BAD LOVE 2 ย้ายเข้าบ้าน

1899 Words
ตึกตึก เสียงสองเท้าหนาเดินเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ ซึ่งมีคนเป็นแม่คอยยืนยิ้มต้อนรับอยู่ด้วยความดีใจ “ทรัชลูกรักของแม่” สิรินเอ่ยออกมาเสียงหวานที่เห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกลับมาบ้าน เพราะเธอเป็นคนโทรศัพท์ไปตามให้เขาเอง “สวัสดีครับแม่” ทรัชยกมือไหว้ก่อนจะเดินเข้าไปกอดคนเป็นแม่ “แม่คิดถึงจังเลยลูก” สิรินกอดตอบลูกชายแน่นด้วยความคิดถึง “คิดถึงแม่เหมือนกันครับ” “ถ้าแม่ไม่โทรไปตามให้มากินข้าวที่บ้าน ลูกก็คงไม่กลับบ้านหรอก” สิรินผละออกจากอ้อมกอดและตัดพ้อให้ลูกชายฟังด้วยท่าทีน้อยใจ “โอ๋ๆ ปีสี่แล้วผมติดเรียนหนักครับแม่ ขอโทษนะครับ” ทรัชก็รีบออดอ้อนแม่ทันที “จริงๆเลยนะเราเนี่ย” “วันนี้ผมกลับมาหาแม่แล้ว งั้นคืนนี้ผมนอนบ้านแล้วกันนะครับ” “ถึงลูกไม่นอน แม่ก็จะบังคับให้นอนอยู่ดี” ทั้งสองเดินพูดคุยกันเข้ามาในโต๊ะอาหารที่มีอาหารมากมายถูกจัดวางไว้เรียบร้อยแล้ว “แม่เตรียมอาหารไว้ให้ลูกเยอะเลยนะ” “น่ากินหมดเลยครับ” ทั้งสองยิ้มให้กันด้วยความสุข และนั่งลงที่โต๊ะอาหาร ก่อนที่ร่างสูงจะกวาดสายตามองหาใครอีกคนรอบๆบ้าน “แล้วพ่อล่ะครับแม่” “พ่อออกไปธุระข้างนอกตั้งแต่บ่ายแล้ว สงสัยมีงานด่วน เราทานกันก่อนแล้วกัน พ่อน่าจะทานด้านนอกมาแล้ว” สิรินเอ่ยบอกลูกชายเสียงนุ่มนวล มือบางยกขึ้นตักอาหารให้ลูกชายสุดที่รักจนเต็มจาน บรื้นน~ ขณะที่สองแม่ลูกกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่นั้น เสียงรถ Alphard ก็ขับเข้ามาโดยที่ชายวัยกลางคนเดินลงจากรถมาคนแรกและเดินนำเข้ามายังห้องอาหารทันที “อยู่กับพร้อมหน้าพอดีเลย” เสียงธานิน พ่อของทรัชเอ่ยขึ้นเรียกความสนใจให้สองแม่ลูกหันไปมองตามเสียง “อ้าว! คุณฉันคิดว่าจะกลับดึกกว่านี้ซะอีก” สิรินเอ่ยบอกสามี “พ่อ สวัสดีครับ” ทรัชยกมือขึ้นไหว้ ธานินก็รับไหว้ลูกชาย ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้โต๊ะอาหาร “ทานข้าวกันค่ะคุณ วันนี้ลูกอุตส่าห์กลับมาบ้าน” สิรินเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มมีความสุขที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก ที่นานๆทีจะมีภาพนี้ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นผู้หญิงสองคน เป็นหญิงวัยใกล้ๆเธอหนึ่งคน และหญิงสาววัยเดียวกับลูกชายเธออีกหนึ่งคน เดินประคองกันตามธานินเข้ามาด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ ทำให้รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าหายไปทันที “ใครเหรอคะคุณ” สิรินหันมาถามธานินด้วยความสงสัย “นั่งลงก่อนสิ ผมมีเรื่องอยากจะบอกคุณอยู่พอดี” “บอกเรื่องอะไรเหรอคะ” สิรินไม่ยอมนั่งตามที่ธานินบอกแต่เธอเลือกที่จะถามกลับไป ซึ่งทรัชก็ยืนมองอยู่เงียบๆ ก่อนที่ธานินจะควักมือเรียกผู้หญิงสองคนให้เดินเข้ามาใกล้ๆ “พวกเธอคือใครเหรอคะ” “นี่นภากับพราวฟ้า” ธานินเอ่ยแนะนำทั้งสองคน “สวัสดีค่ะ / สวัสดีค่ะคุณอา” นภากับพราวฟ้าเอ่ยทักทายสิรินด้วยความอ่อนน้อม ก่อนที่ดวงตากลมของหญิงสาวร่างเล็กจะเหลือบไปเห็นทรัชกำลังเปรยตามองมายังเธอนิ่งๆ ทรัชและพราวฟ้าสบสายตากันเล็กน้อยก่อนที่พราวฟ้าจะเป็นฝ่ายหลบสายตาของร่างสูงไป “ทั้งสองคนจะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา” ก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกด้วยเสียงเรียบนิ่ง