
การกระทำของทรัชที่แสดงออกมาทำให้ฉันคิดไปไกลเหมือนเรากำลังจีบกันอยู่เลย ทั้งที่ทรัชไม่เคยบอกว่าจะจีบหรือแม้แต่บอกชอบฉันเลยสักครั้ง แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกชอบเขามากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าเขาจะคิดยังไงกับฉันก็ตาม ฉันก็ชอบเขาอยู่ดีอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกตัวเองได้เลยจริงๆ
.
.
.
สองเดือนต่อมา
ครืดด ครืดด~
มิกค์
ติ้ด เมื่อเห็นชื่อปลายสายที่โทรเข้ามาคือใคร ฉันก็กดรับสายทันที
“ฮัลโหลมิกค์”
(พราวฟ้าว่างหรือเปล่า คุยได้ไหม)
“ว่างอยู่นะ มิกค์มีอะไรหรือเปล่า” ฉันหันเข้าไปมองในบ้าน ยังไม่เห็นทรัชเดินออกมาจึงตอบมิกค์กลับไป
(คนรู้จักฉันบอกว่ามีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดรับสมัครพนักงานเสิร์ฟ ฉันเลยโทรมาบอกเผื่อเธอสนใจ)
“จริงเหรอ” ฉันถามออกไปด้วยน้ำเสียงมีความหวัง
(อืม เธอสนใจไหม เดี๋ยวฉันฝากกับพี่จินคนรู้จักให้)
“สนใจสิ สนใจมากด้วย”
(โอเค เดี๋ยวฉันบอกพี่จินให้นะ เธอก็เตรียมตัวไว้ให้พร้อม ถ้าได้เรื่องยังไงเดี๋ยวฉันส่งข้อความไปบอก)
“อืมๆ ขอบคุณมากเลยนะมิกค์” ฉันเอ่ยออกไปก่อนที่มิกค์จะกดตัดสายไป
“เย้! เราจะมีงานทำแล้ว” ฉันยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนจะหมุนตัวมาอีกทาง
“ว้าย!” แล้วก็ต้องตกใจเมื่อฉันหันมาเจอกับใบหน้าหล่อของทรัชที่ยื่นมาใกล้ใบหน้าของฉันมากๆ
“คุยกับใครเหรอ ทำไมต้องทำหน้าดีใจขนาดนั้น” ทรัชถามออกมาเสียงเรียบ
“เพื่อนน่ะ พอดีเพื่อนจะฝากงานให้เราเลยดีใจ”
“งั้นเหรอ” เขาเลิกคิ้วถาม ฉันก็พยักหน้าตอบไป
“ว่าแต่ทรัชมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ”
“ตั้งแต่ที่เธอยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนฉันคิดว่าเธอแอบคุยกับหนุ่มน่ะสิ”
“บะ บ้าเราจะไปคุยกับใครได้เล่า” ฉันรีบตอบไปทันที
“ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย งั้นเรารีบไปกันเถอะ” ทรัชเอ่ยบอกก่อนจะเดินนำฉันไปขึ้นรถ ฉันจึงเดินตามเขาไปติดๆ แล้วทรัชก็ขับรถตรงไปยังสถานที่เรียนทันทีซึ่งเป็นสถาบันที่ตั้งอยู่ในห้างL
ตั้งแต่วันที่ทรัชบอกจะให้ฉันเรียนคอร์สบริหารกับเขา ทุกวันเสาร์อาทิตย์ทรัชก็จะมารับฉันไปเรียนด้วยกัน และการที่เราได้ไปเรียนได้ทำอะไรด้วยกันหลายอย่างและได้คุยกันทุกวัน มันทำให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนค่อนข้างเป็นไปในทางที่ดี ฉันกับทรัชสนิทกันมากขึ้นและไว้ใจกันมากขึ้น
@ห้องเรียน
“วันนี้เรามาไวเกินไปเหรอ” ฉันพูดขึ้นเมื่อเราสองคนเดินเข้ามาด้านในห้องเรียนแต่กลับไม่พบใครเลย
“เวลาปกตินะ” ทรัชก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะพูดออกมาอย่างแปลกใจเช่นกัน
“แปลกจัง ทำไมไม่มีใครมาเลย” ฉันพึมพำขึ้นก่อนที่ทรัชจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูอะไรบางอย่าง
“ฉันรู้แล้วทำไมไม่มีใครมาเลย”
“ทำไมเหรอ”
“วันนี้อาจารย์งดคลาสน่ะ ฉันไม่ได้เปิดอ่านไลน์กลุ่มเลยไม่รู้”
“งั้นเราก็มาเก้อเลยสิ” ฉันเอ่ยออกไปอย่างเซ็งๆ
“ไหนๆก็ขับรถมาแล้ว เราไปดูหนังกันไหม” แล้วทรัชก็พูดชวนฉันขึ้น
“เอ่อ…มันจะดีเหรอ”
“อืม ไปกันเถอะ” มือหนาเอื้อมมาจับมือฉันพาเดินไปโรงหนังทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้ขัดขืนใดๆ
“เธอชอบดูหนังแนวไหนเหรอ”
“เราดูได้ทุกแนวเลย”
