เช้าวันต่อมา
“คุณจะรีบไปไหนคะ” สิรินเอ่ยถามธานินที่กำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นบน
“ผมต้องรีบไปประชุม”
“คุณจะไม่ทานข้าวกับฉันและลูกหน่อยเหรอคะ”
“ช่วงนี้มีโปรเจกต์ใหม่ ผมยุ่งๆ”
“ยุ่งเรื่องงานหรือเรื่องนังบ้านเล็กกันแน่” สิรินพูดแดกดันใส่สามี
“นี่คุณ ผมบอกไปแล้วไงว่านภาไม่ใช่เมียน้อยผม ถ้าคุณไม่เชื่อผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วนะ” ธานินตอบกลับไปด้วยท่าทีเหนื่อยใจ เพราะเขาอธิบายให้สิรินฟังหลายครั้งแล้ว แต่สิรินไม่เคยรับฟังเขาเลย แล้วทั้งคู่ก็ตั้งท่าจะทะเลาะกันอีกครั้ง
“ก็สิ่งที่คุณทำมันทำให้ฉันไม่เชื่อเองนี่”
“แต่คุณก็ควรจะรับฟังผมบ้าง ไม่ใช่เจอหน้าก็พูดจาแดกดันใส่กันแบบนี้”
“ถ้าอยากให้ฉันฟังก็ไล่มันสองคนออกไปสิ”
“คุณสิรินฟังนะ ผมกับนภาไม่ได้เป็นอะไรกัน นภาเขา…” ยังไม่ทันที่ธานินจะพูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ครืดด ครืดด~
ธานินเลิกสนใจสิรินและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายทันทีก่อนจะเดินออกไปด้วยความรีบร้อน
“ฮัลโหล ฉันกำลังไป เตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม” เสียงธานินคุยโทรศัพท์เดินห่างออกไป ทำให้สิรินกำหมัดแน่นเพราะเขายังคุยกับเธอไม่จบ แต่ธานินก็เลือกที่จะไม่สนใจเธอและเดินหนีไปทันที
“นังเรียม” สิรินตะโกนเรียกแม่บ้านคนสนิท
“คะคุณผู้หญิง”
“ไปตามนังสองแม่ลูกนั่นมาจัดโต๊ะอาหาร ฉันอนุญาตให้เธอใช้มันได้เต็มที่”
“เสร็จแล้วก็ไปตามคุณทรัชมาทานข้าว”
“ได้เลยค่ะคุณผู้หญิง เดี๋ยวเรียมจัดการให้ค่ะ” เรียมยิ้มออกมาอย่างน่าหมั่นไส้ก่อนจะรีบเดินออกไปทำตามคำสั่งเจ้านายทันที
ด้านพราวฟ้า
“คุณเมียน้อยคะ คุณเมียน้อย” เสียงป้าเรียมตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้านทำให้ฉันเดินออกไปดู
“ขอโทษนะคะ แม่ฉันไม่ใช่เมียน้อย” เมื่อเปิดประตูออกมาฉันรีบพูดขึ้นทันที
“จะใช่หรือไม่ใช่ฉันไม่รู้หรอกนะ แต่คุณผู้หญิงให้มาตาม”
“มีอะไรเหรอพราว” แล้วแม่ก็เดินมายืนด้านข้างฉัน
“คุณผู้หญิงให้มาตามพวกเธอไปจัดโต๊ะอาหารเดี๋ยวนี้”
“จัดโต๊ะอาหาร” แม่ทวนคำนั้นขึ้นมา
“ใช่ รีบตามมาล่ะ ถ้าชักช้าเดี๋ยวคุณผู้หญิงจะอารมณ์เสีย” ป้าเรียมพูดจบก็เดินออกไปทันที ฉันจึงหันมาพูดกับแม่
“เดี๋ยวพราวไปทำเองค่ะ”
“ไม่เป็นไรลูก ไปด้วยกันเนี่ยแหละ คุณสิรินคงไม่เกลียดเราแล้ว ถึงยอมให้ไปจัดโต๊ะอาหารให้ แม่อยากไปทำให้คุณสิริน”
“ก็ได้ค่ะแม่” แล้วฉันกับแม่ก็เดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่และช่วยกันจัดโต๊ะอาหารทันที
ผ่านไปสักพัก
เคร้ง! ขณะที่ฉันกำลังถือจานอาหารเพื่อมาวางบนโต๊ะนั้น จู่ๆ เสียงเหมือนอะไรบางอย่างตกก็ดังขึ้น ทำให้ฉันรีบเดินมาดูตามเสียงก็เห็นว่าแก้วตกแตกกระจายเต็มพื้นไปหมด
“แม่เป็นอะไรไปคะ” ฉันรีบเดินเข้าไปหาแม่ทันที
“แม่ไม่เป็นไรลูก แค่หน้ามืดนิดหน่อย” แม่พูดด้วยสีหน้าซีดเซียว
“พราวว่าแม่ไปพักก่อนดีกว่านะคะ เดี๋ยวพราวทำเองค่ะ” ฉันรีบประคองแม่กลับมาพักที่เรือนหลังเล็กทันทีโดยไม่ให้แม่ได้ทักท้วงใดๆ
“แม่โอเคแล้ว พราวไปจัดโต๊ะอาหารให้เสร็จเถอะลูก เดี๋ยวคุณสิรินลงมาจะไม่พอใจเอานะ” แม่เอ่ยบอกฉัน
“งั้นเดี๋ยวพราวรีบทำให้เสร็จ แล้วจะรีบกลับมาหาแม่นะคะ” แม่พยักหน้าตอบ ฉันก็รีบเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารในบ้านใหญ่ทันที