สิรินที่ได้ยินก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันที “มะ หมายความว่าไงคะ” “ผมรับนภากับพราวฟ้ามาอยู่กับเราแล้ว” “ทะ ทำไมคุณต้องให้มาอยู่กับเราด้วย พวกเธอเป็นอะไรกับคุณ” สิรินพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ สายตามองไปยังสองแม่ลูกอย่างไม่เป็นมิตร “นภาเป็นภรรยาของเพื่อนผม แล้วเขา..” ยังไม่ทันที่ธานินจะพูดจบ “เมียเพื่อนหรือเมียน้อยคุณกันแน่ เพราะเมียเพื่อนคุณ ฉันรู้จักหมดทุกคน” สิรินตวาดใส่ทันที ตัวเธอสั่นเทาด้วยความโกรธ “แม่ใจเย็นๆนะครับ ฟังพ่ออธิบายก่อน” ทรัชที่เห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาโอบไหล่แม่พูดขึ้นทันที “ไม่เย็นแล้วทรัช ดูพ่อลูกทำสิ ไม่ไว้หน้าแม่เลย เอาผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาอยู่ในบ้านของเรา” “คุณพูดกับฉันมาตรงๆดีกว่า ว่านังนี่มันเป็นเมียน้อยคุณใช่ไหม” สิรินชี้หน้านภา “มะ ไม่ใช่นะคะ” นภาจะพูดปฏิเสธ “เงียบ ไม่ต้องสาระแนพูด ฉันไม่ได้ถามเธอ” สิรินหันไปตวาดใส่นภา ทำให้เธอสะดุ้งไปทันที “สิริน ก่อนที่คุณจะตีโพยตีพายไปกันใหญ่ คุณควรหยุดฟังผมก่อน” ธานินพูดขึ้นเสียงดัง “ฉันต้องฟังอะไรคุณอีก ในเมื่อทุกอย่างมันชัดขนาดนี้แล้ว” สิรินพูดขึ้นทั้งน้ำตา ที่เธอไม่ฟังสามีและเชื่อว่านภาเป็นเมียน้อยของธานิน เพราะสมัยก่อนที่เธอกับธานินจะแต่งงานกัน ธานินเองก็เป็นผู้ชายที่ร้ายพอตัวและก็มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาบ่อยๆจนเธอแอบระแวงเขามาตลอด แต่หลังจากแต่งงานธานินก็ไม่เคยมีใครจนวันนี้ที่จู่ๆ เขาก็พานภากับพราวฟ้า ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนเข้ามาในบ้าน ทำให้เธอปักใจเชื่อไปแบบนั้นว่านภาคือเมียน้อยของธานินแน่ๆ “นภาไม่ใช่เมียน้อยผม และเธอก็ขออยู่แค่เรือนหลังเล็ก ผมไม่ได้จะให้เธอมาอยู่ร่วมกับคุณในบ้านหลังใหญ่นี้” ธานินพยายามใช้เหตุผลเพื่อคุยกัน “แต่มันคือรั้วบ้านเดียวกัน ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาอยู่ทั้งนั้น พวกเธอไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” สิรินตวาดลั่นอย่างไม่ยอมฟังใคร ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ประตูบ้านหลังใหญ่ให้ทั้งสองคนออกไป “คะ คุณธานินคะ นภากับลูกไม่อยู่ที่นี่ก็ได้นะคะ” “ใช่ค่ะคุณอา” แล้วพราวฟ้าก็ทำท่าจะโอบไหล่พาแม่เดินออกไป “หนูพราวกับนภาไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ฉันรับปากไปแล้วว่าจะให้อยู่ที่นี่” “แต่ฉันไม่ให้อยู่” “แต่คุณต้องยอม เพราะที่นี่คือบ้านของผม” “คุณธานิน” สิรินเอ่ยเรียกชื่อสามีเสียงสั่น “ผมว่ารอคุณใจเย็นกว่านี้ค่อยคุยกันดีกว่านะ แล้วผมจะอธิบายให้ฟัง ส่วนนภากับพราวฟ้าตามผมมาทางนี้เถอะ” ธานินก็เดินพานภากับพราวฟ้าไปที่เรือนหลังเล็ก “คุณธานินคะ ฉันว่า” นภากำลังจะพูดขึ้น “มาเถอะ บ้านหลังนี้ผมเป็นเจ้าของคุณไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ถึงใครจะไม่ยอม แต่ผมอนุญาตให้อยู่” ธานินพูดกับนภาและพราวฟ้าด้วยเสียงเรียบ ทำให้ทั้งสองไม่กล้าจะพูดอะไรต่อได้แต่เดินตามธานินไป “กรี๊ดด” เสียงกรีดร้องดังตามหลังออกมา “แม่ใจเย็นๆนะครับ ตั้งสติสิครับ” ทรัชโอบกอดสิรินไว้เพื่อปลอมประโลม “ทรัชเห็นไหนลูก เห็นที่พ่อเขาทำกับแม่ไหม พ่อพาเมียน้อยเข้าบ้านมาหยามแม่ขนาดนี้ได้ยังไง