“งั้นดูหนังผีกันดีไหม”
“เอ่อ…” ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบตกลงอะไร ทรัชก็กดซื้อตั๋วหนังมาเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะจับมือฉันพาเดินเข้ามาในโรงหนังที่ตอนนี้เริ่มฉายหนังแล้ว เราสองคนก็นั่งดูกันไปจนกระทั่ง
“เธอว่าตอนนี้ผีจะโผล่มาไหม” เมื่อดูหนังไปได้สักพักทรัชก็หันมาถามฉันที่หันหน้าหนีอย่างไม่กล้าดู
“ระ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ก็เธอเอาแต่หันหน้าหนี ลองหันมาดูสิจะได้รู้” มือหนาจับใบหน้าของฉันให้ไปมองจอ
“อร้ายยย!” แล้วฉันก็ต้องเบิกตากว้างจนหันไปซบอกทรัชทันทีด้วยความตกใจเพราะตอนที่ทรัชจับหน้าให้ฉันมองจอเป็นจังหวะที่ผีหน้าเละๆโผล่มาเต็มจอเลย
“ฮื่ออ ไม่เอาแล้วไม่ดูแล้ว” ฉันเอ่ยบอกไปเสียงสั่นๆอย่างทนไม่ไหวแล้ว ฉันเป็นคนกลัวผีมากๆแต่ต้องมาดูหนังผีแบบนี้ ฉันอยากจะร้องไห้ออกมาเลยจริงๆ
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่กับเธอนี่ไง” มือหนายกขึ้นมาลูบหลังฉันเบาๆเพื่อปลอบประโลม แล้วเขาก็กอดฉันไว้จนหนังจบ
“หนังจบแล้ว” ทรัชเอ่ยบอกเสียงเบา ทำให้ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองหน้าจอก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าหล่อของทรัชอีกครั้ง
“ถ้ากลัวผีก็น่าจะบอกกันสิ” เขาพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบหัวฉันเบาๆ
“…” ฉันได้แต่เงียบไปกับการกระทำที่แสนอ่อนโยนของเขาจนทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นมา
“ต่อไปถ้าเธอไม่ชอบอะไรก็บอกฉันตรงๆเลยนะ”
“อืม” ฉันก็พยักหน้าตอบ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเรากอดกันอยู่ ฉันจึงรีบผละตัวออกจากเขาทันที
“หึ กอดอยู่ตั้งนานไม่น่าจะตกใจแล้วนะ” ทรัชแสยะยิ้มพูดขึ้น
“ทรัชอะ”
“ไปหาไรกินกันเถอะ” แล้วมือหนาก็เอื้อมมาจับมือฉันพาเดินออกจากโรงหนังไปทันที
ปั่ก!
“โอ๊ย! / อะ” แต่ทว่าขณะที่เรากำลังเดินออกมา จู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาชนทรัชเต็มแรง จนแก้วน้ำในมือของเธอหกใส่ทั้งตัวเธอเองและทรัชเลอะเต็มเสื้อ
“ขะ ขอโทษค่ะ” หญิงสาวรีบเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรครับ” ทรัชก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“แต่เสื้อคุณ”
“ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ”
“ขอโทษอีกครั้งนะคะ” เธอไหว้ทรัชด้วยความรู้สึกผิด
“ครับ” ทรัชพูดจบ หญิงสาวก็ก้มหัวขอโทษอีกครั้งและเดินออกไปทันที
“เสื้อเปียกหมดเลย เราจะไปหาไรทานทั้งที่ทรัชเสื้อเปียกๆแบบนี้ไม่ได้หรอก” ฉันหันไปพูดกับทรัช
“เดี๋ยวไปซื้อใหม่เอาก็ได้”
“เสียดายเงินแย่ เราว่าทรัชกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อดีกว่านะ เรายังไม่ค่อยหิว” ฉันตอบกลับไปตามจริง ทรัชก็นิ่งไป
“งั้นเอางี้ ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อที่คอนโดนะ”
“ฮะ!” ฉันทำหน้างุนงงขึ้นมาทันที
“คอนโดฉันใกล้กว่าบ้าน ไปคอนโดสะดวกกว่า”
“แต่..”
“เปลี่ยนแป๊บเดียว แล้วเดี๋ยวฉันพาเธอมาหาไรกิน โอเคไหม” ทรัชถามขึ้น ฉันก็ทำหน้าคิดหนัก แต่เมื่อมองไปที่เสื้อของเขา ฉันก็ต้องจำใจตอบตกลงอย่างทำอะไรไม่ได้เพราะฉันเป็นคนบอกไม่ให้ทรัชแก้ปัญหาด้วยเงินเอง
“งั้นไปกันเถอะ” แล้วทรัชก็จับมือฉันมาที่รถและขับรถพาฉันไปยังคอนโดของเขาทันที