“เสร็จหรือยัง” เสียงแหลมของคุณสิรินเอ่ยถามขึ้น
“ใกล้เสร็จแล้วค่ะ” ฉันเอ่ยบอกและรีบก้มลงเก็บเศษแก้วที่แตกด้วยความรวดเร็ว
“โอ๊ยย!” แต่จู่ๆ ขณะที่ฉันกำลังใช้มือเก็บแก้วที่แม่ทำตกอยู่นั้น เท้าของคุณสิรินก็เดินเข้ามาเหยียบมือฉันเต็มแรงจนฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บทันที
“โทษที ฉันมองไม่เห็น ใครใช้ให้เธอเอามือมาวางขวางเท้าฉันไว้ล่ะ” คุณสิรินเหยียดยิ้มพูดขึ้น
“ขะ ขอโทษค่ะ” ฉันเอ่ยออกไปเสียงสั่นๆ เพราะรู้สึกเจ็บที่มือมาก ทำให้ฉันต้องฝืนตัวเองรีบเก็บเศษแก้วจนเสร็จและลุกขึ้นเอ่ยบอกคุณสิริน
“หนูขอตัวก่อนนะคะ”
“เชิญ” แล้วฉันก็รีบเดินออกมาทันทีก่อนจะมาหยุดนั่งลงที่โต๊ะใต้ต้นไม้ในสวนหลังบ้าน
“โอ๊ย!” ฉันพึมพำออกมาเบาๆ พร้อมกับดึงเศษแก้วเล็กๆที่บาดมืออยู่ออก
“เจ็บจัง” เลือดไหลซิบๆบนมือเล็ก
หมับ! จู่ๆ มือหนาของใครบางคนก็ดึงมือฉันไป ทำให้ฉันตกใจรีบเงยหน้าขึ้นไปมอง
“คุณทรัช”
“โชคดีที่บาดไม่ลึก” เรียวปากหนาเอ่ยออกมาแผ่วเบาก่อนจะนั่งลงข้างฉันและจับมือฉันมาไว้บนตักของเขา
“ทำอะไรคะ” ฉันถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ
“ทำแผลให้ไง” แล้วสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นกล่องยาที่วางอยู่ด้านข้างตัวของทรัช
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำเองได้ค่ะ” ฉันกำลังจะดึงมือออก แต่มือหนาก็จับมือของฉันไว้แน่น
“อยู่เฉยๆน่า” ทรัชมองหน้าฉันด้วยแววตาดุๆ ทำให้ฉันไม่กล้าที่จะดึงมือออก แล้วเขาก็ค่อยๆทำแผลให้ฉันอย่างเบามือที่สุด ฉันก็หันไปมองหน้าเขานิ่ง ทรัชเป็นคนหน้าตาดีมากๆเลยนะ เรียกได้ว่าหล่อโคตรๆเลยแหละ ฉันมองใบหน้าหล่อๆของเขานิ่งเหมือนถูกมนสะกดอยู่อย่างนั้น
“เสร็จแล้ว” แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมาทำให้เราเผลอสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ
“จะจ้องฉันอีกนานไหม” เรียวปากหนาเอ่ยออกมา ทำให้ฉันได้สติรีบผละสายตามองไปทางอื่นทันที
“เอ่อ..ขอบคุณนะคะ” ฉันรีบดึงมือออกจากมือเขา
“ไม่เป็นไร” เขาตอบกลับมาก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทำท่าจะเดินออกไป ฉันก็มองแผ่นหลังของเขานิ่งๆ แต่จู่ๆ ทรัชก็หันกลับมามองหน้าฉันอีกครั้ง
“ต่อไปไม่ต้องเรียกคุณหรอกนะ เรียกฉันว่าทรัชเฉยๆดีกว่า เราอายุเท่ากัน มาเป็นเพื่อนกันดีกว่านะ” เขาเอ่ยออกมาน้ำเสียงปกติก่อนจะยกยิ้มให้ฉัน
“เป็นเพื่อนกันงั้นเหรอ” ฉันทวนคำนั้นออกมา
“เธอไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันเหรอ” เขาเลิกคิ้วถามขึ้น
“อยากเป็นสิ ใครจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับทรัช” ฉันรีบตอบกลับไปทันที
“หึ” เขาก็แสยะยิ้มตอบกลับมา
“งั้นเราเป็นเพื่อนกันแล้วเนอะ” ฉันเอียงคอถามขึ้น เขาก็พยักหน้าตอบกลับมา ก่อนจะเดินออกไปทำให้ฉันยิ้มกว้างออกมาทันที แล้วฉันก็ก้มลงไปมองแผลบนมือที่ตอนนี้มีพลาสเตอร์ลายน้องหมีทำรูปหัวใจปิดแผลอยู่อย่างน่ารัก ฉันยกมืออีกข้างขึ้นมาลูบเบาๆ
“อย่างน้อยทรัชก็ไม่เกลียดเราเหมือนคุณสิริน” ฉันยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ และรู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก เขาแสนดีกับฉันเหลือเกินทั้งที่แม่ของเขาเกลียดฉันมากๆ
“ขอบคุณนะ” ฉันพูดกับพลาสเตอร์ที่ทรัชแปะไว้ให้และยิ้มออกมาอีกครั้ง