ฮื่อออ” สิรินทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ออกมาอย่างหนัก โดยมีลูกชายคอยกอดปลอบอยู่ไม่ห่าง ผ่านไปสักพัก เมื่อทรัชปลอบสิรินจนสงบลงและพาเธอขึ้นไปพักเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินออกมาสูบบุหรี่บริเวณสวนหลังบ้าน “ฟู่ววว” ริมฝีปากหนาพ่นควันสีเทาขาวออกมาอย่างหนักหน่วง “แค่กๆ” จู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงไอออกมาเสียงดัง ทำให้เขาหันไปมอง ก็พบหญิงสาวกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้นั่งเล่นหลังต้นไม้ใหญ่ต้นเดียวกันกับที่เขายืนสูบบุหรี่อยู่ “เธอ” ร่างสูงเอ่ยออกมาเสียงเรียบ “คุณ แค่กๆ คือฉันแพ้บุหรี่น่ะค่ะ แค่กๆ คุณยอมดับก่อนได้ไหมคะ” หญิงสาวที่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นมาทำให้เธอหันไปมอง ก่อนจะยกมือขึ้นปิดจมูกและเอ่ยบอกเขาพร้อมกับไอออกมา “งั้นเหรอ” ร่างสูงก็มองไปยังบุหรี่ที่เขาพึ่งจุดสูบได้ไม่ถึงครึ่งมวนอย่างเสียดาย แต่ก็ยอมโยนทิ้งลงพื้นและใช้เท้าขยี้ดับมันทันที “ขอบคุณที่ยอมดับให้นะคะ” พราวฟ้าเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเป็นธรรมชาติของเธอ “เธอมาทำอะไรตรงนี้” ทรัชเลิกคิ้วถามขึ้น “คือฉันมานั่งสูดอากาศน่ะ ขอโทษนะคะที่รบกวน” หญิงสาวตอบกลับไปเสียงแผ่วเบา “นี่ไม่ใช่บ้านของเธอ อย่าเดินไปเดินมาบ่อย ถ้าแม่ฉันมาเห็นจะเป็นเรื่อง” ทรัชเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” แล้วร่างบางก็ทำท่าจะเดินออกไป “เดี๋ยว!” “คะ” พราวฟ้าหันกลับมาหาทรัช “พูดมาตรงๆ แม่เธอเป็นอะไรกับพ่อฉัน” สายตาคมจ้องใบหน้าสวยอย่างต้องการคำตอบ “แม่กับคุณอาธานินไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆค่ะ คุณอาเป็นเพื่อนของพ่อฉัน” หญิงสาวตอบกลับไปตามที่เธอรู้ “แล้วทำไมพ่อต้องให้เธอกับแม่ย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วย” “เราสองคนมีปัญหานิดหน่อยค่ะ แล้วคุณอาก็ยื่นมือเข้ามาช่วย ฉันกับแม่พยายามปฏิเสธแล้วนะคะ แต่คุณอาจะก้มกราบเราสองคนและบอกว่าทำเพื่อพ่อฉัน ทำให้ฉันกับแม่รู้สึกไม่ดีที่คุณอาจะทำแบบนั้นเลยไม่กล้าปฏิเสธอีกครั้งและยอมมากับคุณอาค่ะ” “งั้นเหรอ” “ค่ะ ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้คุณและแม่คุณไม่สบายใจ เมื่อไหร่ที่ฉันหาที่อยู่ใหม่ได้จะย้ายออกไปทันทีค่ะ” “ฉันจะเชื่อที่เธอพูดทั้งหมดได้ไหม” “ฉันไม่เคยโกหกใครค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยความจริงใจ ทำให้ทรัชชะงักไป “อืม ฉันจะลองเชื่อเธอดู” แล้วเขาก็ตอบกลับไปเสียงเรียบ ที่ทรัชเลือกจะเชื่อที่พราวฟ้าพูดเพราะเขามองเข้าไปในแววตาของเธอไม่มีท่าทีเลั่กลั่ก และดูจริงใจ เขาจึงเชื่อว่าเธอพูดจริงและทรัชก็รู้นิสัยและเชื่อใจพ่อของเขาดี “ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวเอ่ยบอกพร้อมกับยิ้มหวานให้เขาเล็กน้อย “เธอชื่ออะไรนะ” ร่างสูงถามขึ้น “พราวฟ้าค่ะ” “พราวฟ้า ฉันเรียกพราวเฉยๆได้ไหม” ร่างสูงถามขึ้น พราวฟ้าก็พยักหน้าตอบ “ฉันชื่อทรัชนะ” “อ่อ..ค่ะ งั้นฉันขอตัวเข้าบ้านไปดูแม่ก่อนนะคะ” หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเอ่ยบอกและเดินออกไปทันที สายตาคมมองตามร่างบางออกไปอย่างไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย “หึ พราวฟ้าชื่อเพราะดีนะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD